ในใจผู้กล้าแอบระแวง ตัดสินใจว่าต่อไปจะระวังเทพมารหลินให้มาก เจ้าหมอนี่ไม่เพียงพลังต่อสู้ดุดัน ยังหน้าเนื้อใจเสือ อันตรายอย่างที่สุด ไม่ระวังเพียงนิดเดียวก็สามารถถูกเขาทำร้ายได้!
ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งห้าคนจากตระกูลจงหลีและเผ่าหงส์เขียวก็โดนหลอกไปครั้งหนึ่งแล้ว คิดว่าพลังจิตวิญญาณของหลินสวินอ่อนแอ จึงฉวยโอกาสนี้ลงมือเล่นงานเยวี่ยเจี้ยนหมิงอย่างอดไม่ได้
ใครจะคิดว่าความอ่อนแอเป็นเพียงภาพจอมปลอมที่หลินสวินเสแสร้งขึ้น เมื่อเขาระเบิดขึ้นมา ผู้แข็งแกร่งทั้งห้าคนนั้นก็ประสบโศกนาฏกรรมโดยตรง
แม้แต่จงหลีอู๋จี้และชิงเหลียนเอ๋อร์ต่างตกใจ รีบหลบราวกับไฟลนก้น
และตอนนี้หลินสวินใช้วิธีเดิมอีกครั้ง จงใจแสดงออกว่าอ่อนแอ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ปริเสียงเลยแม้แต่คำเดียวราวกับกำลังหย่อนเหยื่อรอปลา แต่พวกซาหลิวฉานคิดแต่จะแก้แค้นจึงโดนหลอก รีบร้อนออกตัว แน่นอนว่าผลลัพธ์จะต้องน่าเศร้าอีกแล้ว
จังหวะตบหน้ากลับนี้เรียกได้ว่าชำนาญถึงขั้นสมบูรณ์ บรรลุจุดสุดยอด ทำให้เหล่าผู้กล้ายังรู้สึกเจ็บหน้าแทนพวกซาหลิวฉาน
ร้ายกาจและอำมหิตเกินไปแล้ว!
เทพมารหลินไม่พลาดทุกโอกาสที่จะได้โจมตีคู่ต่อสู้!
เพียงแต่ครั้งนี้พวกเขาเข้าใจหลินสวินผิดแล้วจริงๆ…
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการทดสอบด่านที่สี่ หลินสวินจะไปมีกะจิตกะใจเล่นกับพวกซาหลิวฉานเสียที่ไหน
ครั้งนี้พวกซาหลิวฉานเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาเองทั้งนั้น และท่าทางก็เหมือนทนรอไม่ไหวแล้วอย่างไรอย่างนั้น เขาจึงต้องฝืนใจสะบัดฝ่ามือเข้าไป
“หลินสวิน ไอ้คนต่ำช้า!!” พวกซาหลิวฉานต่างอับอายจนพาลโกรธ เดือดดาลจนตะโกนลั่นหน้าเขียว
เจ้าหมอนี่จงใจชัดๆ เจ้าเล่ห์อย่างที่สุด จงใจขุดหลุมพรางเอาไว้ รอพวกเขากระโดดลงไป
“ข้าต่ำช้าหรือ ผู้ร่วมวิถีทุกท่านในที่นี้ต่างก็เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเจ้าวอนหาเรื่อง กระโดดออกมาเอง ตอนนี้พออับอายขายหน้ากลับโทษว่าข้าต่ำช้าหรือ พวกเจ้ายังมีหน้าเรียกตัวเองว่าผู้กล้าอีกหรือ”
หลินสวินยิ้มเยาะ
ทุกคนต่างพูดไม่ออก คำพูดนี้ของหลินสวินไม่สามาถโต้เถียงได้เลยจริงๆ
ส่วนพวกซาหลิวฉานโกรธจนปอดแทบระเบิดออก พวกเขาไหนเลยจะคิดได้ว่า เทพมารหลินผู้กล้าแกร่งจะถึงกับเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเพียงนี้
เพื่อล่อหลอกพวกเขา แม้แต่เกียรติและขอบเขตก็ไม่สนใจแล้ว!
“ข้าบอกแล้วว่าแมลงฤดูร้อนไม่อาจพูดถึงน้ำแข็ง ส่วนพวกเจ้านั้นยิ่งกว่าแมลงฤดูร้อนเสียอีก อย่างมากก็แค่พวกตัวตลกที่น่าขันและไม่รู้จักประเมินความสามารถของตนฝูงหนึ่ง!”
เสียงของหลินสวินสบายๆ แต่ทุกคำราวกับมีดคม โจมตีจนพวกซาหลิวฉานอยากเข้าไปสู้กับหลินสวินจนแทบทนไม่ไหว
“พูดตามจริงข้าคร้านจะสนใจพวกเจ้าแต่แรก พวกเจ้ากลับเหยียบจมูกขึ้นหน้า หาเรื่องใส่ตัว! ไม่พอใจหรือ เช่นก็เบิกตาสุนัขของพวกเจ้ารอดูต่อไป!”
