เมื่อหลินสวินได้ยินชื่อนี้ สิ่งที่คิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือขวดมหามรรคไร้ขอบเขตขวดนั้นที่ตนได้มา
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงระฆังสำริดซึ่งเห็นบนโต๊ะที่ยอดแท่นมรรคใบนั้น
อันหนึ่งเป็นระฆังไร้กฎ
อันหนึ่งเป็นขวดไร้ขอบเขต
ล้วนใช้คำว่า ‘มหามรรค’ ตั้งชื่อ ในชื่อนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่
“ตอนนั้นวิธีของเหล่าอริยะก็ไม่ผิด พวกเขาสันนิษฐานไว้ก่อนแล้วว่าจะมีวันเช่นนี้ วันที่มหาสงครามมาเยือน หาไม่แล้วก็คงไม่ทิ้งระฆังมหามรรคไร้กฎที่ทุ่มเททั้งชีวิตหลอมขึ้นมาใบนี้ไว้ที่นี่…”
อันธพาลเฒ่าพึมพำ สีหน้าเจือไปด้วยความเศร้าสร้อยและสะอื้นไห้ เขาไม่ได้เสแสร้ง เหมือนนึกถึงเรื่องราวในอดีตมากมาย
“สมบัตินี้ ก็คือ ‘ผลึกแห่งเลือดหัวใจสรรพชีวิต’ ที่เจ้าพูดถึงหรือ” หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้
พวกเขายังคงเดินหน้าไปบนกิ่งก้าน มาถึงส่วนลึกของชั้นเมฆ ทางข้างหน้ากว้างใหญ่ไพศาล ยังหาทางออกไปยังโลกภายนอกไม่พบ
“ถูกต้อง”
อันธพาลเฒ่าพยักหน้า “ระฆังที่เจ้าเห็นบนแท่นมรรคใบนั้น ก็คือระฆังมหามรรคไร้กฎ หลอมขึ้นโดยอริยะมากมายทุ่มเทร่วมกันหลอมขึ้นมาจนสำเร็จ เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นครั้งหนึ่ง ก็หมายถึงพลังของสรรพชีวิตรวมตัวกัน สามารถเปลี่ยนแปลงจักรวาลโดยง่าย ทำให้ผีเทพถอยหนี ลี้ลับถึงที่สุด หากผู้ใดได้ครอบครอง ผู้นั้นก็เท่ากับถือครองพลังแห่งสรรพชีวิต!”
“น่าเสียดาย…” ในใจหลินสวินออกจะจนใจ หากไม่ใช่ว่าคราวนี้สถานการณ์ไม่สู้ดี เขาคงไม่พลาดศุภโชคระดับนี้ไปแน่
“น่าเสียดายรึ เจ้าหนูนี่ไม่รู้จักพอจริงๆ!”
กลับเห็นว่าใบหน้าของอันธพาลเฒ่าเต็มไปด้วยความดูถูกและรังเกียจ “ระฆังมหามรรคไร้กฎนั่นเป็นตัวแทนของพลังแห่งสรรพชีวิตทั้งมวล ตอนนั้นที่เหล่าอริยะหลอมขึ้นสำเร็จ ก็เพราะสมบัตินี้ละเมิดข้อห้าม ได้รับการลงทัณฑ์จากสวรรค์อย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าจะได้มา ก็ไม่อาจใช้ได้ในเวลาอันสั้น”
หลินสวินอึ้งไป “นี่เป็นเพราะเหตุใด”
“ขาดพลังแห่งสรรพชีวิต”
อันธพาลเฒ่าเอ่ย “พลังแห่งสรรพชีวิต เกี่ยวข้องกับแรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิต มีเพียงผู้เก่งกาจที่สักการะอริยมรรคสำเร็จถึงสามารถไปรวบรวมได้ ทีนี้เจ้าหนูอย่างเจ้าน่าจะเข้าใจแล้วกระมัง ว่าสมบัตินี้ไม่ใช้สิ่งที่พวกเจ้าคนรุ่นหลังวัยเยาว์เหล่านี้ใช้ได้!”
แรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิต…
หลินสวินใจสะท้าน ตามตำนาน อริยะเผยแพร่มรรคแก่ใต้หล้า สั่งสอนกล่อมเกลาสรรพชีวิต ย่อมได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสรรพชีวิตโดยไม่อาจกำหนดได้ และรวมตัวเป็นพลังลี้ลับอย่างหนึ่ง… แรงปรารถนา!
