Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 917

สรุปบท ตอนที่ 917 ต้านสมบัติอริยะ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 917 ต้านสมบัติอริยะ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 917 ต้านสมบัติอริยะ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 917 ต้านสมบัติอริยะ
วู้ม…

ตำหนักอมตะลอยเด่น กฎเกณฑ์อริยมรรคชวนประหวั่นอบอวล คลื่นผันผวนนั้นสูงส่งเกินไป ทำเอาทุกคนต่างรู้สึกใจสั่นระรัวปิ่มจะหายใจไม่ออก

อวี่หลิงคงในตอนนี้ประหนึ่งราชันเทพกลับชาติมาเกิด เกริกก้องจักรวาล กลายเป็นศูนย์กลางเพียงหนึ่งเดียวของทุกผู้คน

ทุกคนต่างรู้สึกซับซ้อนในใจ เผยความหวาดกลัวหาใดเปรียบ นี่คือตำหนักอมตะ สมบัติอริยะซึ่งเปี่ยมสีสันแห่งตำนาน ตั้งแต่สมัยบรรพกาลก็ครองกิตติศัพท์สะท้านโลกา

เล่าลือว่าหากสมบัตินี้ถูกใช้โดยอริยะ พลังเพียงเศษเสี้ยวล้วนสามารถทำลายฟ้าดินสลายสรรพสิ่ง!

ใครต่างไม่คาดคิด อวี่หลิงคงไม่เพียงก้าวสู่มกุฎมรรคา ยึดกุมยอดวิชามรรคมากมาย ซ้ำในมือยังครองไพ่ตายมากขนาดนี้

กระบี่ไม้เก่าแก่ก่อนหน้าก็อานุภาพน่าพรั่นพรึงเหนือจินตนาการ อบอวลพลังอริยะเสี้ยวหนึ่ง วิวัฒน์เป็นมายาอริยบุคคล ทรงพลังอย่างยิ่ง

มาบัดนี้ แม้แต่ยอดสมบัติอริยมรรคอย่างตำหนักอมตะยังถูกเผยออกมา!

มันลอยคว้างเหนือศีรษะอวี่หลิงคง แผ่พลังกฎเกณฑ์อริยมรรค แค่คลื่นพลังนั่นล้วนทำให้ผู้คนปิ่มจะหายใจไม่ออก จะโต้กลับได้อย่างไร

เทพมารหลินต้องประสบหายนะแน่!

ทันทีที่สมบัติอริยะปรากฏ แม้ราชันยังต้องถอยร่น นับประสาอะไรกับหลินสวิน?

นี่คือเรื่องที่ผู้คนต่างรับรู้ ยิ่งเป็นสิ่งที่รู้ร่วมกันมาแต่โบราณ!

“ต่อให้เย้ยฟ้ายิ่งกว่านี้ก็ต้องจบเห่แน่!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั่นได้ใจขึ้นมาอีก เมื่อครู่ขณะเห็นหลินสวินสลายอริยะมายา พาให้พวกเขาตกใจสะดุ้งโหยง

แต่ตอนนี้พวกเขาไร้กังวลแม้กระผีก

เพราะนั่นคือตำหนักอมตะ!

คือสมบัติพิทักษ์สำนักของพวกเขาแดนพิสุทธิ์อมตะ!

ใบหน้างามของไป๋หลิงซีพลันเผือดสี ร่างอรชรแข็งทื่อ อารมณ์ความรู้สึกพลิกเปลี่ยน เดิมทีที่ผ่อนคลายบัดนี้กลับตึงเครียดถึงขีดสุด

‘เจ้าตัวหายนะนี่สุดท้ายก็จะตายสักที’ พวกมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวนแววตาอำมหิต พวกเขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว

ส่วนจี้ซิงเหยาและลั่วเจียกลับแอบเปรียบเทียบและประเมิน แต่สุดท้ายพวกนางต่างมั่นใจว่า หากหลินสวินคิดพลิกสถานการณ์ก็แทบจะไร้หนทางด้วยซ้ำ!

“หลินสวิน ข้าเคยบอกแล้วว่าครั้งนี้เจ้าต้องตาย!”

