แต่เมื่อเห็นสิ่งที่จั๋วขวงหลันประสบกับตา ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ต่างตระหนกจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว ลอบดีใจที่ตนยังไม่ได้ลงมือ
‘อารมณ์ชั่ววูบ ตัดหนทางสู่วาสนายิ่งใหญ่แท้ๆ’ มีคนเกิดเวทนา แอบทอดถอนใจ
พวกเขาต่างรู้ดี จั๋วขวงหลันคือบุคคลแห่งยุคจากสำนักกระบี่โผผินผู้หนึ่ง วิชากระบี่ลึกซึ้งยากหยั่งถึง
ศุภโชคอันดับหนึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาถูกคัดออก กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าครั้งหนึ่งไปโดยปริยาย
จะว่าไปแล้ว เขาและหลินสวินหาได้มีความแค้นต่อกัน สาเหตุที่ลงมือเป็นเพราะเซี่ยอวี้ถัง
เซี่ยอวี้ถังมาจากสำนักกระบี่โผผินเช่นกัน แต่เคยถูกหลินสวินกำราบและเหยียบย่ำริมฝั่งทะเลปรวนแปร สิ่งนี้ถูกจั๋วขวงหลันเห็นเป็นความอัปยศ ในตอนนั้นแสดงท่าทีหมายช่วยเซี่ยอวี้ถังทวงคืนความเป็นธรรม
ที่น่าเสียดายคือ เขายังไม่ทันโรมรันกับหลินสวินก็ถูกคัดออก ผลลัพธ์นี้ช่างเหนือความคาดหมายของผู้คน
‘กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตามสนอง’
สำหรับเรื่องนี้ ในใจหลินสวินไม่ตระหนกวิตก
แม้จั๋วขวงหลันไม่ถูกคัดออก การลอบโจมตีก็ไม่มีทางสำเร็จ กลับจะถูกตนที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วจู่โจมสังหาร!
…
ลานธรรมเก่าแก่กระดำกระด่าง ไหลเวียนกลิ่นอายแห่งยุคสมัย ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง กลางฟ้าดินก้องสัทครรลองมหามรรคลึกลับซ่อนเร้นนานัปการ
ประดุจเหล่าอริยะกำลังท่องคัมภีร์
นี่ไม่ได้เป็นแค่ประสบการณ์ล้ำค่าของหลินสวิน สำหรับผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างก็เป็นศุภโชคการหยั่งรู้ที่ยากพบเห็นหาใดเปรียบเช่นกัน
ใจความการหยั่งรู้และประสบการณ์ของเหล่าอริยะ ไม่ว่าบทใดที่เผยแพร่ออกมาล้วนเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่า หายากเป็นประวัติการณ์ ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันต่างอิจฉาตาร้อนและน้ำลายหก
ตามเวลาที่ล่วงเลย เมื่อใดที่ผู้แข็งแกร่งซึ่งนั่งสมาธิหยั่งรู้กลางลานธรรมเผยความปิติ ก็เท่ากับพวกเขาเก็บเกี่ยวได้มาก
ชั่วขณะหนึ่งลานธรรมที่ปรากฏออกมาจากดอกตูมสำริดเงียบสงบยิ่งกว่าเดิม มีกลิ่นอายความสงบเคร่งขรึมประการหนึ่ง
ทุกคนต่างกำลังนั่งสมาธิและหยั่งรู้ไขว่คว้าทุกช่วงเวลา ซึมซาบเนื้อหาแจ้งมรรคแห่งเหล่าอริยะที่ถ่ายทอดมาแต่บรรพกาล
ทั่วร่างหลินสวินแวววาวส่องประกาย หยั่งรู้หนทางสู่มรรคที่แตกต่าง
แต่ละมรรคาล้วนมหัศจรรย์หาใดเปรียบ เปี่ยมปริศนาล้ำลึกยากจินตนา ทำให้ทั้งกายและจิตหลินสวินดื่มด่ำอยู่ในนั้น ทำการพิสูจน์มรรคาแห่งตน
จนตอนนี้เขาถึงได้กระจ่างแจ้ง ว่าสิ่งที่เรียกว่ามกุฎมรรคาอันแข็งแกร่งที่สุดไม่ได้มีแค่อย่างเดียว!