เปรียบดั่งรูปปั้นทวยเทพในอารามในโลก ได้รับการบูชากราบไหว้จากปุถุชนมานานปี ย่อมมีกลิ่นอายน่าเกรงขามน่าหวาดกลัวเป็นธรรมดา
กลิ่นอายเหล่านั้นก็คือแรงปรารถนาอันผิวเผินอย่างหนึ่ง
ทว่าแรงปรารถนาสำหรับผู้ฝึกปราณนั้นกลับต่างออกไป เป็นตัวแทนแห่งภาพที่วาดหวังในวิถีบำเพ็ญเพียรอันยิ่งใหญ่ อริยะที่แท้จริงทุกคนล้วนตั้งปณิธานมหามรรคอันเกริกไกรของตนเอง
เพื่อสิ่งนี้ อริยะบางคนเลือกเข้าสู่สังคม สั่งสอนสรรพชีวิต ส่งเสริมปณิธานอันยิ่งใหญ่ของตน ได้รับศรัทธาและการยอมรับจากสรรพชีวิต ก็จะได้รับแรงปรารถนาสรรพชีวิตอย่างไม่ขาดสาย
เช่นเดียวกัน อริยนะบางคนเลือกออกจากสังคม ใช้ภาพที่วาดหวังของตนพิสูจน์กับหมื่นมรรคธรรมบาล ยามแผ้ววิถีบำเพ็ญเพียรใหม่ หรือบุกเบิกวิชามรรคใหม่ ก็จะได้รับแรงปรารถนาเช่นกัน
แรงปรารถนาเช่นนี้ จะถูกเรียกขานว่าแรงปรารถนามหามรรค
ไม่ว่าจะเข้าสู่สังคมหรือออกจากสังคม หนทางแห่งอริยมรรคย่อมสัมพันธ์กับแรงปรารถนาอย่างแยกไม่ออก
หลินสวินยังจำได้ว่า สมัยเขาอยู่ในป่าต้นหม่อนที่สมรภูมิกระหายเลือด จักจั่นทองลี้ลับตัวนั้นก็เคยเอ่ยความปรารถนายิ่งใหญ่ที่สามารถสะท้านโลกา สะเทือนนิรันดร์กาล…
ปรารถนาว่าสักวันหนึ่งหมื่นวิญญาณในใต้หล้าจะกลายเป็นอริยะได้!
นี่ ก็เป็นปณิธานมหามรรคอย่างหนึ่งเช่นกัน
เพียงแต่หลินสวินยังคิดไม่ถึงอยู่ดีว่าระฆังมหามรรคไร้กฎใบนั้นจะอัศจรรย์เช่นนี้ เพียงแค่ใช้งานเท่านั้น ก็ต้องใช้พลังแห่งสรรพชีวิตเป็นแหล่งพลัง
“เหนือความคาดหมายจริงๆ”
“ดังนั้นเจ้าหนูเจ้าก็เสแสร้งให้มันน้อยๆ หน่อย เทียบกับระฆังมหามรรคไร้กฎ ขวดมหามรรคไร้ขอบเขตที่เจ้าได้มาขวดนั้นถึงจะเป็นของดีที่แท้จริง”
ยามอันธพาลเฒ่าพูดจา ถึงกับเจือน้ำเสียงอิจฉา “สิ่งนี้ก็เป็นสมบัติที่หลอมขึ้นโดยสรรพชีวิตเช่นกัน น่าเสียดายที่พลังเจ้าอ่อนด้อยเกินไป ไม่อาจใช้อานุภาพทั้งหมดของมันได้ ตอนที่อริยะเขาพยับครามผู้หนึ่งถือขวดนี้ไว้ในมือ เพียงคนเดียวก็สังหารอริยะได้ห้าคน เรียกได้ว่าอานุภาพอริยะเทียมฟ้า!”
หลินสวินสีหน้าผิดเพี้ยนไป พูดอย่างแปลกประหลาดว่า “ขวดนี้เป็นรางวัลพิเศษที่ข้าได้รับที่เขตขีดจำกัด ทำไมเจ้ารู้ได้”
อันธพาลเฒ่าอึ้งไป แล้วก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ตลกน่า บนเขาพยับครามแห่งนี้ยังมีเรื่องที่ข้าไม่รู้หรือ”
ในขณะเดียวกันอันธพาลเฒ่าก็รีบร้อนเตือนว่า “ถึงทางออกแล้ว หยุดเดินเร็ว”
สายตาหลินสวินมองไปรอบทิศ ก็เห็นว่าทั้งสี่ด้านเวิ้งว้างกว้างใหญ่ มีแต่เมฆหมอก มีทางออกเสียที่ไหนกัน
“รีบปล่อยข้าออกมา ข้าจะเบิกทางผ่านให้พวกเจ้า” อันธพาลเฒ่าร้องขึ้น
“บอกข้าก่อน เจ้าเป็นใครกันแน่” หลินสวินพลันถามขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ดวงตาสีดำลุ่มลึก
“หา? ข้าหรือ” อันธพาลเฒ่ามีทีท่าไม่เข้าใจ “ไม่ใช่บอกไปแล้วหรือ ไม่ว่าข้าจะเดินหรือนั่งก็ไม่เปลี่ยนชื่อแซ่ เป็นโสมสมบัติเก้าห้องที่เกิดขึ้นเพราะรับบัญชาฟ้าลิขิตต้นหนึ่ง…”
หลินสวินไม่รอให้พูดจบก็ตัดบทว่า “มาถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังหลอกข้าหรือ ทั้งเขาพยับครามมีเพียงเจ้าผู้เดียวที่มีสติปัญญา เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์