ไป่เฟิงหลิวเป็นถึงสายสืบมือฉมังของเผ่าวาทวาโย มักแพร่กระจายข่าวสารต่างๆ อยู่เสมอ ประสาทสัมผัสก็ไวต่อความรู้สึกของผู้ฝึกปราณทั่วไปด้วย
เขาระบุได้ในทันทีว่ามรสุมโจมตีหลินสวินฉากหนึ่งกำลังจะมา!
เหตุผลนั้นง่ายมาก หลินสวินผงาดเร็วเกินไปนั่นเอง!
เมื่อครึ่งปีก่อนแดนฐิติประจิมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนชื่อนี้อยู่ด้วย แต่เพียงช่วงเวลาไม่กี่เดือนสั้นๆ เขาผงาดกร้าวอย่างแข็งแกร่ง สำแดงความโดดเด่น ก่อให้เกิดคลื่นลมไม่รู้เท่าไร
เริ่มจากการประลองสะท้านโลกครั้งหนึ่งกับเด็กสาวสวมหน้ากากลึกลับที่นครเตโช จากนั้นยังเป็นศัตรูกับผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมากมาย เปิดฉากการไล่ล่าดุเดือดที่ได้รับความสนใจไปทั่ว
จวบจนบัดนี้ ยิ่งเอาชนะซาหลิวฉาน เกือบสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ด้วยตัวคนเดียวภายใต้สายตาที่จับจ้องของเหล่าผู้กล้า…
ยามนี้ทั่วโลกต่างรู้ว่าเทพมารหลินมาจากโลกชั้นล่าง แต่เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนนี้ดันผงาดง้ำอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานชื่อก้องแดนฐิติประจิม จะไม่ให้ผู้คนคิดมากก็คงยาก!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกมาว่าเทพมารหลินครอบครองมหาศุภโชค ซ้ำยังมีสมบัติอริยะที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน แค่คิดก็รู้ว่าเมื่อผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ รู้เรื่องนี้เข้าจะคิดอย่างไร
“เป็นใครกันแน่”
หลินสวินขมวดคิ้ว จมสู่ภวังค์ความคิด ตั้งแต่เขาเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณจนถึงตอนนี้ ได้ล่วงเกิดผู้คนไปไม่น้อยจริงๆ แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน กลับไม่สามารถระบุได้ว่าใครที่ทำเช่นนี้กันแน่
เพราะมีผู้ต้องสงสัยมากเกินไป ทั้งเซี่ยอวี้ถัง ซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ จงหลีอู๋จี้…
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ข่าวพรรค์นี้ก็แพร่ออกไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานพิสูจน์อะไรเลยสักนิด ก็สามารถทำให้เขากลายเป็นเป้าโจมตีได้!
“น้องหลิน บนตัวเจ้าคงไม่ได้… มีสมบัติอริยะจริงๆ หรอกกระมัง” ลังเลอยู่นาน ไป่เฟิงหลิวก็อดถามออกมาไม่ได้
หลินสวินปรายตามองเขาปราดหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
ไป่เฟิงหลิวพิพักพิพ่วน รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “ข้าไหนเลยจะรู้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะครอบครองสมบัติอริยะหรือไม่ สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่สู้ดีจริงๆ พรุ่งนี้เทศกาลโคมกถามรรคก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ดันเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้เสียได้ นี่เห็นชัดเลยว่ากำลังจ้องเล่นงานเจ้าอยู่!”
หลินสวินพยักหน้า นัยน์ตาดำของเขาลุ่มลึก ทอประกายเย็นเยียบ ไม่ว่าเป็นใคร หากคิดอาศัยเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้จัดการเขา ล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งนั้น!
“กล่าวถึงที่สุดแล้วก็ยังเป็นเพราะเจ้าผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปอยู่ดี”
เยวี่ยเจี้ยนหมิงที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าค่อนข้างซับซ้อน เจือแววชื่นชม และมีความรู้สึกหดหู่ประการหนึ่ง
จากนั้นเขาก็เก็บอารมณ์กล่าวอย่างจริงจัง “หอกซึ่งหน้าหลบเลี่ยงง่าย ศรในที่ลับยากป้องกัน คนปล่อยข่าวในครั้งนี้อำมหิตหาที่เปรียบไม่ได้ เล็งเห็นโอกาสเหมาะ ก็ทำให้เจ้าตกเป็นเป้าโดยที่แทบไม่ได้เปลืองแรงอะไรเลย สามารถคาดเดาได้ว่ายามที่เจ้าเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค จะต้องมีคนสะกดความรู้สึกล่อหูล่อตานี้ไม่ไหว แล้วกระโจนออกมาเล่นงานเจ้าอย่างแน่นอน”
ไป่เฟิงหลิวทอดถอนใจ “เรื่องคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ ทุกคนต่างรู้กันทั่วว่าหลินสวินมาจากโลกชั้นล่าง หนึ่งคือไม่มีภูมิหลัง สองคือไร้ที่พึ่ง เรียกได้ว่าโดดเดี่ยวลำพัง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครอยากจัดการหลินสวิน ก็ไม่ต้องมีความกังวลและกริ่งเกรงใดๆ ทั้งนั้น”
สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง หากหลินสวินเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณบางแห่งในแดนฐิติประจิม แม้ผู้คนจะรู้ว่าบนตัวเขามีศุภโชค ถือครองสมบัติอริยะ หากคิดจะจัดการเขาก็ต้องชั่งใจถึงผลที่ตามมาอยู่บ้าง
แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าหลินสวินไม่มีเงื่อนไขข้อนี้!
