นางมีผมงามนุ่มสลวย คิ้วโค้งงอน นัยน์ตากระจ่างส่องประกายดุจดารา ทุกการเคลื่อนไหวเจือความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ประดุจเทพธิดาเย็นยะเยือกราวหิมะ
ในสายตาอวี่หลิงคง เห็นจะมีเพียงผู้กล้าหญิงแห่งยุคเช่นนี้จึงควรค่าให้เขาไล่ตามแสวงหา
แท้จริงแล้วการที่เขาข้ามเขตแดนวิภู เดินทางจากแดนกาฬทักษิณผ่านพันภูผาหมื่นวารีครานี้ นอกจากเพื่อเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคแล้ว จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดคือการใกล้ชิดจี้ซิงเหยา
แต่ยามนี้ได้เห็น ‘การถ่ายทอดความรู้สึก’ ระหว่างหลินสวินและจี้ซิงเหยากับตา ทำให้ในใจอวี่หลิงคงยากจะรับราวกับกินแมลงวันตายเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
“แม่นางจี้ เจ้านี่พูดจาจาบจ้วงทำลายชื่อเสียงเจ้า ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่” อวี่หลิงคงเอ่ยปาก ยิ้มน้อยๆ ให้จี้ซิงเหยา จากนั้นค่อยมองหลินสวินด้วยสายตาเย็นชา
เทพมารหลินอะไร เขาล้วนไม่สนใจทั้งสิ้น!
ผู้แข็งแกร่งละแวกใกล้เคียงทั้งหมดต่างตื่นตระหนกคาดไม่ถึง จี้ซิงเหยายังไม่แสดงท่าทีอะไร อวี่หลิงคงบุคคลแห่งยุคซึ่งมาจากแดนกาฬทักษิณนี่กลับเสนอตัวออกมาเสียก่อน
เดิมจี้ซิงเหยาก็แค้นจนกัดฟันกรอด ข่มความวู่วามที่อยากพุ่งออกไปฉีกร่างหลินสวินเต็มที่ แต่เมื่อได้ยินวาจานี้ของอวี่หลิงคง กลับทำให้ในใจนางยิ่งสั่นไหว หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
อวี่หลิงคงนี่หมายความว่าอะไร คิดจริงหรือว่าเรื่องเล็กแค่นี้นางจะจัดการไม่ได้จนต้องให้คนอื่นมาช่วย
จี้ซิงเหยารู้ความในใจของอวี่หลิงคงที่มีต่อตน แต่นางกลับไม่สนใจอวี่หลิงคงแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นตอนแรกนางคงไม่แอบหนีมายังนครเตโช ไม่ยอมพบหน้าอวี่หลิงคงซึ่งมาเยือน
แม้พูดว่าระหว่างนางกับหลินสวินไม่มีอะไรจริง แต่นางก็ไม่ชอบใจความเอาอกเอาใจของอวี่หลิงคงเวลานี้เช่นเดียวกัน นี่ทำให้นางหงุดหงิดอย่างมาก
สีหน้าหลินสวินประหลาดไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเลิกคิ้วกล่าว “สหายท่านนี้ เจ้าพูดจาให้บันยะบันยังหน่อย พูดจาบจ้วงอะไรกัน เรื่องของข้ากับแม่นางจี้สองคน คนนอกอย่างเจ้าไม่รู้อะไรก็สอดปากเข้ามาจุ้น ไม่รู้จักกาลเทศะมากไปหรือเปล่า”
ผู้แข็งแกร่งทุกคนตรงนั้นอ้าปากค้าง เทพมารหลินช่างแข็งกร้าวซะจริง ถึงกับด่าอวี่หลิงคงว่าไม่รู้จักกาลเทศะตรงๆ!
“บังอาจ!”
“ไอ้หนู เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร”
“รีบขอโทษศิษย์พี่อวี่ซะ!”
