Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 923

ตอนที่ 923 ต่อรองราคา
ใต้แท่นมรรค มีผู้แข็งแกร่งบางคนยืนอยู่

ก่อนหน้านี้พวกเขาละทิ้งการช่วงชิงศุภโชค ยังอยู่ด้านล่างต้นโคมสำริดมรรคโบราณ เพียงแต่เมื่อได้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นบนแท่นมรรคนั้น ก็อดใจไม่ไหวจนออกมาแล้ว

ที่น่าเสียดายก็คือผนึกต้องห้ามบนแท่นมรรคคลุมเครือ น่าหวาดหวั่นเกินไป ทำให้พวกเขาไม่อาจเข้าใกล้ ทำได้เพียงยืนสังเกตการณ์อยู่ตรงนี้

“อวี่หลิงคงถูกฟันแล้ว ในหมู่คนรุ่นเยาว์บนโลกนี้ยังมีใครต้านทานก้าวย่างของเทพมารหลินได้ไหม”

“ตำหนักอมตะน่ากริ่งเกรงเกินไปแล้ว สมกับเป็นยอดสมบัติอริยมรรคของแดนพิสุทธิ์อมตะ การโจมตีเมื่อครู่นั้นทำให้เทพมารหลินแทบประสบเคราะห์!”

“เด็กสาวคนนั้นเป็นใคร เหตุใดถึงทรงพลังเช่นนี้”

“นะนะนาง… ถึงกับฆ่าบุคคลแห่งยุคมากมายเพียงนี้!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น แม้ไม่อาจเข้าใกล้ยอดของแท่นมรรค แต่ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้กลับสามารถมองเห็นการประหัตประหารนองเลือดที่เกิดขึ้นด้านบนนั้นได้รางเลือน

กระทั่งเมื่อเห็นว่าลำพังซย่าจื้อเพียงผู้เดียวสังหารบุคคลแห่งยุคคนแล้วคนเล่าราวกับผักปลา ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ล้วนตระหนก ความหนาวยะเยือกผุดขึ้นมาในหัวใจ ขนพองสยองเกล้า

“ฮ่าๆ เด็กสาวผู้นั้นแข็งแกร่งปานนี้ แต่ดัน… ดันไม่มีคุณสมบัติช่วงชิงศุภโชคอันดับหนึ่ง คราวนี้กลายเป็นเรื่องเศร้าเสียแล้ว”

และเมื่อได้รู้ข่าวนี้ ก็มีคนอดไม่ได้ที่จะมีความสุขที่เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์

แต่ชั่วครู่เดียวเท่านั้นเขาก็หุบปาก นัยน์ตาขยายกว้าง นิ่งงันอยู่ตรงนั้นราวถูกสายฟ้าฟาด ในใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

ไม่เพียงแค่เขา ผู้แข็งแกร่งคนอื่นในที่นั้นต่างพากันเงียบเชียบไร้เสียง แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสียิ่ง เผยความหวั่นเกรงหาใดเทียบ

ในครรลองสายตาของเขาพวกเขา เทพมารหลินกับเด็กสาวลึกลับผู้นั้นรวมถึงไป๋หลิงซี เดินลงมาจากด้านบนแท่นมรรคแล้ว…

หลินสวินไม่สนใจพวกเขา พาซย่าจื้อกับไป๋หลิงซีเดินตรงดิ่งจากไปอย่างรีบร้อน

กระทั่งเงาร่างของพวกเขาหายไป ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ถึงกล้าผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ละคนต่างมีท่าทางราวยกภูเขาออกจากอก

ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือซย่าจื้อ ต่างใช้ผลการต่อสู้อันเจิดจรัสนองเลือดพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตน ไม่ใช่คนที่พวกเขาเหล่านี้จะกล้าวิจารณ์ต่อหน้าได้!

“ข่าวกระจายออกไปหรือยัง” มีคนเอ่ยปากขึ้นทันใด

“กระจายออกไปแล้ว”

“สามารถคาดการณ์ได้ว่า หลังจากเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ปิดฉาก ยามเทพมารหลินคนนั้นเดินออกไปจากเขาพยับคราม ต้องเผชิญหน้ากับเคราะห์สังหารที่คาดเดาได้ยากอีกครั้งหนึ่งแน่!”

“แต่ว่า นี่เขาไม่ได้ออกไปก่อนหรอกหรือ”

“ไม่ เขาออกไปไม่ได้หรอก เทศกาลโคมธรรมกถามรรคยังไม่ปิดฉากลง ใครก็ไม่อาจออกไปได้!”

