ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ณ เมืองผาดารา สีหน้าไป่เฟิงหลิวโลดแล่น พูดน้ำลายแตกฟอง
เขาฮึกเหิมยิ่ง เมื่อนึกถึงศึกอลหม่านสะท้านโลกที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่ ใบหน้าชราพลันตื่นเต้นจนเปล่งประกาย
น้องหลิน?
หลินสวินลอบดูแคลนอยู่ในใจ เจ้าเฒ่าสากกะเบือคนนี้ช่างไหลลื่นเสียจริงๆ ตีสนิทกับตนอย่างแยบยลทีเดียว
“หลินสวิน ข้ากลับรู้สึกว่าหลังจากการต่อสู้วันนี้ เกรงว่ารังแต่จะทำให้เจ้าตกเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่าเดิม” เยวี่ยเจี้ยนหมิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสียงขรึม
ไป่เฟิงหลิวอึ้งงัน จากนั้นจึงกล่าวอย่างขึงขัง “นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่งจริงๆ อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็แสดงความกร้าวแกร่ง เกือบสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์คนนั้นไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียวพวกนั้นจะต้องแค้นเจ้าฝังหุ่นเป็นแน่”
“นอกจากนี้ยังมีซาหลิวฉานที่ถูกเจ้าเอาชนะคนนั้นอีก ต้องไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเล่นงานเจ้าอีกครั้งยามเทศกาลโคมกถามรรคเริ่มขึ้น”
กลับเห็นเยวี่ยเจี้ยนหมิงส่ายหน้า “ไม่เพียงเท่านี้ ละแวกหอวสันตสารทในวันนี้มีบุคคลไร้เทียมทานรวมตัวกันไม่รู้ตั้งเท่าไร พวกเขาเห็นการต่อสู้ครั้งนี้กับตาตัวเอง ยากจะรับประกันว่าจะไม่มีความคิดอื่นใดเป็นพิเศษต่อหลินสวิน”
หลินสวินหรี่ตาลง ความจริงแล้วครั้งนี้ยามที่ต่อสู้กับซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์นั้น เขาก็ตระหนักว่าภายใต้สายตาจับจ้องของกลุ่มคน แทบเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าสองคนนี้ให้ตายอย่างสิ้นเชิง
เหตุผลนั้นง่ายดาย ทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นบุคคลแห่งยุค ครั้งนี้มุ่งหน้ามาร่วมเทศกาลโคมกถามรรค ข้างกายจะต้องมียอดฝีมือคอยอารักขาอยู่เป็นแน่
นอกจากนี้หลินสวินยังสงสัยยิ่ง ว่าในมือบุคคลแห่งยุคอย่างซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ จะต้องมีไพ่ตายรักษาชีวิตมากมายอยู่แล้ว
อย่างไรเสียเมื่อพวกเขาประสบเคราะห์ ขุมอำนาจที่หนุนหลังพวกเขาเหล่านั้นก็จะต้องซัดโจมตีอย่างหนัก สร้างความเสียหายย่อยยับเป็นล้นพ้นอย่างแน่นอน!
ตอนนั้นการปรากฏตัวของท่านย่ากระเรียนทองก็ได้พิสูจน์การคาดเดาของหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คิดจะฆ่าบุคคลแห่งยุคระดับซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายขนาดนั้น
คิดถึงตรงนี้หัวใจหลินสวินเต้นแรง ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงกล่าวถามว่า “เจ้าไป่ เจ้ารู้จักท่านย่ากระเรียนทองคนนั้นหรือไม่”
ไป่เฟิงหลิวกล่าวอย่างสบายๆ “หญิงชราคนนี้เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ระดับอาวุโสในเรือนกระบี่เร้นปุจฉาสูงส่งถึงขีดสุด แม้แต่ยามที่มู่ซางเสวี่ยเจ้าสำนักเรือนกระบี่เร้นปุจฉาคนปัจจุบันเผชิญหน้ากับหญิงชราคนนี้ ก็ยังต้องให้ความเคารพอยู่สามส่วน”
กล่าวถึงตรงนี้ไป่เฟิงหลิวพลันเบิกตาโพลง ตบต้นขาหนึ่งฉาดกล่าวว่า “ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน! ในเมื่อท่านย่ากระเรียนทองปรากฏตัววันนี้ เช่นนั้นจะต้องเป็นเพราะว่าจี้ซิงเหยาธิดาเทพคนปัจจุบันของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาคนนั้นมาถึงแล้วนั่นเอง!”
จี้ซิงเหยา?
สีหน้าท่าทางของหลินสวินแปลกไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ทำไมถึงพูดเช่นนี้”
ไป่เฟิงหลิวกล่าวอธิบาย “ในแดนฐิติประจิม ณ ปัจจุบัน รู้กันเกือบทุกคนว่าเพื่อปกป้องจี้ซิงเหยา เรือนกระบี่เร้นปุจฉาเชิญท่านย่ากระเรียนทองคนนี้ออกมาติดตามเป็นเงาตามตัวอยู่ข้างกายจี้ซิงเหยาโดยไม่เสียดาย นี่ก็มีนัยว่าขอเพียงท่านย่ากระเรียนทองปรากฏตัว จี้ซิงเหยาก็อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง!”