เห็นว่าทั้งคู่ต่างหวั่นวิตก หลินสวินก็อึ้งงันอย่างไม่ได้ ยิ้มกล่าวว่า “สนไปไยว่าเขาเป็นใคร ในเทศกาลโคมกถามรรค ข้าจะบั่นคอจงหลีอู๋จี้ หากมีคนอื่นๆ กล้าพรวดพราดออกมา แค่ฆ่ามันซะก็สิ้นเรื่อง”
คำพูดเหล่านี้เรียบง่ายยิ่ง แต่เห็นได้ชัดว่ากร้าวแกร่งหาใดเปรียบ ไอสังหารพวยพุ่ง
ทันใดนั้นในใจไป่เฟิงหลิวและเยวี่ยเจี้ยนหมิงพลันสั่นสะท้าน รู้ว่าหลินสวินถูกยั่วโมโหจนเกิดจิตสังหารขึ้นในใจแล้วจริงๆ!
ครู่ใหญ่ให้หลัง ไป่เฟิงหลิวเกาหัวแกรกๆ กล่าวว่า “ทำไมจู่ๆ ข้าถึงเริ่มรู้สึกเวทนาศัตรูที่ไม่ลืมหูลืมตาพวกนั้นขึ้นมาเสียแล้ว”
เยวี่ยเจี้ยนหมิงกล่าวอย่างเห็นด้วยสุดซึ้ง “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
…
ในเมืองผาดารา ลมเมฆกระโชกพลุ่งพล่าน
หลังจากข่าวเกี่ยวกับหลินสวินแพร่ออกไป ความโกลาหลที่เกิดขึ้นก็หนักหนาเกินไปจริงๆ
หากเป็นเมื่อก่อน จะต้องมีคนมากมายแค่นเสียงขึ้นจมูกไม่เชื่อข่าวลือพรรค์นี้
แต่ยามนี้ผู้ฝึกปราณมากมายต่างมั่นใจว่าเทพมารหลินเป็นบุคคลไร้เทียมทานที่คู่ควรแก่ชื่อเสียง ป่าเถื่อนดุร้าย แม้แต่ซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ชื่อเสียงของหลินสวินก็ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ได้รับคำชมต่างๆ ที่ไม่อาจคาดคิด
แต่ว่าหลังจากข่าวนี้แพร่ออกมา กลับทำให้ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่เริ่มเชื่อว่าหลินสวินครอบครองศุภโชค ซ้ำยังถือครองสมบัติอริยะไร้เทียมทานบางอย่างอยู่จริงๆ ไม่เช่นนั้นเด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนหนึ่งอย่างเขามีหรือจะครอบครองพลังต่อสู้น่าสะพรึงระดับนี้ได้
“เป็นศุภโชคระดับใดกันแน่ ถึงกับทำให้เด็กหนุ่มโลกชั้นล่างคนหนึ่งลอกคราบกลายเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานที่สามารถสยบคนรุ่นเดียวกันได้”
ผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างใจเต้นระส่ำ คาดเดากันไปต่างๆ นานา คิดว่าหลินสวินอาจได้รับมรดกวิชาพลิกฟ้าบางอย่าง หรือไม่ก็ได้รับสมบัติอริยะระดับสูงอย่างหนึ่ง
กระทั่งมีคนสงสัยว่าหลินสวินได้รับมรดกตกทอดจากอริยะแล้ว ไม่เช่นนั้นมีหรือจะครอบครองสมบัติอริยะไร้เทียมทานได้
สรุปแล้วการคาดเดาและวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ก็ทำให้ผู้ฝึกปราณมากหน้าหลายตาบังเกิดความคิดและมโนคติอันละเอียดอ่อนบางอย่างขึ้นอย่างไร้ร่องรอย
แม้แต่ยามที่เหล่าผู้กล้าบางส่วนกำลังถกเถียงเรื่องนี้กันอยู่ สีหน้ายังเจือความผิดแผกไม่มากก็น้อย ถึงแม้ภายนอกจะไม่พูดอะไร แต่ในใจมีความคิดมากมายตั้งแต่ต้นแล้ว
“นี่จึงจะสมเหตุสมผล เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มาจากโลกชั้นล่าง กลับกลายเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานดุจดั่งมัจฉาทองกลายร่างเป็นมังกร หากบอกว่าเขาไม่มีศุภโชคบางอย่าง นั่นสิถึงเรียกว่าไม่ปกติ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์