เพิ่งสิ้นเสียงนี้ ทุกคนต่างหัวใจสะท้าน จุดโคมวิญญาณแล้วแท้ๆ เทพมารหลินคิดจะทำอะไรอีก
แม้แต่พวกซาหลิวฉานยังอึ้ง
วู้ม!
ในเวลานั้นเอง บนชั้นนภาวิญญาณแห่งพลังจิตก้าวย่างต่อไป มาถึงหน้าโคมวิญญาณดวงหนึ่ง กวาดแขนเสื้อเบาๆ หนึ่งครา
โคมวิญญาณราวกับดวงสุริยัน เปล่งแสงอย่างไร้ขีดจำกัด!
เฮือก
ทุคนคน ณ ที่นั้นต่างอึ้งตาค้างตกตะลึง จุดโคมวิญญาณระดับสุริยันกลางนภาดวงหนึ่งได้ก็น่าตะลึงมากพอแล้ว
แต่ตอนนี้ ในระหว่างที่เทพมารหลินพูดคุยพร้อมรอยยิ้มอยู่นั่น กลับจุดโคมวิญญาณสว่างขึ้นมาอีกดวง และยังเป็นระดับสุริยันกลางนภาเช่นเดียวกัน!
นี่ฟังดูน่าทึ่งเกินไปแล้ว ไม่มีใครเคยได้ยินว่าในการทดสอบด่านที่สี่ยังสามารถจุดโคมวิญญาณสว่างถึงสองดวง ทั้งยังเป็นระดับสุริยันกลางนภาทั้งคู่!
“นี่…” เหล่าผู้กล้าสะท้านจนพูดไม่ออก
แม้จะเป็นพวกจี้ซิงเหยา อวี่หลิงคงและลั่วเจียยังตกใจ ต่างกวาดจิตรับรู้เข้าไปมอง เมื่อเห็นภาพนี้ในใจต่างสั่นสะท้านไม่น้อย
จุดโคมวิญญาณระดับสุริยันกลางนภาสว่างถึงสองดวง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!
‘เจ้าหมอนี่ต้องจงใจแน่!’ จี้ซิงเหยาโกรธจนกัดฟัน ก่อนหน้านี้นางยังย่ามใจอยู่ไม่น้อย รอดูว่าหลินสวินจะคลี่คลายสถานการณ์อย่างไร
แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เจ้าหมอนี่กลับสร้างความฮือฮาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าจงใจก่อเรื่อง!
‘ข้ามองผิดไปจริง…’ อวี่หลิงคงคิดเช่นนี้ ความรู้สึกแปลกประหลาดพลุ่งพล่านขึ้นในใจ มีไอสังหารที่ควบคุมไม่อยู่เสี้ยวหนึ่ง
ยามนี้เขารับรู้ได้ถึงภัยคุกคามจากตัวหลินสวิน ทำให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างมาก
คนที่เขาไม่เคยเห็นในสายตา กลับเผยพลังจิตวิญญาณที่ทำให้เขาเองยังรู้สึกถึงภัยคุกคาม นี่ทำให้อวี่หลิงคงยากจะยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัย
‘เป็นบุคคลระดับเทพมารจริงๆ…’ ลั่วเจียเหมือนคิดอะไรอยู่
……
พวกซาหลิวฉานสั่นไปทั้งตัว สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด น่าสนใจอย่างที่สุด ในใจอยากจะกระอักเลือด
หากบอกว่าตอนที่หลินสวินจุดโคมวิญญาณดวงแรกติด พวกเขารู้สึกเดือดดาล อัดอั้นเหมือนโดนหลอก เช่นนั้นพวกเขาในตอนนี้ก็รู้สึกอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แรงโจมตีนี้รุนแรงเกินไปแล้ว!
พอนึกถึงคำเหยียดหยามและท้าทายของพวกเขาที่มีต่อหลินสวินเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกเขาอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียเดี๋ยวนี้ อับอายขายหน้ายิ่งแล้ว!
“นี่มันเทพมารหลินซะที่ไหน เทพลวงหลินชัดๆ…” มีผู้แข็งแกร่งพึมพำ
เทพลวงหลิน?
เหล่าผู้กล้าตะลึง สมญานามนี้ช่างเหมาะสมจริงๆ เวลาลวงคนไม่แสดงสีหน้า พรสวรรค์สมบูรณ์แบบเป็นธรรมชาติ ความคิดไร้ขีดจำกัด ลงมือตามอำเภอใจ หลอกลวงคนอย่างแนบเนียนใกล้เคียงมรรค
ดังเช่นพวกซาหลิวฉาน ที่ตอนนี้จิตใจล้วนถูกกระทบกระเทือนจนอึ้งค้างอยู่กับที่ ทั้งน่าเห็นใจและน่าขัน
……
บนท้องฟ้ารัตติกาลยามนี้มีโคมวิญญาณห้าดวง ราวกับสุริยันดวงโตแขวนอยู่ โชติช่วงเรืองรอง ส่องสะท้อนซึ่งกันและกัน
โดยแบ่งเป็นของจี้ซิงเหยา อวี่หลิงคง และลั่วเจียคนละดวง มีเพียงหลินสวินที่ยึดครองคนเดียวถึงสองดวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์