สมบัติโบราณที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลจงหลีชิ้นหนึ่ง อานุภาพน่ากลัว เทียบเท่ายอดศาสตรามรรคราชัน
โดยทั่วไป สมบัติระดับนี้ล้วนอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน
แต่เห็นได้ชัดว่า เพื่อให้จงหลีอู๋จี้ช่วงชิงศุภโชคในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ได้ ตระกูลจงหลีเองก็ลงทุนลงแรง ให้สมบัตินี้ไว้กับจงหลีอู๋จี้เพื่อเป็นอาวุธสังหารและใช้ป้องกันตัว!
“ไป!”
พลันเห็นจงหลีอู๋จี้สะบัดแขนเสื้อเก็บวิญญาณดำประทานมาร จากนั้นกวาดมองหลินสวินด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะพาพวกซาหลิวฉานเคลื่อนตัวไปยังด้านบนของต้นไม้เทพ
“หลินสวินอย่าตามเลย”
เยวี่ยเจี้ยนหมิงพุ่งเข้ามาขวาง “พวกเขาร่วมมือกันแล้ว ปะทะกับพวกเขาตอนนี้มีแต่เสียกับเสีย”
“อืม ข้าเพียงอยากหยั่งเชิงไพ่ใบสุดท้ายของพวกเขา” หลินสวินยิ้มพูด เขาไม่คิดจะตามไปอยู่แล้ว
และรู้ว่าเวลานี้ไม่เหมาะกับการเข่นฆ่า ศุภโชคยังไม่ปรากฏก็ลงมืออย่างเต็มเหนี่ยว จะนำพาเรื่องไม่คาดฝันที่ไม่จำเป็นเข้ามา
ทว่าหลังจากหยั่งเชิงในครั้งนี้กลับทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า ในมือของพวกจงหลีอู๋จี้ครอบครองไม้ตายที่แข็งแกร่งดังคาด
อย่างวิญญาณดำประทานมารเมื่อครู่นี้ก็เป็นยอดศาสตรามรรคราชันที่แข็งแกร่งอย่างมากชิ้นหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะหลินสวินฝึกพลังจิตวิญญาณจนมาถึงระดับดอกเทพรวมยอด สัมผัสถึงถึงไอสังหารได้ก่อน กลัวว่าคงถูกลอบโจมตีจนบาดเจ็บไปแล้ว
จงหลีอู๋จี้เป็นเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าในมือของชิงเหลียนเอ๋อร์และซาหลิวฉานก็ต้องมีไม้เด็ดเช่นนี้ด้วย
“ไป พวกเราเคลื่อนไหวด้วยกัน” หลินสวินตัดสินใจขึ้นไปบนยอดต้นไม้เทพนั่นด้วย
เหนือความคาดหมาย เยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับปฏิเสธ “หากไม่มีเจ้าคอยช่วย ด้วยความสามารถของข้าคงถูกคัดออกไปตั้งแต่การทดสอบถกมรรคแล้ว ข้าพอใจมากแล้ว ไม่คิดจะช่วงชิงศุภโชคครั้งนี้อีก”
คำพูดของเขาราบเรียบ แต่กลับแฝงความเด็ดเดี่ยว
นี่ทำให้หลินสวินสะท้านใจ ศุภโชคบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณเพียงพอจะทำให้ผู้ฝึกปราณทุกคนละโมบ ช่วงชิงมันอย่างบ้าคลั่ง
แต่เยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับเลือกที่จะหยุดในสถานการณ์เช่นนี้ นี่ย่อมต้องใช้ความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวอันใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย!
เจตจำนงที่แน่วแน่เช่นนี้ถือว่าหายากมาก หลินสวินเองยังอดนับถือไม่ได้ สามารถคาดการณ์ได้ว่า บางทีคนอย่างเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่ตอนนี้แม้แต่ผู้กล้าชั้นยอดยังสู้ไม่ได้ แต่ด้วยจิตใจและจิตวิญญาณเช่นนี้ สักวันจะต้องสามารถผงาดขึ้นมาได้
สุดท้ายหลินสวินจึงเคลื่อนไหวเพียงลำพัง เยวี่ยเจี้ยนหมิงเลือกที่จะอยู่ใต้ต้นไม้โบราณ เมื่อเทียบกันแล้วที่นี่ก็คือเขตปลอดภัย จะไม่เกิดอันตรายที่ไม่คาดฝันอะไร
ตอนนี้เหล่าผู้กล้าต่างขึ้นไปช่วงชิงศุภโชคบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมไม่มีทางแบ่งความสนใจ มาเสียเวลากับการเล่นงานเยวี่ยเจี้ยนหมิง
……
ปัง!
