แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งวาบ ผู้ฝึกปราณคนสุดท้ายที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้าถูกกำจัดสิ้น
มุมปากของอวี่หลิงคงพลันปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ
สำเร็จแล้ว!
นอกพันจั้ง นั่นก็คือจุดหมาย!
เวลานี้เขาหายใจหอบเล็กน้อย ตลอดทางฝ่าทะลวงมาเต็มกำลัง ทำให้เขาเสียแรงไปมากโข ทว่าความหวังอยู่ตรงหน้า นั่นทำให้เขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้ช่างคุ้มค่า
‘ผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็สมปรารถนาแล้ว…’
อวี่หลิงคงพึมพำอยู่ในใจ เขาไม่มัวรีรอแต่อย่างใด รุดหน้าบุกทะลวง เขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องคาดไม่ถึงใดๆ เพราะความเลินเล่อเสี้ยวเดียวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายนี้แน่!
ตึง!
ทว่ายามอีกเพียงร้อยจั้งเงาร่างของเขาก็จะถึงจุดหมาย ฟ้าดินขมุกขมัวนี้ก็พลันเกิดเสียงดังกึกก้องราวกับเป็นเสียงระฆังลั่นบอกเวลา ขจรขจายไปยังทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน กู่ก้องกังวาน
นี่…
ทีแรกอวี่หลิงคงตะลึงงันไปก่อน รอยยิ้มบางๆ ตรงมุมปากพลันแข็งค้าง ดวงตาเบิกโต ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ จะมีคนชิงไปถึงก่อนข้าก้าวหนึ่งได้อย่างไร”
อวี่หลิงคงราวกับโดนฟ้าผ่า ในใจถูกความเดือดดาลและไม่ยินยอมซึ่งไม่เคยมีมาก่อนท่วมท้น พาให้เขาแผดเสียงออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ห่างเพียงร้อยจั้ง!
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน แค่พริบตาเดียวก็ไปถึงจุดหมายได้ ไม่จำเป็นต้องพะวงแต่อย่างใด
ทว่ายามนี้ บนระยะทางอีกแค่ชั่วพริบตานั้น กลับมีคนชิงไปถึงจุดหมายก่อน!
การโจมตีนี้รุนแรงเกินไป ต่อให้อวี่หลิงคงเป็นคนอารมณ์ดีแค่ไหน ยามนี้ก็โมโหจนแทบจะกระอักเลือด ในใจแค้นจนอยากจะฆ่าคน
เป็นไปได้อย่างไร
ทั่วร่างเขาแผ่พลังน่าหวาดหวั่นออกมา ตรงดิ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า เรือนผมแผ่สยายราวกับเทพสวรรค์บันดาลโทสะ สีหน้าคล้ำเขียว กลิ่นอายน่ากลัว
……
‘เขตขีดจำกัดนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ทะลวงฟันมาตลอดจนถึงยามนี้ ถึงกับปลุกเร้าขีดจำกัดที่มีทั้งหมดของข้า การฝึกฝนเช่นนี้ช่างหาได้ยากนัก’
อีกหนึ่งเขตขีดจำกัด แววตาของจี้ซิงเหยาใสกระจ่าง ประกายแวววาวระยิบระยับตา
นางรู้สึกได้ชัดเจนว่าเมื่อผ่านการเคี่ยวกรำหนนี้แล้ว จะทำให้นางได้ประโยชน์ต่างๆ มากมาย การฝึกปราณฝึกยุทธ์ก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น!
แม้ในใจคิดเช่นนี้ จี้ซิงเหยาก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวแม้สักนิด เงาร่างราวกับสายรุ้งน่าตะลึง รุดหน้าฝ่าทะลวงไป
จุดหมายก็อยู่เบื้องหน้านี่เอง!
จี้ซิงเหยามีความมั่นใจอย่างแรงกล้าต่อศักยภาพของตน เชื่อมั่นว่าในการทดสอบถกมรรคด่านที่สองนี้ รางวัลของสามอันดับแรกจะต้องมีส่วนของตนหนึ่งส่วนแน่
ถึงขั้นที่นางตั้งเป้าว่าจะชิงที่หนึ่งมาได้
นี่ไม่ใช่ความทะนงตน แต่มาจากความมั่นใจที่นางมีต่อศักยภาพของตนเอง
ตึง!
