ซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ต่างตกใจ
ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามสังหารเทพมารหลินให้ได้เป็นคนแรก ต่างใช้ท่าไม้ตายและสำแดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมา คิดไปตามจิตใต้สำนึกว่า หากไม่ใช่เพราะพวกเขาสองคนขัดขวางกันเอง ตอนนี้คงฆ่าเทพมารหลินได้ตั้งนานแล้ว
แต่ใครจะคิดว่าความจริงกลับตรงข้าม!
แม้เทพมารหลินเผชิญการโจมตีอย่างรุนแรงของพวกเขาทั้งสอง แต่ไม่เพียงไม่เคยถูกกำราบ กลับยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ถึงขั้นทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงแรงกดดันหนึ่ง
นี่จะไม่ให้พวกเขาหวั่นไหวได้อย่างไร
“ฆ่า!”
ซาหลิวฉานตะโกน ราวกับเทพเถื่อนองค์หนึ่ง แข็งแรงมีพลัง ร่างกายประหนึ่งหลอมขึ้นจากเลือดหยก เจิดจ้าเป็นประกาย พุ่งทะยานขึ้นไป
เขาเป็นถึงบุตรเทพเผ่าฉลามสมุทร เป็นทายาทสัตว์ปีศาจบรรพกาลอยู่แต่เดิม มีกำลังอันยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ยามนี้โจมตีอย่างเดือดดาล พลานุภาพพลันแตกต่างจากเดิม
“หึ!”
ในเวลาเดียวกันชิงเหลียนเอ๋อร์เองก็ถูกกระตุ้นจนโกรธอย่างสิ้นเชิงแล้ว เงาร่างเพรียวยาวของนางแผ่แสงสีเขียวออกมา บนใบหน้างดงามเย็นชาเต็มไปด้วยความดุร้าย
ชิ้ง!
นางเรียกดาบโค้งสีเขียวที่ราวกับปีกนกเล่มหนึ่งออกมา อักษรสัญลักษณ์ด้านบนไหลเวียน นี่เป็นสมบัติลับที่ยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าสู้กันมาจนถึงตอนนี้ หลินสวินพอจะรู้ความสามารถของทั้งสองคร่าวๆ แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
เขาพุ่งเข้าตรงกลาง ร่างกายที่สง่างามอาบแสงศักดิ์สิทธิ์ นัยน์ตาเย็นชาเบิกโพลง สาดแสงประกาย ราวกับมหาเทพมาร อานุภาพน่าหวั่นหวาด
ครืนโครม!
การต่อสู้กลางอากาศดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ที่ตรงนั้นแสงประกายพวยพุ่ง เลือดลมพลุ่งพล่าน สายลมรุนแรง หากเกิดขึ้นในเมืองเกรงว่าคงนำพาวิบัติภัยที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน
ตู้ม!
ในการต่อสู้ หลินสวินใช้แรงหมัดสลายการป้องกันของซาหลิวฉานโดยตรง จากนั้นพุ่งปะทะอย่างแข็งกร้าว ลมหมัดที่ส่องประกายแสบตาสะเทือนจนง่ามนิ้วของซาหลิวฉานแตก เลือดสดสาดกระเซ็น
หลินสวินในตอนนี้เผด็จการอย่างที่สุด พลังต่อสู้ทั่วทั้งร่างพลุ่งพล่าน มีอานุภาพกวาดล้างสรรพทิศ
ปัง!
แรงหมัดของเขาน่ากลัวเกินไป ทำให้ห้วงอากาศแถบนี้ถูกแสงเจิดจ้าปกคลุม แสบตาอย่างที่สุด ท้องฟ้าทั้งผืนราวกับถูกสะเทือนไหว คำรามและสั่นสะเทือนไปตามแรงหมัด
ทันใดนั้นซาหลิวฉานพลันเซถอย ถูกซัดจนเลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเดือดดาลถึงขีดสุดทันที
“เป็นไปได้อย่างไร!” เขาตะโกนอย่างฉุนเฉียว เขาเคยสืบข่าวต่างๆ เกี่ยวกับหลินสวินอย่างละเอียดที่หน้าต้นข่าวสาร และเห็นว่าหากตนลงมือก็สามารถกำราบอีกฝ่ายได้
เพียงแต่ซาหลิวฉานกลับไม่เคยคิดว่า สิ่งที่เขารู้คือหลินสวินในช่วงก่อน หลินสวินในตอนนี้ได้ผ่านมหาเคราะห์สามพิบัติมาตั้งนานแล้ว ได้เปลี่ยนแปลงสู่ระดับใหม่อย่างสิ้นเชิง แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก!
