นี่คือการหยั่งรู้มรดกจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น หลินสวินพลันรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนกำลังเปลี่ยนแปลง ยิ่งใหญ่ขึ้น จมสู่การหยั่งรู้ในระดับลึกอย่างหนึ่ง
ฉึบ!
ก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เหนือวิญญาณแห่งพลังจิตของหลินสวินพรั่งพรูแสงบริสุทธิ์ที่สว่างไสวราวกับภาพฝันมากมาย สดใสทรงพลัง แผ่กระจายพลุ่งพล่าน
สุดท้ายเกาะตัวเป็นดอกตูมที่ราวกับภาพมายาดอกหนึ่ง
ไม่นานดอกตูมเบ่งบาน พร้อมกับแสงมรรคที่สว่างไสวบริสุทธิ์
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
กลีบทุกกลีบเบ่งบาน ส่งเสียงธรรมไพเราะและมหัศจรรย์สั่นสะเทือนจิตวิญญาณ ทำให้ทั้งตัววิญญาณแห่งพลังจิตมีความรู้สึกเหมือนถูกชำระล้างและยกระดับถึงขีดสุด
สุดท้ายดอกตูมเบ่งบานอย่างสิ้นเชิง ในเกสรพรั่งพรูละอองแสงขาวโพลนดั่งหิมะ ราวกับเป็นภาพมายา วิเศษอัศจรรย์
มันลอยอยู่เหนือวิญญาณแห่งพลังจิต ปลดปล่อยแสงราวกับน้ำพุมากมาย ส่องสว่างวิญญาณแห่งพลังจิตให้โปร่งใสทั้งแถบ
ชั่วพริบตาเดียวหลินสวินรับรู้ได้อย่างฉับไวว่าจิตวิญญาณของตนเปลี่ยนไปอีกครั้ง ราวกับมีแสงแห่งสติปัญญาจุดหนึ่งปลุกความทรงจำของตนขึ้นมา ทุกภาพตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ ทุกประสบการณ์ในเส้นทางการฝึกปราณ ราวกับภาพม้วนแล้วม้วนเล่าสะท้อนอยู่ในใจอย่างประณีตละเอียดอ่อน
‘ดอกเทพรวมยอด สามารถมองเห็นความจริงแห่งอดีต!’
หลินสวินตระหนักได้อย่างหนึ่งว่า ดอกเทพหนึ่งดอกที่วิญญาณแห่งพลังจิตควบรวมออกมานี้ แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง
นี่ทำให้เขาประหลาดใจ เพียงแค่โคมแห่งความมืดที่เปล่งแสงแห่งรัตติกาลนิรันดร์หนึ่งดวงเท่านั้น แต่การรับรู้มรดกจิตวิญญาณอันเก่าแก่ที่ประทับอยู่ กลับนำพาให้พลังจิตวิญญาณของเขาก้าวสู่ระดับใหม่ นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ดอกไม้นี้เกิดจากจิตวิญญาณ เป็นตัวแทนของการฝึกปราณ ‘ในอดีต’ ของตน ทำให้ในใจหลินสวินเกิดการหยั่งรู้มากมาย
เขาเพิ่งจะเข้าใจว่า ที่แท้ในสมัยบรรพกาลก็มีแบ่งระดับการฝึกจิตวิญญาณเช่นเดียวกัน
โดยแบ่งเป็น ‘ระดับสัมผัสรู้’ ‘ระดับจิตรับรู้’ ‘ระดับวิญญาณเทพ’ ‘ระดับดอกเทพรวมยอด’ ‘ระดับระดับจิตลอยล่อง’ ‘ระดับแปรเทพเปลี่ยนอริยะ’ ทั้งหมดหกระดับใหญ่
ระดับสัมผัสรู้ คือการตื่นของพลังจิตใจ เป็นขั้นแรกของการสัมผัสรู้ฟ้าดิน
ระดับจิตรับรู้ เป็นพลังจิตวิญญาณที่มีเพียงมหายุทธ์ซึ่งระดับปราณสูงกว่าระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้นจึงจะครอบครองได้ สามารถหยั่งรู้หมื่นลักษณ์แห่งฟ้าดิน มองเห็นร่องรอยแห่งมหามรรค
ระดับวิญญาณเทพ หมายถึงวิญญาณแห่งพลังจิต ดูแลควบคุมห้วงนิมิต สามารถทำหลายอย่างพร้อมกันได้ มหัศจรรย์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แสงแห่งปัญญาปรากฏ
เช่นหลินสวินช่วงก่อนหน้านี้ ก็อยู่ในระดับนี้
ส่วน ‘ระดับดอกเทพรวมยอด’ เป็นระดับจิตวิญญาณที่อัศจรรย์และเร้นลับยิ่งกว่า แบ่งเป็นอีกสามขั้นเล็กอันได้แก่ ‘เห็นอดีต’ ‘เห็นปัจจุบัน’ และ ‘เห็นอนาคต’
ทุกครั้งที่ไปถึงขั้นหนึ่ง เหนือวิญญาณแห่งพลังจิตก็จะควบรวมดอกเทพมหามรรคดอกหนึ่งออกมา ส่องประกายสู่ตน มีความมหัศจรรย์ที่ยากจะจินตนาการ
สำหรับ ‘ระดับจิตลอยล่อง’ และ ‘ระดับแปรเทพเปลี่ยนอริยะ’ เป็นระดับจิตวิญญาณสำหรับอริยมรรค ห่างไกลเกินไป หลินสวินหยั่งรู้ได้เพียงแนวคิดหนึ่ง แต่ไม่สามารถมองทะลุถึงแก่นจริงแท้ของมัน
‘การฝึกจิต ก็คือรากฐานแห่งการสำรวจความเป็นความตาย ค้นหาหนทางสู่อมตะ จิตวิญญาณดุจดวงประทีป พลังจิตไม่เสื่อมสูญก็เหมือนดั่งอมตะ เกิดแก่เจ็บตายไม่อาจรุมเร้าได้!’
