เมื่อบรรดาคนใหญ่คนโตที่อยู่โลกภายนอกได้รู้ว่า ผู้กล้าสามคนแรกที่สำแดงพลังได้อย่างยอดเยี่ยมในการทดสอบถกมรรคด่านที่สองจะได้รับรางวัลพิเศษชิ้นหนึ่ง ต่างก็พากันไหวหวั่นไม่ขาดสาย
แม้แต่เทศกาลโคมกถามรรคเมื่อในอดีตก็ไม่เคยมีมาก่อน!
นี่จะเป็นรางวัลอย่างไรกันแน่
บรรดาคนใหญ่คนโตต่างจมสู่ความคิด สีหน้าดูผิดแผกไปจากเดิม
เขาพยับครามได้รับการขนานนามว่าภูเขาเทพบรรพกาล ทุกร้อยปีจะปรากฏออกมาเพียงหนึ่งครั้ง บนนั้นมีต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ควบรวมออกมาเป็นดอกโคมสำริด ซ่อนวาสนาที่หาได้ยาก
หากว่าบททดสอบถกมรรคด่านที่สองนี้มีรางวัลพิเศษมอบให้จริงๆ จะต้องไม่ใช่เล็กๆ เป็นแน่
“เขตขีดจำกัด มีเพียงทุ่มพลังทั้งหมดจึงจะมีโอกาสผ่านการทดสอบ ทว่าจะตัดสินอย่างไรกันแน่ว่าผู้ใดสำแดงพลังได้ยอดเยี่ยมที่สุด” มีคนใหญ่คนโตเอ่ยถามออกมา
“ง่ายมาก ด่านนี้มีเวลาจำกัด นี่มีนัยว่าใครที่ใช้เวลาผ่านการทดสอบได้สั้นที่สุด ผู้นั้นก็ย่อมมีผลคะแนนที่สูง”
ท่านย่ากระเรียนทองใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ค่อยเอ่ยวาจา
“แต่ว่าเขตขีดจำกัดนี้ลี้ลับน่าอัศจรรย์อย่างมาก กำจัดศัตรูไปมากน้อยเท่าไร ก็จะส่งผลต่อคะแนนด้วยเช่นกัน”
“อีกทั้งเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้แตกต่างกับในอดีตอย่างสิ้นเชิง ในนั้นเกรงว่าจะยังแฝงเร้นความลี้ลับอื่นไว้อีก แต่ไม่ว่าอย่างไรหากอยากได้รางวัลพิเศษระดับนี้ ย่อมไม่ง่ายดายแน่นอน”
บรรดาคนใหญ่คนโตต่างเห็นพ้องต้องกัน
“จากที่ข้าคาดการณ์ไว้ รางวัลพิเศษชิ้นนี้จะต้องมีส่วนของจี้ซิงเหยาผู้สืบทอดแห่งสำนักอันทรงเกียรติแน่” มีคนใหญ่คนโตเอ่ยขึ้นมาฉับพลัน
ท่านย่ากระเรียนทองกล่าวด้วยสีหน้าเมินเฉย “วาสนาเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดบอกได้หรอกว่าใครจะได้ครอบครอง สหายยุทธ์ทุกท่านอย่ามัวคาดเดามั่วซั่วเลย”
นี่คือการกล่าวเตือนโดยไร้รูปอย่างหนึ่ง
โดดเด่นเกินไปจะมีภัย นางไม่อยากให้ผู้คนจับจ้องไปยังจี้ซิงเหยามากเกินไป
แน่นอนว่าในฐานะคนแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉา หากมีปัญหามาถึงที่จริงๆ พวกเขาก็ย่อมไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด
…
ฟ้าดินขมุกขมัวก่อตัวเป็นผู้ฝึกปราณคนแล้วคนเล่าไม่หยุด พวกเขาเสมือนเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณสักแห่ง มีวิชาอัศจรรย์แตกต่างกัน พลังต่อสู้น่าหวาดผวาเหลือล้น
แม้พวกเขาจะไร้สติปัญญา ทว่าล้วนอาจหาญไม่กลัวตาย ในมือถือของวิเศษอาทิ กระบี่วิญญาณ ทวนวงเดือน หอกยาว ดาบศึก กระถางหยก ตราประทับเป็นต้น บุกทะลวงกลางฟ้าดิน แม้ว่าอานุภาพจะแตกต่างกันไป ทว่าล้วนแต่กดดันททั้งสิ้น
พลังหมัดปลดปล่อยออกไป!
หลินสวินสำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์เต็มกำลัง นัยน์ตาเยียบเย็นราวสายฟ้า ผมยาวปลิวไสว สีหน้าผงาดผยองดุจเทพมารบุกทะลวงเก้าชั้นฟ้า
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ผู้ฝึกปราณถูกพิฆาตคนแล้วคนเล่า ร่างประหนึ่งละอองแสงที่แตกระเบิด แปรเป็นเมฆหมอกขมุกขมัวมลายลับไป
ในเวลาเดียวกันหลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งตะลุยไปเบื้องหน้าเต็มกำลัง
เพียงแต่หลินสวินค่อยๆ รู้สึกว่ากินแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่เคลื่อนคล้อย ระดับความเร็วที่บุกทะยานไปเบื้องหน้าก็เริ่มได้รับผลกระทบ
‘แม้แต่เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรก็ไม่อาจสำแดงฤทธิ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์แล้ว…’ สีหน้าของหลินสวินเผยความคร่ำเคร่ง
ตามที่เขาคาดคะเน ศักยภาพของผู้ฝึกปราณที่ได้พบครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถตีเสมอผู้กล้าชั้นยอดระดับอู่ต้วนหยาได้!
‘ช่างวิปริตเสียจริง เพียงแต่…’
หลินสวินนึกถึงจุดนี้ มุมปากก็อดยกโค้งขึ้นมาไม่ได้
นี่จะโทษใครก็ไม่ได้ หากจะโทษคงต้องโทษที่ศักยภาพของเขาแข็งแกร่งเกินไป ทำให้การทำสอบที่ได้รับมายากเย็นและอันตรายยิ่งยวด
หลินสวินถึงขั้นสงสัยว่า ในผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการทดสอบถกมรรคด่านที่สองนี้ คนที่ต้องเจอบททดสอบวิปริตระดับนี้แบบตนต้องมีเพียงไม่กี่คนแน่
อย่างในตอนแรก สำแดงวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิง ก็สามารถกวาดล้างอย่างราบคาบได้แถบใหญ่
ทว่าภายหลัง อานุภาพของธารดาราหลอมเพลิงสามารถสังหารศัตรูได้เพียงเจ็ดแปดคนเท่านั้น
และเมื่อใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร รูปการจึงมรความเปลี่ยนแปลง ทำให้หลินสวินเริ่มต้นการบดขยี้อีกครั้ง
มายามนี้… กลับต่างไปแล้ว!
ต่อให้หลินสวินสำแดงพลังถึงขีดสุด ก็สามารถกำราบศัตรูได้มากสุดแค่ห้าหกคนเท่านั้น
นี่ไม่ใช่เพราะพลังของเขาอ่อนแอลง แต่เป็นศักยภาพของศัตรูที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องต่างหาก!
…
ตูมโครม!
กลางฟ้าดินพลังหมัดพุ่งออกไป แวววาวดุจกระแสสายฟ้าที่กรีดผ่าห้วงอากาศ มีผู้ฝึกปราณถูกสังหารไม่หยุด แหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
เพียงแต่ในฟ้าดินขมุกขมัวนี้ยังมีผู้ฝึกปราณที่ร้ายกาจยิ่งกว่าปรากฏตัวตามกันออกมา ศักยภาพทรงพลังแข็งแกร่งเป็นเท่าทวี
ปัง!
ไม่นานนัก หมัดของหลินสวินทำได้เพียงทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นไม่อาจสังหารได้ในการโจมตีเดียว ส่วนฝ่ายหลังยังคงบุกเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย
‘ถึงขีดจำกัดแล้ว’
‘ความสามารถของเจ้าพวกนี้ไม่ต่างจากยอดฝีมืออย่างซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย อาศัยแค่เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรคงจะฆ่าไม่ตายแล้ว’
หลินสวินคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ไว้ตั้งแต่ต้น จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ทันที เรียกดาบหักออกมาเสียงดังชิ้ง
สวบ!
ดาบหักที่เกือบโปร่ง แสงเจิดจ้าวราวหิมะกวาดตวัดกลางห้วงอากาศ ในชั่วพริบตาก็สังหารผู้ฝึกปราณไปสิบกว่าคน
ว่ากันถึงที่สุดแล้วดาบหักคือศาสตราจิต ศักยภาพของมันเดิมก็น่าอัศจรรย์หาใดเทียบ เรียกได้ว่าเป็นดาบดุดันเย้ยฟ้าเล่มหนึ่ง ภายใต้การควบคุมด้วย ‘มรดกอักษรปฐมแห่งค่ายกลลายมรรค’ ของหลินสวิน อานุภาพที่ปลดปล่อยจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
ฆ่า!
หลินสวินรุดหน้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
…
เวลาหนึ่งก้านธูป หากเป็นแต่ก่อนเพียงชั่วดีดนิ้วก็ผ่านไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์