อวี่หลิงคงประดุจราชันเทพที่ยืนหยัดเหนือหมู่ชน ในดวงตาสาดรุ้งศักดิ์สิทธิ์อำมหิตและเย็นชา มีความเชื่อมั่นประหนึ่งครองฟ้าดิน

“น่าขัน อาศัยความสามารถของเจ้า เกรงว่าแม้แต่อานุภาพหนึ่งในหมื่นของสมบัตินี้คงไม่อาจสำแดงออกมาด้วยซ้ำ ไม่ปากเก่งไปหน่อยหรือ ใครให้ความกล้าเจ้ากัน”

ที่เกินใครคาดคือ หลินสวินในตอนนี้ยังสีหน้านิ่งสงบ ไม่มีความลนลานแม้เศษเสี้ยว มีเพียงนัยน์ตาดำขลับที่เย็นชาลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิม

“แม้เป็นอานุภาพหนึ่งในหมื่น สังหารหนอนแมลงเช่นเจ้าก็แค่เพียงพลิกฝ่ามือ!”

อวี่หลิงคงสุขุมเยือกเย็น ตำหนักอมตะเหนือศีรษะครวญคร่ำ แผ่พลังอริยมรรคชวนประหวั่นปกคลุมตัวเขา ปกป้องเอาไว้ภายใน

ตูม!

เขาไม่ได้ล่าช้า ไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลินสวินได้ต่อลมหายใจ ย่างก้าวไปเบื้องหน้า เริ่มสำแดงนัยเร้นลับแห่งดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์และหมัดสยบอัมพรม่วง

ภาพน่าอัศจรรย์พลันปรากฏ ตามการสำแดงวิชา ตำหนักอมตะส่องประกาย กระตุ้นพลังทั่วร่างเขาถึงขั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบัดดล

แตกต่างจากก่อนหน้าสิ้นเชิง ขณะนี้อานุภาพของอวี่หลิงคงทำเอาผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างรู้สึกหมดหวัง

หลินสวินมองดูภาพเบื้องหน้า มองอวี่หลิงคงเผยวิชาอัศจรรย์ มองดูคลื่นพลังของตำหนักอมตะนั่น

สีหน้าเขาเยียบเย็นและราบเรียบ จากนั้นเจดีย์สมบัติองค์หนึ่งก็ปรากฏออกมา หลั่งแสงทองอร่ามลอยเหนือศีรษะ

ทุกคนนัยน์ตาพลันหดรัด หรือนี่คือสมบัติอริยะที่หลินสวินครอบครอง

ตูม!

ทว่ายังไม่รอให้ทุกคนเห็นชัด อวี่หลิงคงก็ออกสังหาร นิ้วมือซ้ายดั่งดาบทะยาน ปลายคมกริบเรืองแสงม่วง มือขวาอบอวลอสนีบาดตา เปล่งประกายเจิดจรัส

ยอดวิชามรรคทั้งคู่สอดประสานอย่างสมบูรณ์แบบ ถูกโคจรออกมาพร้อมกัน!

เกือบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินก็เคลื่อนไหวเช่นกัน

ขณะนี้เขาไม่เก็บงำอันใดอีก เริ่มสำแดงวิชาอริยะยุทธ์และโคจรโทสะหยาจื้อผสานไปพร้อมกัน

ภายในร่างเขาจักระเทพส่งเสียงกึกก้อง แสงประกายเนืองแน่น ประดุจโลกฟากหนึ่งกำลังหมุนวน แก่นนัยมหามรรคที่บริสุทธิ์และเข้มข้นพรั่งพรู

สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั่วร่างดุจเพลิงผลาญ ลุกโชนยิ่ง สองมือกำลังเผยเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร

แม้แต่วิญญาณแห่งพลังจิตของเขายังโคจรเคล็ดเวทบริกรรม ควบคุมดาบหักทำการจู่โจม

กลิ่นอายหลินสวินพุ่งทะยาน แค่ชั่วพริบตาอานุภาพพลันล้นฟ้า

“ฆ่า!”

ทั้งสองปะทะกัน เสียงกึกก้องสะเทือนนภา ประกายแสงสาดพุ่งเวิ้งฟ้า ประหนึ่งมหาสุริยันดวงแล้วดวงเล่าระเบิดออก ทำให้ไม่อาจมองโดยตรง เปล่งประกายเจิดจรัสเกินไป บุคคลแห่งยุคสองคนกำลังสู้สุดกำลัง ห้ำหั่นไม่คิดชีวิต!

