แทบจะในชั่วขณะที่อวี่หลิงคงใช้ศิลาผนึกมารหกประสาน หลินสวินพลันตะโกนก้อง ก็เห็นกลางห้วงอากาศดาบหักขาวเจิดจ้าระเบิดแสงโชติช่วง สำแดงนัยเร้นลับแห่งกระบวนเฉือนเผาตะวัน
กระบี่มรรคเล่มนั้นถูกผ่าเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา เสียงเคร้งดังสนั่น ร่วงหล่นลงพื้นดิน
เฮือก!
เสียงสูดหายใจดังก้องกลางที่นั้น
ไม่ต้องสงสัย ดาบหักนั่นคือศาสตราจิตแห่งยุค แม้แต่กระบี่มรรคของอวี่หลิงคงยังถูกหักสะบั้น คมกริบไร้ขอบเขต
สีหน้าอวี่หลิงคงเฉยชายิ่งกว่าเดิม แต่เขาไม่สนใจไยดี ป้ายหินสีดำหกหลักที่ลอยอยู่รอบกายระเบิดลายมรรคสีทองออกมา ถักทอกลางอากาศ บดอัดครืนสนั่นทั่วทิศ
หลินสวินควบคุมดาบหักเข้าต้านทาน ทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงโลหะกระทบเสียดหูหาใดเปรียบ พาให้จิตวิญญาณของทุกผู้คนเจ็บปวดเป็นระลอก
ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างเผยสีหน้าจริงจัง ทั้งสองปะทะกันจนถึงตอนนี้เปลี่ยนความสามารถการศึกไม่หยุด พลานุภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกการโจมตีล้วนเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า ชวนให้รู้สึกสะท้าน
ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ในระดับกระบวนแปรจุติทั้งคู่ต่างเค้นศักยภาพแฝงของตนออกมาถึงที่สุด ก้าวสู่มกุฎมรรคาอันแข็งแกร่งที่สุดแล้ว เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของระดับ
การปะทะคราวนี้ หลินสวินถูกบีบจนถอยร่นฝีเท้าซวนเซ ศิลาผนึกมารหกประสานนั่นเปี่ยมพลังพิฆาตน่าหวาดหวั่น เทียบกับยอดศาสตรามรรคราชันแล้วแกร่งกว่าอยู่บ้าง
อวี่หลิงคงเองก็ดูทุลักทุเลเช่นกัน ดาบหักแหลมคมหาใดเปรียบ มีอานุภาพทำลายทุกสิ่ง ทำให้บนร่างเขามีรอยเลือดทิ้งไว้หลายรอย โลหิตแดงสดแผ่ซึม
ทั้งสองต่างบาดเจ็บ!
แต่พลังของทั้งคู่ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม รบพุ่งกันอีกครั้งราวภูเขาไฟสองลูกกำลังปะทุ สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั่วร่างพลุ่งพล่าน กลายเป็นแสงสว่างชวนประหวั่น
พวกเขาบุกตะลุยโรมรัน ต่างฝ่ายต่างเผยวิชาไร้เทียมทาน ประหนึ่งเทพและมารที่แท้จริงกำลังชิงชัย ทำเอาลมเมฆเปลี่ยนสี ห้วงอากาศครวญคร่ำ
เหล่าผู้กล้ายังต่อสู้ชุลมุน แต่จิตใจต่างถูกการต่อสู้นี้ชักนำให้ออมแรง พวกเขาต่างรู้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่าคิดแค่เพียงช่วงชิงศุภโชคอันดับหนึ่งอย่างเดียว
ไม่ว่าใครไปแย่งชิง ก็ต้องพบเจอการจู่โจมเต็มกำลังของผู้อื่น!
“ฮึ!”
สีหน้าอวี่หลิงคงอึมครึมอยู่บ้าง ป้ายหินสีดำหกหลักลอยคว้างกลางอากาศกดกำราบต่อเนื่อง โชติช่วงไร้จำกัด
แต่สุดท้ายยังไม่อาจพิฆาตหลินสวิน
นี่ทำให้อวี่หลิงคงจำต้องรับความจริง ว่าในระดับกระบวนแปรจุตินี้ แม้ตัวเขาหยิ่งทะนงเชื่อมั่น แต่ก็จำต้องยอมรับว่าคู่ต่อสู้มีรากฐานและพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าเขาโดยสิ้นเชิง!
‘เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว…’ อวี่หลิงคงแววตาเยียบเย็นและล้ำลึก
หากการต่อสู้ยืดเยื้อต่อเนื่อง แม้สุดท้ายสามารถสังหารศัตรู แต่คงเสียโอกาสดีในการชิงศุภโชคอันดับหนึ่งนั่น
กระทั่งเป็นไปได้สูงว่าจะถูกผู้แข็งแกร่งอื่นตัดหน้า!
ตูม!
