ศิลาหินทุกหลักล้วนมีเถาวัลย์พันอยู่ ตะไคร่ปกคลุมหนาแน่น มีกลิ่นอายรอยด่างแห่งกาลเวลาอันหนักอึ้ง
ฟ้าดินกว้างใหญ่ ป่าศิลาเก่าแก่ตั้งตระหง่าน บรรยากาศเงียบสงัดเข้มงวด
นี่คือการทดสอบด่านที่ห้า นามว่า ‘ป่าศิลาแสดงมรรค’
บนศิลาหินทุกหลักสลักภาพหินแกะสลักที่หนาแน่นลึกลับ ภาพหินแกะสลักทุกภาพล้วนแปรมาจากร่องรอยแห่งมหามรรค
หากผู้ฝึกปราณปรารถนาจะผ่านด่านนี้ ต้องเลือกศิลาหินหลักหนึ่ง หยั่งรู้และอนุมานพลังแห่งมหามรรคที่ประทับอยู่ในภาพหินแกะสลัก
มีเพียงผู้ที่สามารถหยั่งถึงและครอบครองความเร้นลับภายในทั้งหมด จึงจะสามารถผ่านการทดสอบได้
พูดง่ายๆ ก็คือ ด่านนี้ทดสอบการหยั่งรู้และความเข้าใจของผู้ฝึกปราณที่มีต่อมหามรรค!
……
ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่มาถึงหน้าป่าศิลาเหลือเพียงไม่ถึงห้าร้อยคน คิดเป็นแค่ครึ่งส่วนของจำนวนผู้เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคในครั้งนี้
ไม่ถึงหนึ่งส่วนเสียด้วยซ้ำ!
ผู้ฝึกปราณอีกเก้าส่วนที่เหลือล้วนถูกคัดออกไปในถกมรรคสี่ด่านก่อนหน้า อัตราการคัดออกนี้น่าตกใจเกินไปแล้วจริงๆ
ทว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถมาถึงหน้าป่าศิลาแห่งนี้ได้ ล้วนเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นยอดของบรรดาบุคคลระดับผู้กล้าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีผู้อ่อนแอแม้แต่คนเดียว
“ป่าศิลาแสดงมรรค ที่นี่มีวาสนามหามรรคที่แท้จริงซ่อนอยู่!”
“ภาพหินแกะสลักบนศิลาหินทุกหลัก ล้วนประทับพลังแห่งมหามรรคที่แตกต่างกันออกไป ไม่เพียงแค่เก้ามรรคขั้นหนึ่งอย่างปัญจธาตุ หยินหยาง วาโยอสนี ยังมีพลังแห่งมหามรรคอื่นๆ ที่หาได้ยากและยอดเยี่ยมอีกมากมาย”
“เทศกาลโคมกถามรรคในอดีต เคยมีคนอนุมานมรรคแห่ง ‘ลักษณ์อำพราง’ ออกมาได้ พิเศษอย่างมาก สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสรรพสิ่ง ใช้ปลอมมาหลอกจริง”
“และมีคนอนุมานมรรคแห่ง ‘เลือดผลาญ’ ออกมา แม้เป็นเพียงมหามรรคขั้นสาม ทว่าเมื่อใช้ในการต่อสู้กลับสามารถทำให้ลมเลือดราวกับเดือดพล่าน ระเบิดพลังต่อสู้ที่สูงกว่าพลังปราณของตน”
“และยังมีมรรคแห่งถ้ำผสาน มรรคแห่งหมอกเมฆา มรรคแห่งกระแสธาร มรรคแห่งแดนมายา และอีกมากมาย ล้วนมีความสามารถเฉพาะตัว มีความมหัศจรรย์ที่แตกต่างกันออกไป”
กลุ่มผู้กล้ายืนอยู่หน้าป่าศิลา ดวงตาเร่าร้อนราวกับกำลังจ้องขุมทรัพย์แห่งหนึ่ง
บททดสอบครั้งนี้ หากสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น ไม่เพียงสามารถไปถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ยังได้รับและครอบครองพลังแห่งมหามรรคประเภทหนึ่ง!
นี่ไม่ใช่วาสนาธรรมดา แต่เป็น ‘วาสนามรรค’!
แน่นอนว่าหากอนุมานพลาด ก็อย่าคิดว่าจะได้อะไร จะถูกคัดออกออกจากการทดสอบโดยตรง
เทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านๆ มา บททดสอบด่านสุดท้ายของป่าศิลาแสดงมรรคนี้ แม้ไม่มีอันตรายใดๆ แต่อัตราการคัดออกนั้นสูงที่สุด!