ทันทีที่ก้าวขึ้นลำต้นของต้นโคมสำริดมรรคโบราณซึ่งหนาใหญ่อย่างที่สุดนั้น สายฟ้าหนาแน่นราวกับลมพายุก็ผ่าสังหารลงมา
หลินสวินไม่เลือกปะทะหรือสลายมัน ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งจนร่างกายวูบไหว หลบเลี่ยงการโจมตีอันหนักหน่วงนั่น พุ่งขึ้นด้านบน
เขาก้าวอย่างผ่อนคลาย เงาร่างเลือนราง
ต้นไม้เทพเสียดฟ้า ลำต้นหนาใหญ่อย่างที่สุด แต่ละกิ่งก้านราวกับทอดยาวไปถึงส่วนลึกที่สุดของห้วงอากาศ เดินอยู่บนนั้นราวกับได้เข้าไปอยู่ในเขาวงกต
เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินก็จำต้องชะงักฝีเท้า ด้วยตรงหน้าเกิดการต่อสู้ขึ้น
ตูม!
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งแปลงเป็นงูเหลือมยักษ์สีม่วง ยาวสิบกว่าจั้ง รอบตัวมีแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงพลุ่งพล่าน กระโดดตัวขึ้นมาพุ่งสังหารไปอีกฟาก
ตรงนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจะเข้าใกล้ดอกตูมสำริดดอกหนึ่ง เมื่อถูกลอบโจมตีเช่นนี้ เขาพลันตะโกนออกมากะทันหัน ปีกคู่หนึ่งที่เจิดจ้าราวกับหิมะผุดออกจากหลัง แหลมคมราวกับดาบ ทั้งสองต่อสู้กันขึ้นมา
ตูมโครม!
ที่ตรงนั้นไอสังหารกู่ก้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง
ลำตัวของงูเหลือมยักษ์สีม่วงราวกับสร้างจากทองเซียน แข็งแกร่งอย่างที่สุด ถูกปีกของชายหนุ่มฟันเข้าไปก็ส่งเสียงเสียดหู สะเก็ตไฟสาดกระเซ็น
นี่คือศึกใหญ่แห่งการช่วงชิงศุภโชค น่าเวทนาอย่างที่สุด ไม่นานก็รู้แพ้ชนะ ชายหนุ่มบาดเจ็บสาหัส ปีกเกือบหัก ขนปีกเปื้อนเลือด สูญเสียลำตัวข้างหนึ่ง หนีกระเจิงห่างไป
งูเหลือมยักษ์สีม่วงนั่นเคลื่อนไหวร่างกาย แปลงเป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม ก้าวเข้าไปอยู่ตรงหน้าดอกตูมสำริดดอกนั้น ก่อนกวาดสายตามองรอบๆ อย่างระมัดระวัง
เห็นได้ชัดว่าศุภโชคในดอกตูมสำริดดอกนี้เข้าตานาง หลังจากโจมตีชายหนุ่มจนยับเยิน ก็ยึดครองพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นเขตต้องห้าม
ตอนที่เห็นหลินสวิน สาวน้อยหรี่ตา เผยความระแวงอย่างชัดเจน
หลินสวินไม่สนใจ เดินหน้าต่อไป
จนกระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายไป สาวน้อยคนนั้นจึงถอนหายใจยาว ก่อนจะเผยสีหน้าราวกับกำลังเย้ยหยันตัวเอง ก็จริง บุคคลแห่งยุคอย่างเทพมารหลิน จะมาแย่งศุภโชคกับตนได้อย่างไร…
ตูม!
หลินสวินเดินหน้าไปได้ไม่นานก็มีการต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเรียกยันต์สายฟ้าสายหนึ่งออกมา ปลดปล่อยสายฟ้าสีแดงโจมตีมาทางหลี่ชิงฮวน
หลี่ชิงฮวนกวาดมือ ไอหยินหยางสองสายปรากฏขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นหินโม่สีขาวดำกดทับลงมา ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด
สิ่งที่ทำให้หลินสวินแปลกใจคือ ผู้แข็งแกร่งคนนี้หน้าไม่คุ้น แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลแห่งยุคคนหนึ่ง สามารถต่อสู้กับหลี่ชิงฮวนอย่างสูสี
สวบ!
เพียงแต่ตอนที่หลี่ชิงฮวนสังเกตเห็นหลินสวินที่อยู่ห่างไป สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย หยุดการต่อสู้อันดุเดือดแล้วเอี้ยวตัวจากไป หายลับไร้ร่องรอย
ผู้แข็งแกร่งที่ถือยันต์สายฟ้าอึ้งงัน พอเห็นหลินสวินก็ตอบสนองทันที สีหน้าแฝงความระแวงอันแรงกล้า
‘เจ้าหมอนี่ถือว่าวิ่งไวดี’
หลินสวินไม่ได้สนใจ เหลือบมองบริเวณที่หลี่ชิงฮวนจากไปปราดหนึ่งก็เดินหน้าต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์