บางคนเคลื่อนย้ายเลือดลมในร่างตน เดินในเส้นทางการหลอมกาย หล่อหลอมเลือดลม ขัดเกลากายมรรค แปรสภาพร่างกายตนไปจนถึงขีดจำกัด บรรลุถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ครั้นแล้วจึงก้าวสู่มกุฎ
มรรคนี้ ถือเป็นหนทางแห่ง ‘กายหยาบบรรลุอริยะ’
บางคนศึกษาวิชาหลอมปราณ สืบอดีตแปรปัจจุบัน ฝึกวิชาอัศจรรย์นับพันวิชามรรคนับหมื่น สุดท้ายเข้าใจรอบด้านทะลุปรุโปร่ง เดินในเส้นทางแห่งการยกระดับถึงขีดสุด ก้าวสู่ยอดมกุฎ
มรรคนี้ ถือเป็นมรรคาแห่งการ ‘หลอมปราณแปรอริยะ’
และมีบางคนทิ้งกายเนื้อร่างหยาบ มุ่งเน้นที่วิชาจิตวิญญาณ หล่อจิต ควบคุมจิต เร้นจิต แปรจิต… ก้าวสู่มกุฎทีละขั้น
มรรคนี้ ถือเป็นมรรคาแห่งการ ‘หลอมจิตเปลี่ยนอริยะ’
รูปแบบการบำเพ็ญเพียรที่แตกต่างกันทั้งสามแบบถูกเรียกว่า ‘ไตรวิถีมกุฎ’ แต่ละประเภทต่างประกอบด้วยสรรพสิ่ง ลึกลับซ่อนเร้น
หนทางแห่งมกุฎนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แทบจะอยู่ในไตรวิถีมกุฎทั้งสิ้น!
แต่มกุฎมรรคาที่ผู้ฝึกปราณแต่ละคนแสวงหาในแบบรูปธรรมนั้นต่างกันไป ไม่อาจใช้มาตรฐานเดียวกัน
เฉกเช่นมกุฎมรรคาที่หลินสวินเหยียบย่างในปัจจุบัน ก็เป็นส่วนหนึ่งของ ‘มรรคาหลอมปราณ’
…
หลินสวินคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง ว่าจะได้รับรู้ปริศนาส่วนหนึ่งของมกุฎมรรคาในลานธรรมวิเศษอัศจรรย์นี้
แต่ก่อนเขาควานหาด้วยตัวคนเดียวทั้งสิ้น กลั่นกรองและพิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงมีความสำเร็จเช่นวันนี้
ทว่าในใจยังคงมีปริศนาไม่น้อยที่ไม่อาจคลี่คลาย สาเหตุเกิดจากบันทึกเกี่ยวกับมกุฎมรรคาบนโลกนี้น้อยเหลือเกิน ต้องมีวาสนาจึงพบพาน แน่นอนว่าไม่อาจให้หลินสวินไปอ้างอิงและหยั่งถึง
แต่ตอนนี้กลับแตกต่าง ขณะเขาหยั่งรู้ มกุฎมรรคาหลายหลากซึ่งปรากฏ กลายเป็นประสบการณ์และใจความนานัปการอุบัติขึ้นในจิตใจ ทำให้เขาเหมือนได้ค้นคว้าบทความคัมภีร์มรรคอันอัศจรรย์ แม้ไม่ใช่วิธีเข้าถึงและสืบทอดโดยจำเพาะ แต่กลับได้ประโยชน์มากยิ่งกว่า!
ทว่าไม่ทันไรหลินสวินก็มุ่นคิ้ว การหยั่งรู้จากระดับกำลังภายมาจนถึงระดับกระบวนแปรจุติล้วนราบรื่นยิ่ง ทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม ชำระและเผยปริศนาทีละเรื่องในใจ แต่เมื่อหยั่งรู้ถึงระดับกระบวนแปรจุติก็พลันหยุดชะงัก ไม่มีแล้ว
‘ไม่ถูก ผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างกำลังหยั่งรู้… ถ้าเช่นนั้นคงเป็นเพราะปราณแห่งตนถึงขั้นไหน ก็สามารถหยั่งรู้ประสบการณ์และใจความได้ถึงขั้นนั้น’
‘เหมือนอย่างข้าที่ก้าวสู่มกุฎมรรคา เมื่อหยั่งรู้จึงสามารถเข้าถึงใจความและประสบการณ์นานัปการที่เกี่ยวกับมกุฎมรรคาได้’
‘ลานธรรมนี้ช่างวิเศษอัศจรรย์เกินไปแล้ว ต้องเป็นแดนมรดกที่อริยะบรรพกาลหลงเหลือไว้แน่!’
หลินสวินพิจารณาใคร่ครวญ รำพึงอยู่ในใจ
มรดกเช่นนี้ทั้งไร้วิธีเข้าถึงโดยรูปธรรม ทั้งไร้วิชามรรคโดยจำเพาะ แต่เป็นใจความและประสบการณ์ของการบำเพ็ญเพียรรูปแบบหนึ่ง เห็นชัดว่าเหล่าอริยะเมื่อครั้งบรรพกาลทำเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้คนเลียนแบบมรรคา เดินซ้ำหนทางเก่าของพวกเขา
แต่พวกเขาได้มอบประสบการณ์ที่สามารถนำไว้อ้างอิงหยั่งถึง ชี้นำผู้ฝึกปราณไปพิสูจน์มรรคาแห่งตน หากไม่บรรลุถึงระดับนั้นก็ไม่อาจเข้าใจประสบการณ์ของระดับนั้นได้
เนื้อหาการหยั่งรู้นอกเหนือขอบเขตระดับกระบวนแปรจุติ หลินสวินไม่ดึงดันไขว่คว้า สภาวะจิตของเขาว่างเปล่า เริ่มสะสางระดับการฝึกปราณของตนโดยละเอียด
วู้ม…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์