……

“พวกเราต้องออกไปให้เร็วที่สุด”

ระหว่างทาง หลินสวินขมวดคิ้วเคร่ง เขารับรู้ได้ถึงความรุนแรงของปัญหาเช่นกัน

เงาร่างซย่าจื้ออ้อนแอ้นอรชร เท้าเปลือยเปล่าของนางราวหยก เดินเคียงไหล่ข้างหลินสวิน ในมือขาวกระจ่างเรียวยาวถือร่มดำคันหนึ่ง มีกลิ่นอายเยียบเย็นสงบนิ่งอันเป็นเอกลักษณ์

“เพียงแต่ อิงตามประสบการณ์ในเทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านมา หากการช่วงชิงศุภโชคอันดับหนึ่งไม่ปิดฉากลง พวกเราเหล่าคนที่มาถึงหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณคนไหนก็ออกไปไม่ได้”

คิ้วงามของไป๋หลิงซีมุ่นขึ้นเล็กน้อย อาภรณ์ขาวของนางเปื้อนเลือด ใบหน้าพริ้งเพราใสกระจ่างซีดขาว ดูอ่อนแรงอยู่บ้าง

การต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็ทำให้นางได้รับบาดเจ็บอย่างมาก ทั้งอาการบาดเจ็บก็ไม่ได้ดีไปกว่าหลินสวิน

ยามไป๋หลิงซีพูดก็ชะงักไปเล็กน้อย นางรับรู้ได้อย่างเฉียบคมว่าเด็กสาวลึกลับข้างกายหลินสวินผู้นั้นกำลังประเมินนางอยู่

ไม่ใช่การประเมินอย่างลับๆ แต่เป็นการพินิจพิเคราะห์อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

ในดวงตาจันทร์เสี้ยวสีดำสนิทราวราตรีนิรันดร์คู่นั้น เจือความเฉยชาอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีคลื่นอารมณ์ไหววูบแม้แต่น้อย

นี่ทำให้ไป๋หลิงซีอึ้งไป ออกจะไม่สบายใจเล็กน้อย

และในตอนนี้เอง ซย่าจื้อก็เอ่ยปากแล้ว เสียงกังวานราวกระดิ่งกระทบกัน “เจ้ากับหลินสวินมีความสัมพันธ์เช่นไรกัน”

วาจาเช่นนี้เดิมทีควรเป็นคำถามส่วนตัวนัก อีกทั้งต่อให้เอ่ยถาม ก็ควรไปถามหลินสวินถึงจะถูก

แต่เห็นได้ชัดว่าซย่าจื้อไม่เหมือนคนอื่น นางเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง เรียบง่ายและตรงไปตรงมาถึงเพียงนั้น ทำให้ไป๋หลิงซีอดอึ้งไม่ได้

“เพื่อนน่ะ”

ทันใดนั้นนางก็แย้มยิ้ม สังเกตเห็นว่าซย่าจื้อเหมือนจะใส่ใจหลินสวินมาก ดังนั้นถึงได้เอ่ยถามเช่นนี้ออกมา เสียแต่วิธีถามตรงไปตรงมาเกินไป

“เพื่อนหรือ” คิ้วงามสีดำขลับราวน้ำหมึกของซย่าจื้อมุ่นขึ้นอย่างยากสังเกตเห็น

“ใช่ เพื่อน” ไป๋หลิงซีรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง หลินสวินกับเด็กสาวผู้นี้มีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่ เหตุใดนางถึงใส่ใจเรื่องแบบนี้ด้วย

แต่กลับเห็นว่าซย่าจื้อพยักหน้าแล้วพูดว่า “เป็นเพื่อนก็ดี”

จากนั้นนางก็ชักสายตากลับไป ไม่มองไป๋หลิงซีอีก คล้ายว่าแน่ใจกับคำตอบนี้ ทำให้นางหมดความสนใจจับจ้องไป๋หลิงซีไปแล้ว

ไป๋หลิงซียิ่งรู้สึกประหลาดยิ่งขึ้นไปอีก คิดไปคิดมา ก็ทำได้เพียงตัดสินว่าความสัมพันธ์ของหลินสวินกับเด็กสาวคนนี้ต้องไม่ธรรมดา

‘น่าสนใจจริงๆ ถ้าข้างกายหลินสวินมีสาวงามรู้ใจที่ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนบางคนเพิ่มขึ้นมา เกรงว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่ยอมรับเป็นคนแรกกระมัง’

ความคิดประหลาดบังเกิดขึ้นในใจไป๋หลิงซี

……

“จริงหรือ”

“จริงสิ!”

“โอ๊ยๆ ไอ้หนูเหตุใดเจ้ายังลงมืออีกเล่า”

……

ในที่สุดหลังจากผ่านการไต่สวนโดยใช้วิธีการต่างๆ ทั้งขู่ให้กลัว กำราบ และเกลี้ยกล่อม หลินสวินก็รับปากว่าจะปล่อยอันธพาลเฒ่าผู้นี้ไป

ส่วนอันธพาลเฒ่าก็ยอมรับเงื่อนไขของหลินสวิน ทั้งยังจะมอบ ‘แก่นแท้โอสถราชัน’ สามหยดและเมล็ดโอสถราชันเมล็ดหนึ่งทดแทนให้หลินสวิน

“ให้ตายสิ ข้าไม่เคยพบเคยเห็นเด็กเวรร้ายกาจอย่างเจ้ามาก่อนเลย จะไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!”