มหามรรคซ่อนอยู่ในศิลาหินที่แตกต่างกัน แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถอนุมานและครอบครองมันได้
ตรงกันข้าม การแจ้งมรรคเป็นเรื่องยากที่สุดในเส้นทางการฝึกปราณ เป็นอุปสรรคที่ผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่ไม่สามารถก้าวผ่านได้
นี่เกี่ยวข้องกับทั้งความสามารถในการหยั่งรู้และโชควาสนาของแต่ละบุคคล
……
‘นี่ก็คือสถานที่มรรคจารึกซึ่งเหล่าอริยะบรรพกาลเหลือไว้หรือ หากเป็นเช่นนี้จริง วาสนาที่อาจารย์พูดถึงจะต้องซ่อนอยู่ในนี้แน่!’
ยามนี้ลั่วเจียที่สง่างามพูดน้อยมาตลอด จิตใจกลับกระเพื่อมไหวไม่น้อย
นางมาจากตำหนักปรกอุดมแห่งแดนประมุขพิภพ ครั้งนี้จู่ๆ ก็มาเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค เดิมทีก็ดึงดูดความสนใจและแปลกใจจากหลายคน คิดว่านางเองก็มาเพื่อศุภโชคใหญ่บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ
แต่มีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รู้ว่า นางมาเพื่อป่าศิลาผืนนี้!
‘ครั้งนี้จะต้องตามหาวาสนาในนี้ให้เจอ มีเพียงเช่นนี้จึงจะปลุกพลังพรสวรรค์สายเลือดของข้าได้!’
ดวงตาที่ราวกับดวงดาราของลั่วเจียปรากฏความแน่วแน่
……
‘เจ้าสำนักเคยบอกว่าป่าศิลาผืนนี้ไม่ธรรมดา ซ่อนวาสนามรรคเทียมฟ้าเอาไว้ ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร…’ จี้ซิงเหยาเหมือนคิดอะไรอยู่
‘ตามคาด เขาพยับครามนี้ช่างสมกับเป็นภูเขาเทพสมัยบรรพกาลลูกหนึ่ง ครั้งนี้คิดถูกแล้วที่มา’ นัยน์ตาใสสะอาดของอวี่หลิงคงมีแสงเรืองพลุ่งพล่านอยู่รางๆ
ไม่เพียงแค่พวกเขา บุคคลแห่งยุคคนอื่นๆ เองก็หัวใจกระเพื่อมไหว
พวกเขามาจากขุมอำนาจที่แตกต่างกัน ก่อนมาเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคก็ได้รู้ความลับมากมายของป่าศิลาผืนนี้แล้ว แน่นอนว่าต้องรู้ชัดว่าวาสนามรรคที่ซ่อนอยู่น่าทึ่งเพียงใด
ถึงขั้นที่ก่อนเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค พวกเขาก็มีเป้าหมายในใจ หมายปองศิลาหินหลักใดหลักหนึ่งในป่าศิลาผืนนี้แล้ว!
นี่ก็คือรากฐานของผู้สืบทอดสำนัก มีอาจารย์ผู้อาวุโสคอยชี้แนะ ทำให้พวกเขาสามารถเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ไม่พลาดวาสนาที่แท้จริงเพราะความประมาท
‘หลินสวิน เจ้าต้องระวังแล้ว ผ่านด่านนี้ก็จะถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณนั่นแล้ว ถึงตอนนั้นคนพวกนั้นต้องคิดหาทุกวิถีทางมาเล่นงานเจ้าแน่’ เยวี่ยเจี้ยนหมิงสื่อจิตเตือนหลินสวิน
หลินสวินขานรับว่าอืม ดูใจลอยเล็กน้อย
เพราะทันทีที่มาถึงป่าศิลาผืนนี้ เขาก็รับรู้ได้ถึงเสียงขานเรียกที่ราวกับมีแต่ไม่มี ทำให้ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดตรงบริเวณหัวใจของเขาเกิดคลื่นเป็นระลอก ราวกับกำลังจะตื่นตัวขึ้นมา
นี่ทำให้ในใจหลินสวินสั่นไหว ความสนใจทั้งหมดถูกดึงดูดไป
ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดของเขามีชื่อว่าหุบเหวกลืนกิน ตอนที่อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า ก็ถูกจัดให้เป็นพรสวรรค์พิเศษขั้นหนึ่งแล้ว
แต่นอกจากให้ประโยชน์อย่างไม่อาจคาดเดาต่อการฝึกปราณของหลินสวิน ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดก็อยู่ในสภาวะเงียบสงบมาโดยตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์