แค่ชั่วพริบตา ทั้งตัวอวี่หลิงคงเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์โหมปล่อยเต็มกำลัง แสงอัศจรรย์ทั่วร่างไหลบ่าดั่งน้ำตก นัยน์ตาทองอร่ามสาดแสงรอยสลักลับ
ห้วงอากาศรอบตัวเขาต่างกำลังทรุดตัวดิ่งลง สภาพการณ์น่าพรั่นพรึง
ท่ามกลางความเลือนราง เขาประดุจเทวบุตรแห่งสวรรค์มาเยือนโลกา ผงาดง้ำใต้หล้า
ฟุ่บ!
อวี่หลิงคงเก็บศิลาผนึกมารหกประสาน เรียกกระบี่ไม้เก่าแก่คร่ำครึเล่มหนึ่งออกมา บนตัวมันยังมีร่องรอยผุพัง
แต่เมื่อกระบี่เล่มนี้ปรากฏพลันเกิดฟ้าแลบฟ้าคำราม อุบัติดาราม่วงส่องประกายมากมาย ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา ลอยคว้างรายรอบเรือนกระบี่ กลิ่นอายสังหารทะลวงฟ้าดินอบอวล
คราวนี้อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งอื่น แม้แต่พวกจี้ซิงเหยา ลั่วเจียเองยังไหวหวั่น นัยน์ตาฉายแววตระหนกบางๆ
กระบี่ไม้เล่มนั้นถึงกับประทับกลิ่นอายอริยะเสี้ยวหนึ่ง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระบี่นี้พิเศษเหนือธรรมดา เคยถูกอริยะที่แท้จริงใช้มากับมือ เจือกลิ่นอายอริยมรรค แม้แค่เศษเสี้ยวแต่ก็สามารถทำให้คนตกตะลึงแล้ว
“คิดไม่ถึงว่ามดปลวกจากโลกชั้นล่างอย่างเจ้ากลับมีพลังต่อสู้เช่นนี้ ทำให้ข้าเกินคาดหมายจริงๆ” อวี่หลิงคงเอ่ยปากเย็นชา
นี่คือการยอมรับต่อหน้าธารกำนัลโดยไม่ต้องสงสัย ว่าหลินสวินมีความสามารถใกล้เคียงกับเขาจนน่าตะลึง
“มดปลวก? แม้แต่มดปลวกอย่างข้ายังคว่ำไม่ได้ เจ้าล่ะนับเป็นตัวอะไร” หลินสวินไม่ถอยหลบแม้แต่น้อย ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
“ความอดทนของข้าถูกใช้หมดแล้ว ไม่มีเวลามาร่ำไรกับเจ้า ตอนนี้จะฆ่าเจ้าซะ ให้เจ้าเข้าใจเองว่าความต่างระหว่างเจ้ากับข้ามันมากเพียงใด!” สีหน้าอวี่หลิงคงเย็นชาอำมหิตยิ่งกว่าเดิม
กระบี่ของเขาทะลวงแหวกดังตูม อสนีบาตถักทอ แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง ในคมกระบี่ปรากฏอริยะมายาร่างกำยำร่างหนึ่ง
คนผู้นี้เคร่งขรึมมีสง่า เลือนรางเหลือประมาณ ประหนึ่งภาพมายา แต่พลังที่แผ่ออกมากลับน่าหวาดกลัวชวนตระหนก ทันทีที่ปรากฏฟ้าดินพลันครวญคร่ำราวกำลังสวามิภักดิ์
เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง สั่นสะท้านหาใดเปรียบ สายสนกลในอวี่หลิงคงไม่พลิกฟ้าไปหน่อยหรือ ถึงกับใช้วิชาต้องห้ามบางประการ สร้างมายาอริยบุคคลในการโจมตีเดียว!
“นี่ก็คือระยะห่างของเจ้ากับข้า หากใช้วิธีนี้แต่แรก คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถยืดหยัดถึงป่านนี้”
อวี่หลิงคงสีหน้าเยียบเย็น เฉยเมยราวสูงส่งเหนือผู้อื่น
นี่คือหนึ่งในความสามารถก้นกรุเขา ที่ผ่านมาแทบไม่เคยใช้ เพราะอาศัยเพียงพลังต่อสู้ของเขาก็แทบไร้คู่ต่อกรแล้ว
แต่บัดนี้เพื่อสังหารหลินสวิน เขาจึงต้องนำออกมาใช้
“ยืมพลังที่ไม่ใช่ของตนมาสังหารข้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดออกมา” ทั่วร่างหลินสวินเปล่งประกาย ภายในร่างเขาเจตจำนงแห่งมรรคอันคลุมเครือน่าประหวั่นไหลพุ่ง ทำให้ทั้งตัวเขาประหนึ่งกลายเป็นหุบเหวลึกยากหยั่งถึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์