เพียงแต่พริบตาที่นางกำลังจะเข้าใกล้จุดหมาย กลางฟ้าดินพลันมีเสียงระฆังก้องกังวานยาวนาน
ในชั่วพริบตานั้นจี้ซิงเหยาตัวแข็งทื่อ นัยน์ตากระจ่างแผ่แสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ‘หรือจะเป็นเจ้าอวี่หลิงคงนั่น เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าไม่เคยประมือกับเขา แต่หากพูดถึงพลังเบื้องลึกเบื้องหลัง ข้าย่อมไม่ด้อยไปกว่าเจ้านั่นแน่!’
แม้คิดเช่นนี้ ทว่าในใจกลับมีความหดหู่เสี้ยวหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ทำให้อารมณ์ของจี้ซิงเหยายากจะสงบนิ่ง
…
‘คงเป็นจี้ซิงเหยา!’
มู่เจี้ยนถิงแห่งอารามพรางมรกตขมวดคิ้ว ในใจทอดถอนใจ ไม่เสียทีที่เป็นธิดาเทพแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาในปัจจุบัน ศักยภาพเช่นนี้แน่นอนว่าเป็นเรื่องน่าทึ่ง ยากจะมีคนไม่ยอมรับ
…
“เป็นไปได้อย่างไร! เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ก็มีคนแรกไปถึงจุดหมายแล้ว?”
ซาหลิวฉานตะโกนอย่างแค้นเคืองและไม่ยินยอม
…
“จี้ซิงเหยา? หรือจะเป็นอวี่หลิงคง?”
ทั่วร่างเหลยเชียนจวิน ‘เหลยโหวน้อย’ แห่งเผ่ามหาอสนีเปี่ยมด้วยเจตจำนงต่อสู้ “แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ถึงยิ่งน่าสนุก หากไร้ซึ่งคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ชีวิตนี้คงน่าเบื่อหน่ายเกินไปแล้ว”
……
ในเขตขีดจำกัดที่แตกต่างกัน เสียงระฆังที่ดังสะเทือนเลือนลั่นในเวลาเดียวกันนั้น ผู้กล้าที่กำลังถกมรรคได้ยินกันถ้วนหน้า
ชั่วพริบตาการตอบสนองของพวกเขาล้วนแตกต่าง สีหน้าก็ต่างกันไปต่างๆ นานา มีทั้งตื่นตะลึง ไม่ยินยอม งงัน ประหลาดใจ
นอกเขาพยับครามในเวลานี้ บรรดาผู้ฝึกปราณที่เฝ้าคอยอยู่ก็ล้วนได้ยินเสียงระฆังดังกึกก้อง ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น
“มีคนไปถึงจุดหมายเป็นคนแรกแล้ว!”
“ต้องเป็นจี้ซิงเหยาแน่ มีเพียงนางเท่านั้นถึงมีความสามารถ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็ก้าวนำเหล่าผู้กล้าทั้งหลายไปได้!”
“ไม่ผิด หากพูดถึงคนที่มีศักยภาพมากที่สุดในการชิงที่หนึ่งของการทดสอบถกมรรคด่านที่สองนี้ จี้ซิงเหยาย่อมเป็นคนที่มีความหวังที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย”
“อย่าเพิ่งกล่าวกันเกินเหตุไปก่อนเลย บททดสอบถกมรรคด่านที่สองนี้ยุติธรรมเป็นที่สุด ความยากแปรผันตามศักยภาพของผู้ฝึกปราณแต่ละคน ข้าว่าบุคคลแห่งยุคคนอื่นๆ ก็อาจจะทำได้เช่นเดียวกัน อย่างเช่นเทพมารหลิน”
“เทพมารหลิน? ฮ่าๆๆ เจ้าคงไม่อำข้าเล่นหรอกนะ ถึงกับเอาเขามาเปรียบกับเทพธิดาจี้ นี่เป็นการดูหมิ่นเทพธิดาจี้ชัดๆ!”
“ใช่แล้ว! พูดแบบสมมติสุดๆ ต่อให้เทพธิดาจี้ทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ คนที่มีคุณสมบัติพอจะทำได้ก็ไม่มีทางเป็นเทพมารหลิน บุคคลแห่งยุคอย่างมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวน เหลยเชียนจวิน หรือจงหลีอู๋จี้พวกนั้น ก็ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าเทพมารหลินมากนัก”
ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างวิพากษ์วิจารณ์ ถึงขั้นถกเถียงอย่างเอาเป็นเอาตายเสียจนหน้าแดงก่ำ
ส่วนเหล่าคนใหญ่คนโตพวกนั้นก็ดูเยือกเย็นมาก เพียงแต่ภายในใจพวกเขากลับไม่อาจสงบนิ่ง ยามพูดจาก็ดูสงวนท่าทีอย่างเห็นได้ชัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์