“การทดสอบด่านแรกสิ้นสุดลงแล้ว!”
ผู้ฝึกปราณที่รออยู่ตรงนั้นทุกคนล้วนเห็นว่าเหนือเขาพยับคราม รัศมีเทพสีม่วงพวยพุ่งแล้วแปรสภาพเป็นกลุ่มเมฆวังวนน่าหวาดหวั่นกลุ่มหนึ่ง
“จำนวนผู้ฝึกปราณที่ถูกคัดออกออกมาหรือยัง”
คนใหญ่คนโตหลายคนสอบถาม
“อย่างน้อยก็ต้องมากกว่าหลักพันกระมัง”
“หลักพันหรือ ไม่น่าจะน้อยเช่นนี้ ได้ยินจากเหล่าผู้กล้าที่ถูกคัดออกจากการทดสอบบางคนว่า บททดสอบด่านแรกของงานถกมรรคครั้งนี้อันตรายหาใดเทียบ มีอสูรมารที่พลังน่ากลัวมากมายปรากฏตัว เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“เช่นนั้นน่าจะถูกคัดออกไปกี่คน”
นอกเขาพยับคราม ตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงถึงที่สุด
ผู้กล้าที่ถูกคัดออกจากการทดสอบบางคนรู้สึกอับอายขายหน้า รีบร้อนจากไปพร้อมความขื่นขมและไม่ยินยอมเต็มอกอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนผู้อาวุโสในสำนักของพวกเขา เห็นเช่นนี้ก็ทำได้เพียงถอนใจอย่างจนปัญญา
และมีผู้กล้าบางคนเดือดดาลรับไม่ได้ ยังคงดื้อดึงอยู่ที่นั่นไม่ต้องการออกไป หมายจะรอเอาคืน
สาเหตุก็ง่ายนัก พวกเขาหากไม่ถูกคัดออกอย่างน่าหดหู่ในระหว่างการแข่งขันกับผู้กล้าคนอื่น ก็เป็นถูกคนลอบจู่โจมเตะออกจากการแข่งขัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะยินยอมเลิกราได้หรือ
“แน่ใจได้ว่ามีเหล่าผู้กล้ามากกว่าสามพันแต่ไม่เกินสี่พันคนถูกคัดออกในด่านแรก!”
ไม่นานนักเผ่าวาทวาโยก็ปล่อยข่าวหนึ่ง ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาไปทั้งนอกเขาพยับคราม แม้แต่คนใหญ่คนโตเหล่านั้น เมื่อได้ยินตัวเลขก็อดสะท้านใจไม่ได้
บุคคลระดับผู้กล้าที่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้มีเรือนหมื่น พูดถึงจำนวนผู้เข้าร่วมมากมายนั้น เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยเป็นมา
แต่ตอนนี้แค่ในการทดสอบด่านแรกเท่านั้น ก็มีบุคคลระดับผู้กล้าจากที่ต่างๆ ในแดนฐิติประจิมสามพันกว่าคนถูกเตะออกจากการทดสอบ อัตราการคัดออกสูงมากจนน่าตระหนก!
ในขณะเดียวกันก็มีข่าวเหลือเชื่อบางข่าวกระจายออกมา ก่อให้เกิดเสียงทอดถอนใจอย่างประหลาดใจ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ในที่นั้นนับไม่ถ้วน
“จี้ซิงเหยาผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ชิงปลาเกล็ดม่วงหนวดมังกรตัวหนึ่งเหนือทะเลสาบแสงทองแดนลี้ลับไม้เขียว ได้รับมรดกวิชามรรคชั้นเลิศไปหนึ่งวิชา!”
“เหลยเชียนจวิน ‘เหลยโหวน้อย’ แห่งเผ่ามหาอสนี ชิงไผ่ชั้นทมิฬหิมะเย็นเยียบต้นหนึ่งที่ทะเลวารีรงค์ดินแดนลี้ลับเพลิงแดง ได้รับมรดกวิชามรรคชั้นเลิศไปหนึ่งวิชา!”
“อวี่หลิงคง ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณ ชิงธงวิญญาณศึกเลือดมังกรผืนหนึ่งได้ที่สนามรบปฐพีพิทักษ์ในแดนลี้ลับเจ็ดทองคำ ได้รับ…”
……
เมื่อทุกข่าวเผยแพร่ออกมาก็ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาระลอกหนึ่งในที่นั้น พากันถกเกียงสนทนา
ขนาดคนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังไม่อาจสงบนิ่งได้ ติดตามข่าวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
วิชามรรคชั้นเลิศ!
นี่คือมรดกที่ล้วนเรียกได้ว่าเป็นของล้ำค่าหายากในสำนักเก่าแก่โบราณของแดนฐิติประจิม สูงค่าและมีน้อยนัก!