‘และสำหรับผู้ฝึกปราณ จิตวิญญาณยิ่งแข็งแกร่ง ปริศนาแห่งฟ้าดินที่สามารถหยั่งถึงและครอบครองได้ก็ยิ่งมาก มีประโยชน์ที่ไม่อาจคาดเดาต่อการเสาะหามรรคาและแสวงหาความลับแห่งอมตะ’
‘มันเกี่ยวโยงไปถึงความลับแห่งการเกิดดับ เป็นสิ่งสำคัญต่อการหลอมมรรคกลายเป็นราชัน ต่อไปเมื่อก้าวสู่เส้นทางอมตะ เข้าถึงมรรคกลายเป็นอริยะ ยิ่งมีคุณประโยชน์อัศจรรย์ที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้!’
การหยั่งรู้มากมายพวยพุ่งขึ้นในใจหลินสวิน มีความรู้สึกกระจ่างแจ้งพบแสงสว่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน
……
ตึง~~
การทดสอบด่านที่สี่จบลงพร้อมกับเสียงระฆังเก่าแก่
ผู้กล้าที่กำลังหยั่งรู้มรดกจิตวิญญาณในโคมวิญญาณที่ถูกจุดสว่างต่างสั่นเทิ้มไปทั้งกาย จิตวิญญาณถูกดูดจากโคมวิญญาณกลับคืนสู่ร่างกาย
“ไวเกินไปแล้ว เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็จบลงแล้ว”
มีบางคนสีหน้าอึ้งงัน ยังคงไม่ได้สติจากการหยั่งรู้อย่างแท้จริง
“ยอดเยี่ยมมาก! ผ่านการหยั่งรู้ครั้งนี้ ทำให้ข้ามองทะลุถึงความเร้นลับแห่งการควบรวม ‘วิญญาณเทพ’ เชื่อว่าอีกไม่นานก็สามารถลองหลอมวิญญาณแห่งพลังจิตได้แล้ว”
มีบางคนตื่นเต้น สีหน้าปรากฏความดีใจ เห็นชัดว่าเก็บเกี่ยวจากการหยั่งรู้ได้มากมาย
“น่าเสียดายที่เวลาน้อยเกินไป ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องเข้าถึงความเร้นลับมากกว่านี้แน่!”
และมีบางคนที่ยังไม่หนำใจ
ยามนี้พวกจี้ซิงเหยา อวี่หลิงคงและลั่วเจียต่างตื่นจากการหยั่งรู้ แต่ละคนสีหน้าแตกต่างกันออกไป หว่างคิ้วล้วนมีความยินดีที่ปิดไม่อยู่
โคมวิญญาณที่พวกเขาได้มาถือว่าคุณภาพชั้นหนึ่ง การหยั่งรู้ที่ได้ก็ยิ่งมหัศจรรย์ ในการหยั่งรู้ของพลังจิตวิญญาณครั้งนี้ เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เก็บเกี่ยวไปได้ไม่น้อย
“จริงสิ เทพมารหลินล่ะ เขาเลือกโคมวิญญาณดวงใดกันแน่” จู่ๆ ก็มีคนถามขึ้น
“จริงด้วย เท่าที่ข้าสังเกต โคมวิญญาณหกดวงที่เขาจุดติด ไม่มีดวงใดที่ถูกเขาเลือกเลย” ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างตระหนักได้
ก่อนหน้านี้หลินสวินทิ้งโคมวิญญาณหกดวงนั้น จิตวิญญาณพุ่งสู่จุดสูงของนภาหมื่นจั้ง ทำให้คนอื่นๆ ต่างไม่อาจเห็นว่าเขาได้จุดโคมวิญญาณขึ้นใหม่หรือไม่
“จะต้องพลาดไปแล้วแน่ๆ หากเขาจุดโคมวิญญาณอีก จะต้องเกิดปรากฏการณ์ประหลาดตั้งนานแล้ว แต่ตั้งแต่ต้นจนจบข้าก็ไม่เห็นถึงความเคลื่อนไหวใดเลย”
ซาหลิวฉานยิ้มเยาะพูด
สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เจ้าหมอนี่ยังถูกเทพมารหลินหลอกไม่พออีกหรือ จนป่านนี้ยังมีความกล้าไปปฏิเสธเทพมารหลินอีก
“ทำไม เหตุใดพวกเจ้าจึงมองข้าเช่นนี้ หรือข้าพูดอะไรผิด”
ซาหลิวฉานพลันรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว สีหน้าไม่น่าดูอยู่บ้าง
“นี่ก็นับว่าเป็นความจริง หากเขาจุดโคมวิญญาณระดับสุริยันกลางนภา ข้าคงรับรู้ได้ตั้งนานแล้ว ทว่าตั้งแต่เขาขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นไปในห้วงอากาศกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลย เช่นนี้สามารถคาดการณ์ได้ว่า สุดท้ายเขาคงจะคว้าน้ำเหลว”
สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ตอนนี้อวี่หลิงคงกลับส่งเสียงอย่างมั่นใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์