เหนือความคาดหมายของทุกคน ขณะกฎเกณฑ์อริยมรรคชวนประหวั่นของตำหนักอมตะกดลงมา เจดีย์สมบัติเหนือศีรษะหลินสวินก็หลั่งละอองแสงแห่งอริยเทพเรืองรอง ต้านการพิฆาตของตำหนักอมตะ

เหตุเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนดวงตาผู้แข็งแกร่งมากมายเบิกโพลงยากจะเชื่อ

แม้แต่อวี่หลิงคงในใจยังสั่นสะท้าน เขาใช้ความสามารถขั้นสุด ทั้งใช้ตำหนักอมตะ เดิมคิดว่าสามารถปลิดชีพกำจัดหลินสวินได้ในคราเดียว

แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่ายังไม่อาจสมปรารถนา!

เจดีย์สมบัตินั่นแสงทองอบอวล กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ไหลเวียนพลังซ่อนเร้น แม้ไม่น่าพรั่นพรึงแต่ภายใต้การต่อต้านตำหนักอมตะกลับไม่ถูกกำราบ

ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง!

“สมควรตาย!” อวี่หลิงคงโกรธจัด ใบหน้าสง่าคล้ำเขียว ขณะคำรามเขาถึงกับเผยยอดวิชามรรคอีกอย่างออกมา

“เสี้ยวปีกแสงมงคล!”

นัยน์ตาทองอร่ามของเขาฉายรอยสลักลึกลับสีทองคู่หนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นขนปีกแสงตระการดั่งภาพฝัน เจือกลิ่นอายไพศาลแห่งกาลเวลาที่ไหลเคลื่อน

ฉึบ!

แม้หลินสวินสลายการโจมตีไปได้ แต่ผมดำปอยหนึ่งกลับแปดเปื้อน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นสีขาวดุจหิมะ จากนั้นพลังชีวิตพลันไหลเคลื่อน แห้งเหี่ยวกลายเป็นเถ้าร่วงกราว

พริบตานั้นเสมือนวัฏจักรวาบผ่าน!

ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือวิชามรรคชวนประหวั่นที่กัดกร่อนพลังชีวิต ประทับพลังผ่านยุคสมัย ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ

นี่ทำให้ในใจหลินสวินครัดเคร่ง การโจมตีแข็งกร้าวยิ่งกว่าเดิม

ใครต่างไม่คาดคิดว่าการต่อสู้ชั้นยอดนี้จะอันตรายดุเดือดเช่นนี้ และยากแยกแพ้ชนะเช่นนี้

ทุกชั่วขณะล้วนเป็นการจู่โจมแห่งยุค

เช่นเดียวกัน ทุกช่วงสำคัญล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่คาดฝันชวนตระหนก

เวลานี้ทั้งคู่โรมรันกว่าพันกระบวนท่า ยังไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง ทำให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นในที่นั้นต่างอึ้งงัน

ประเด็นสำคัญคือทั้งสองต่างก้าวสู่มกุฎมรรคา มียอดวิชามรรค ต่างครองพลังต่อสู้ผงาดง้ำเหนือยุคสมัย และต่างมีสมบัติอริยะเหมือนกัน!

การปะทะเช่นนี้ก็เหมือนเข็มแหลมปะทะหนามคม แพ้ชนะยากคาดเดา

“บ้าเอ๊ย! เจ้าหมอนี่เก็บงำซ่อนเร้นได้ล้ำลึกนัก!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั่นแค้นจนกัดฟันกรอด ตำหนักอมตะยังไม่สามารถกำราบหลินสวิน ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้

“ข่าวลือเป็นจริงดังว่า เทพมารหลินครองศุภโชค ยึดกุมสมบัติอริยะ!”

ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งแววตาวาววาบ เวลานี้ล้วนสรุปได้แน่ชัดแล้วว่า เจดีย์สมบัตินั่นที่ลอยคว้างเหนือศีรษะหลินสวินและกำลังต้านทานตำหนักอมตะ ต้องเป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่งแน่

อีกทั้งไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจต้านตำหนักอมตะได้แต่แรก!

“ทำไมถึง…”

พวกมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวนไม่ยินยอมถึงที่สุด ยิ่งหลินสวินแข็งแกร่งก็ยิ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัวและต่อต้าน แทบอยากให้เขาถูกฆ่าตายเสียโดยเร็ว

ในระหว่างนี้พวกเขาเองก็กำลังต่อสู้ชุลมุน แต่ใครต่างไม่อาจเข้าใกล้ศุภโชคอันดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกรุมโจมตี กลายเป็นสถานการณ์ยักแย่ยักยัน

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงแบ่งความสนใจครึ่งหนึ่งไปที่การต่อสู้ของหลินสวินและอวี่หลิงคง

ตูม!

ระหว่างที่ทุกคนมีความคิดมากมาย ความรู้สึกโกลาหล ศึกใหญ่ในที่นั้นพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์