‘ที่แท้นางก็คือจี้ซิงเหยานี่เอง…’
ชั่วครู่ในสมองของหลินสวินก็ผุดภาพเด็กสาวคนหนึ่งที่มีกลิ่นอายเยียบเย็นดั่งหิมะ เงียบขรึมสันโดษ สวมชุดกระโปรงสีดำทั้งตัว รูปร่างอรชร ดวงหน้าถูกหน้ากากสีเงินปกปิดไปครึ่งซีก เผยให้เห็นเพียงนัยน์ตาใสกระจ่างดุจดวงดาราคู่หนึ่ง และริมฝีปากแดงฉ่ำเอิบอิ่มคู่นั้น
เด็กสาวสวมหน้ากากลึกลับคนนั้น ที่ประมือกับตนในลานประลองยุทธ์หมอกสนของนครเตโช!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินสวินก็จนวาจาในบัดดล เด็กสาวที่ทระนงตนหาใดเปรียบคนนั้น ก็คือจี้ซิงเหยาธิดาเทพคนปัจจุบันแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ใครจะกล้าเชื่อกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ที่หลินสวินค่อนข้างใจฝ่อก็คือ ในตอนนั้นยามที่ประมือกับจี้ซิงเหยา เขาเคยชนบั้นท้ายของเด็กสาวคนนี้อย่าง ‘ไม่ทันระวัง’ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดบางประการ ทำเอาฝ่ายหลังเคียดแค้นแทบคลั่งในทันที หากไม่ใช่เพราะเขาเผ่นอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดข้อพิพาทมากมายเท่าไรกัน
ปวดหัวนัก!
มุมปากของหลินสวินกระตุกขึ้นอย่างจับสังเกตได้ยาก หากเขารู้แต่แรกว่าเด็กสาวที่ทระนงตนถึงที่สุดคนนั้นคือจี้ซิงเหยา เขาจะคารวะอยู่ห่างๆ อย่างแน่นอน
ช่วยไม่ได้ เด็กสาวคนนี้ถูกขนานนามว่าเป็นแนวหน้าของคนรุ่นเยาว์ในแดนฐิติประจิม ราวกับเทพเซียนบนแดนสรวง ถูกผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ตื๊ออย่างคลั่งไคล้
ขอเพียงสร้างความเกี่ยวข้องบางอย่างกับนาง จะต้องนำมาซึ่งความวุ่นวายมากมายที่ไม่อาจคาดเดาได้
“น้องหลิน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า… เจ้าดูเหมือนจะมีความคิดพิเศษบางอย่างต่อจี้ซิงเหยา?” ทันใดนั้นใบหน้าชราของไป่เฟิงหลิวพลันชะโงกเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ ทำหน้าคลุมเครือและอยากรู้อยากเห็น
ผัวะ!
หลินสวินตบเข้าที่ท้ายทอยของเขาหนึ่งฉาด กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าคิดอุตริให้มันน้อยๆ หน่อย ข้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงทระนงตนหาใดเปรียบคนนี้แม้แต่นิดเดียว”
เพียงแต่ไป่เฟิงหลิวยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวแย้มยิ้มยิงฟันว่า “เจ้าไม่เคยเห็นจี้ซิงเหยาด้วยซ้ำ ไฉนจึงรู้ว่านางทระนงตนยิ่งนัก”
ไม่อาจไม่พูด สังหรณ์ของไป่เฟิงหลิวคนนี้โคตรแม่นยำซะจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นชายที่จะหมายมั่นปั้นมือจะเป็นราชาแห่งข่าวสาร
เมื่อเห็นสีหน้าหลินสวินเริ่มดูมืดทะมึนขึ้นมา ไป่เฟิงหลิวหัวเราะร่วนทันที ไม่เอ่ยถึงประเด็นนี้อีก เพียงแต่ในใจเขารู้สึกเปี่ยมสุขหาที่เปรียบไม่ได้ ลางสังหรณ์ที่บ่มเพาะมาจากการสืบข่าวนานหลายปีบอกเขาว่า เทพมารหลินจะต้องมีเรื่อง ‘ชู้สาว’ กับจี้ซิงเหยาเป็นแน่แท้!
‘แหมๆ เมื่อครู่เพิ่งจะเกี้ยวพาแม่นางคนหนึ่งที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะ ยามนี้ดันมีความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ถูกกับธิดาเทพคนปัจจุบันแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาอีก นี่เทพมารหลินกำลังเล่นบทรักสามเส้า หรือว่าสองนางแย่งสามีอยู่กันแน่’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์