“เพิ่งเป็นบททดสอบด่านแรกเท่านั้น กลับมีวิชามรรคชั้นเลิศเช่นนี้ปรากฏขึ้นแล้ว ในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งก่อนๆ ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน!”
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งเอ่ยปากอย่างตกใจ
“ที่ท่านย่ากระเรียนทองพูดไว้ก่อนหน้านี้ถูกต้องแล้ว เทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้จะต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง”
“วิชามรรคชั้นเลิศเชียวนะ มรดกวิชาเพียงชิ้นเดียวก็สามารถทำให้พลังของขุมอำนาจหนึ่งสูงขึ้นมากแล้ว!”
คนใหญ่คนโตหลายคนทอดถอนใจ
ทันใดนั้น เสียงคำรามดาลเดือดระลอกหนึ่งก็ดังมาจากที่ไกลออกไป…
“อะไรนะ เจ้าบอกว่าไอ้เวรเทพมารหลินนั่นชิงดอกบัวเพลิงที่เก็บซ่อนวิชามรรคชั้นเลิศดอกหนึ่งไปจากมือบุตรเทพของพวกเราหรือ”
“สารเลว! สารเลวนัก!”
“ไม่น่ากระมัง ขนาดหลี่ชิงฮวน ผู้สืบทอดของพวกเราสำนักยุทธ์สมุทรครามยังขัดขวางเทพมารหลินไม่ได้หรือ”
“ไอ้เด็กนี่สมควรฆ่าทิ้ง! ถ้าไม่ใช่เพราะมันมาขวางกลางทาง ดอกบัวเพลิงเก้ากลีบดอกนั้นต้องเป็นของศิษย์พี่อู่ต้วนหยาสำนักตะวันทมิฬของพวกเราแน่!”
กลุ่มคนที่อยู่ใกล้เคียงเพิ่งพบว่าเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเหล่านี้เป็นเหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าฉลามสมุทร สำนักยุทธ์สมุทรคราม และสำนักตะวันทมิฬ
พวกเขาแต่ละคนสีหน้าพิกลหาใดเทียบ ท่าทางเต้นเร่าด้วยความโกรธ
“จริงหรือนี่ เทพมารหลินแข็งแกร่งปานนี้เลยหรือ”
มีคนสงสัย แต่ไม่นานนักก็ได้รับการยืนยัน
“ไม่เพียงเท่านี้ ทันทีที่เทพมารหลินนั่นขึ้นเขาน้ำแข็งปทุมเพลิง ก็ชิงดอกบัวเพลิงเก้ากลีบดอกหนึ่ง ดอกบัวเพลิงแปดกลีบสองดอกและดอกบัวเพลิงเจ็ดกลีบหนึ่งดอกไปได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่มีใครขัดขวางเขาได้ ร้ายกาจป่วนไปหมด”
ผู้กล้าที่ได้เป็นประจักษ์พยานการขึ้นเขาน้ำแข็งปทุมเพลิงของหลินสวิน แต่ในที่สุดก็ถูกคัดออกจากการทดสอบตอบเช่นนี้
ทันใดนั้นเสียงสูดหายใจเยียบเย็นระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นนอกเขาพยับคราม ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดผู้ฝึกปราณจากเผ่าฉลามสมุทร สำนักยุทธ์สมุทรคราม และสำนักตะวันทมิฬเหล่านั้นถึงได้โมโหขนาดนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าก็ไม่อาจสงบใจได้เช่นกัน
“เดี๋ยวๆ พูดแบบนี้แปลว่าเทพมารหลินคนเดียวได้วิชามรรคชั้นเลิศวิชาหนึ่ง กับมรดกวิชามรรคที่เรียกได้ว่าชั้นหนึ่งอีกสามวิชาหรือ”
และมีหลายคนประหลาดใจ อิจฉาตาร้อนที่หลินสวินได้วาสนาไม่หยุดหย่อน
วิชามรรค!
สิ่งนี้ไม่อาจเทียบกับวิชาลับได้ ล้ำค่าสูงส่งหาใดเทียบ
ส่วนวิชามรรคชั้นหนึ่งยิ่งหายากและสูงค่า ในแดนฐิติประจิมปัจจุบันก็มีเพียงสำนักเก่าแก่กับตระกูลที่มีภูมิหลังยาวนานถึงที่สุดเหล่านั้นถึงได้ครอบครองมรดกวิชามรรคระดับนี้
แต่เทพมารหลินคนนี้ช่างกล้านัก ในการทดสอบถกมรรคด่านแรกเท่านั้น ตัวเขาคนเดียวก็ได้มรดกวิชามรรคชั้นหนึ่งหลายวิชาไปครอง นี่จะไม่ทำให้ใครที่รู้เข้าอิจฉาริษยาได้อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์