อันธพาลเฒ่าด่าสาดเสียเทเสีย เขากำลังเจ็บปวดใจ แก่นแท้โอสถราชันเป็นถึงแหล่งกำเนิดของเขา เพียงแค่หยดเดียวก็ฟื้นคืนชีวิตได้ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ ก็จะฟื้นตัวขึ้นในชั่วพริบตา

เช่นเดียวกัน เมล็ดโอสถราชันที่เขาให้นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า หาไม่ได้อีกแล้วในในโลกยุคปัจจุบัน

“จำไว้ ข้าเป็น ‘โสมสมบัติเก้าห้อง’ ที่ได้รับบัญชาชะตาฟ้าดินให้ถือกำเนิดขึ้นมา มีหนึ่งไม่มีสองทั้งบนฟ้าและใต้หล้า เมล็ดนี้ก็จะถือเป็นลูกหลานเพียงหนึ่งเดียวของข้า เจ้าอย่าทำให้มันเสียเปล่าเด็ดขาด”

อันธพาลเฒ่าสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าหวังว่าเจ้าจะไปขุดเอาดินปราณห้าสีบนแหล่งสถานคุนหลุน ไปรับเอาน้ำอริยะเร้นมรรคที่ใต้แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไปเด็ดแกนแห่งฟ้าดินบางส่วนจากแหล่งสถานศุภโชค ไปที่แหล่งสถานอัศจรรย์เพื่อ… เอ้อ ทางไปแหล่งสถานอัศจรรย์ขาดไปนานแล้ว…”

“ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร มีดินปราณห้าสี น้ำอริยะเร้นมรรคกับแกนแห่งฟ้าดินก็พอจะหล่อเลี้ยงทายาทผู้เดียวของข้านี้ได้แบบพอถูไถ ถ้าเป็นเช่นนี้สักวันหนึ่ง ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นเหมือนข้า เบิกดวงใจเก้าห้อง มีพลังแฝงสามารถเป็นอริยะปฐมาจารย์ได้”

เมื่อหลินสวินฟังจบเขาก็รู้สึกอยากจะฆ่าคนเสียแล้ว ดินปราณห้าสี น้ำอริยะเร้นมรรคกับแกนแห่งฟ้าดินหรือ นั่นเป็นถึงของวิเศษหายากในตำนานนะ!

ขนาดอริยะยังไม่เคยเห็นว่าใครจะเคยเจอ เห็นได้ชัดว่าเจ้าอันธพาลเฒ่าผู้นี้กำลังพูดจาส่งเดช เพ้อเจ้อกับตนอยู่!

……

บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ภายใต้การชี้นำของอันธพาลเฒ่า พวกหลินสวินก็เดินเลียบกิ่งก้านหนึ่งในนั้นห่างออกมาเรื่อยๆ เดินเข้าสู่ส่วนลึกของเมฆสูง

“ในสมัยบรรพกาล กิ่งก้านทุกกิ่งของต้นไม้นี้ล้วนไปยังโลกที่แตกต่างกัน ผู้ฝึกปราณที่อยู่บนเขาพยับครามอาศัยต้นไม้นี้ไปท่องเที่ยวโลกต่างๆ ได้ น่าเสียดาย เมื่อนานมาแล้วก่อนหน้านี้มันประสบเคราะห์ ตอนนี้เหลือเพียงเปลือกนอกที่เย็นเยียบ… พอพูดขึ้นมา ตอนนั้นพวกเราทั้งสองเป็นสหายที่คุยกันทุกเรื่องนะ…”

อันธพาลเฒ่าถอนหายใจ

หลินสวินนึกเสียใจภายหลังขึ้นมากะทันหัน เห็นได้ชัดว่าอันธพาลเฒ่าผู้นี้ล่วงรู้ความลับมากมาย ปล่อยเขาไปเช่นนี้ช่างไม่คุ้มอย่างยิ่ง

“เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่าศุภโชคอันดับหนึ่งนั่นเป็นสมบัติระดับไหนกันแน่สินะ” หลินสวินใจเต้น

อันธพาลเฒ่าเอ่ยอย่างดูถูกว่า “บนเขาพยับครามแห่งนี้ยังไม่มีเรื่องที่ข้าไม่รู้ ศุภโชคอันดับหนึ่งที่พวกเจ้าว่ากัน เป็นของขวัญบางชิ้นที่อริยะเหล่านั้นทิ้งไว้ในสมัยก่อนเท่านั้นเอง”

พูดถึงตรงนี้เขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยพึมพำว่า “แต่ว่าไปแล้ว ศุภโชคที่ปรากฏขึ้นคราวนี้ กลับเป็นระฆังมหามรรคไร้กฎใบนั้น ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์