ผู้คนในที่นั้นตะลึง อุทานเสียงหลง รู้สึกยากจะเชื่อ
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเทพมารหลินที่เดิมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกบุคคลแห่งยุคชั้นยอดสองคนกดข่มอย่างต่อเนื่อง กลับเริ่มเป็นฝ่ายคุกคามในสถานการณ์เช่นนี้!
เหล่าผู้กล้าเองก็ตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจแต่ก็จำต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาดูถูกเทพมารหลินเกินไป
นี่ทำให้พวกเขาต่างไม่สบายใจมาก
ครืนโครม!
ท้องฟ้าเขย่าแผ่นดินสะเทือน
เพิ่งซัดซาหลิวฉานจนถอยไป เงาร่างของหลินสวินพริบไหว ทะยานขึ้นแล้วยื่นมือออกไป โคจรความเร้นลับของผนึกป้าเซี่ย หยุดดาบที่โจมตีเข้ามาของชิงเหลียนเอ๋อร์ในชั่วพริบตา
และหลินสวินก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งไปข้างหน้า ปล่อยหมัดที่ผสมผสานเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์อันมหัศจรรย์และสมบูรณ์แบบออกไปอย่างรุนแรง
ตูม!
หมัดนี้ทำให้อากาศถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ราวกับเศษผ้า อานุภาพเกินต้านทาน เผด็จการถึงขีดสุด กระแทกดาบโค้งสีเขียวนั่นโดยตรง
ชิงเหลียนเอ๋อร์สั่นเทิ้มไปทั้งกายราวกับถูกฟ้าผ่า รู้สึกแน่นหน้าอก ทรมานจนเกือบจะกระอักเลือด จำต้องถอยหนีไป ดาบโค้งสีเขียวของนางยิ่งเกือบจะปลิวหลุดมือไป
ครืนโครม~~~ ตรงตำแหน่งที่นางยืนอยู่ตอนแรก อากาศระเบิดกลายเป็นกระแสปั่นป่วนแผ่กระจายออกมา นี่ทำให้ในใจชิงเหลียนเอ๋อร์หวาดหวั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง พลันขมวดคิ้ว เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ทว่าแม้จะเสียเปรียบไปเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะเป็นซาหลิวฉานหรือชิงเหลียนเอ๋อร์ ก็สมกับที่เป็นบุคคลแห่งยุคชั้นยอดรุ่นเยาว์ ไม่บาดเจ็บเลยสักนิด
เพียงแต่สีหน้าของพวกเขาต่างแฝงความจริงจัง ตระหนักได้ว่าเทพมารหลินที่อยู่ตรงหน้า คงจะมีรากฐานพลังอันน่ากลัวที่สามารถกำราบคนในระดับเดียวกันได้เหมือนกับพวกเขา
นี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งสามสู้กันอย่างวุ่นวายอลม่าน กลางท้องฟ้า เมฆแตกสลาย อากาศปั่นป่วน ตกอยู่ท่ามกลางความสั่นสะเทือน
ส่วนผู้ฝึกปราณในที่นั้นได้แต่อึ้งค้างอยู่กับที่ไปนานแล้ว ในใจถูกความตะลึงอันไร้ขีดจำกัดท่วมท้น
ช่างสมกับที่เป็นเทพมารหลิน!
อวดอ้างชื่อซะที่ไหนกัน ไม่สมคำร่ำลือซะที่ไหนกัน นี่มันดุร้ายและผงาดผยองยิ่งกว่าในข่าวลือชัดๆ!
ภายใต้การโจมตีของผู้กล้าไร้เทียมทานสองคน ยังสามารถสู้มาได้ถึงตอนนี้ ถึงขั้นที่เคยซัดคู่ต่อสู้จนล่าถอย อานุภาพที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ ทอดสายตามองไปในบรรดาคนรุ่นเยาว์จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้
“ภายใต้ชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ ไม่เคยมีผู้อ่อนแอ!” มีผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสทอดถอนใจ ประโยคเดียวก็พิสูจน์แล้วว่า คำวิจารณ์ของผู้ฝึกปราณมากมายที่มีต่อหลินสวินก่อนหน้านี้น่าขันแค่ไหน
“เด็กนี่พลังต่อสู้น่าทึ่งจริงๆ ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันยากจะมีคนสู้ได้แล้ว” ผู้กล้าหลายคนในที่นั้นติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็กล้าฟันธงแล้วว่า ความสามารถของหลินสวินถือว่าเป็นบุคคลชั้นยอดแห่งยุคในบรรดาคนรุ่นเยาว์แล้ว
“ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะแพ้ชนะอย่างไร ในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ พวกเราก็มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์