เหล่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะซึ่งมาพร้อมอวี่หลิงคง ขณะนี้ต่างส่งเสียงเดือดดาล ดุว่าหลินสวิน มองว่าเขาล่วงเกินและสบประมาทเกียรติภูมิของอวี่หลิงคง นี่คือการดูหมิ่นหยาบคาย
หลินสวินเหลือบมองคนเหล่านี้คราหนึ่ง เขายังจำได้ หลายวันก่อนยามพบไป๋หลิงซี คนพวกนี้ก็วางท่าหยิ่งผยองเหนือผู้อื่น ออกจะดูถูกตนเสียด้วยซ้ำ
เวลานั้นหลินสวินคร้านจะคิดเล็กคิดน้อย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายยังได้คืบจะเอาศอก เห็นว่าเขาหลินสวินกลั่นแกล้งง่ายนักหรือ
นัยน์ตาดำของเขาเย็นเยียบ “พวกเจ้าหุบปากซะดีกว่า ที่นี่ไม่ใช่แดนกาฬทักษิณและไม่ใช่แดนพิสุทธิ์อมตะ หาใช่ที่ให้พวกเจ้ามาลำพอง”
“เจ้า…” หนุ่มสาวรุ่นเยาว์เหล่านั้นโกรธจัด
เห็นบรรยากาศชักตึงเครียด ในใจไป๋หลิงซีวิตกกังวล เดินออกมาทันทีหมายทำการไกล่เกลี่ย
แต่อวี่หลิงคงพลันสะบัดมือพลางกล่าว “ศิษย์น้องไป๋ ข้ารู้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเด็กนี่ ถอยไปเถอะ นี่ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
สีหน้าเขาเฉยชานิ่งสงบ ร่างสูงโปร่งแผ่ความน่าเกรงขามอันไร้รูป มีกลิ่นอายไม่อาจขัดขืนประการหนึ่ง
หลินสวินยิ้มกล่าว “วาจานี้กล่าวได้ไม่เลว แม่นางไป๋เจ้าไม่ต้องลำบากใจ เจ้าเองก็รู้ ข้าหลินสวินฝึกปราณมาจนบัดนี้ ไม่เคยถูกขู่จนหงอ”
คิ้วเรียวยาวของไป๋หลิงซีขมวดมุ่น แต่สุดท้ายก็ถอนใจถอยกลับไป
นางมองออก ไม่ว่าอวี่หลิงคงหรือหลินสวิน เวลานี้ใครต่างไม่อาจถอยแม้เพียงก้าว นี่เกี่ยวเนื่องกับศักดิ์ศรีของทั้งคู่
แต่ขณะนี้ผู้กล้าทั้งหมดซึ่งมุงดูอยู่ใกล้ๆ ในใจต่างรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง ล้วนคาดไม่ถึงว่าเทพมารหลินนี่ไม่เพียงคล้ายข้องเกี่ยวกับจี้ซิงเหยา กระทั่งยังรู้จักมักคุ้นกับไป๋หลิงซีแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะนั่นอยู่ก่อนแล้ว!
นี่มันช่างไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว!
เทพมารหลินมีคุณธรรมอะไร ถึงถูกหญิงงามสองคนที่รูปโฉมเรียกได้ว่าโดดเด่น ท่วงท่าสง่างามปฏิบัติตัวด้วยเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มมากมายต่างอิจฉาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
แน่นอนว่าเอกบุคคลอย่างซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ จงหลีอู๋จี้ที่ดูเหมือนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ เงียบๆ แต่ความจริงภายในใจแทบอยากให้หลินสวินและอวี่หลิงเกิดความขัดแย้งกันอย่างยิ่ง หากบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่จนถูกคัดออกหมดจะดีที่สุด!
…
แววตาอวี่หลิงคงประเมินหลินสวินหัวจรดเท้าอย่างละเอียด ก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ “คนทั่วไปต่างบอกว่าเจ้าเทพมารหลินใจกล้าเกินคน แต่จากที่ข้าเห็น หากบอกว่าเจ้าใจกล้า สู้พูดว่ารนหาที่ตายเสียยังดีกว่า”
รนหาที่ตาย!
เหล่าผู้กล้าต่างตกตะลึง ปัจจุบันเทพมารหลินอานุภาพร้ายกาจเป็นที่โจษขาน มีผลงานการต่อสู้กองพะเนินมาพิสูจน์ความทรงพลังของตัวเองนานแล้ว น้อยคนนักที่จะกล้าประเมินเขาเช่นนี้
แต่ตอนนี้อวี่หลิงคงไม่เพียงพูดขึ้นมา ซ้ำยังกล่าวต่อหน้าเทพมารหลิน นี่เผยว่าอวี่หลิงคงไม่เคยเห็นเทพมารหลินในสายตาแต่แรกโดยไม่ต้องสงสัย!
“ในเทศกาลโคมกถามรรคนี้ ข้าก็ไม่อยากสร้างความลำบากให้เจ้า ตอนนี้จะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ขอโทษข้าและแม่นางจี้ แล้วครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
น้ำเสียงอวี่หลิงคงสบายอารมณ์ ร่างเขาสูงโปร่ง หน้าตาสง่าผ่าเผย มีท่วงท่าหยิ่งทะนงผงาดผยอง ข่มขู่ผู้คนเหลือประมาณ
หลินสวินร้องอ้อทีหนึ่งกำลังจะพูดอะไร กลับเห็นจี้ซิงเหยาที่อยู่ห่างไกลยืนนิ่ง ท่าทางราวคนนอกที่คิดดูเรื่องสนุก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์