ศพของหลี่ชิงฮวนถูกโยนทิ้งไป กระแทกเข้ากับพื้น ใบหน้าก่อนตายยังเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและงงงวยดังเดิม
เขาคิดไม่ถึงว่าตนจะมีช่วงเวลาอ่อนแอเช่นนี้ได้
ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินตามรอยมู่เจี้ยนถิง ถูกเด็กสาวที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันคนหนึ่งสังหารในการโจมตีเดียวเช่นกัน
ไม่ว่ามู่เจี้ยนถิงหรือหลี่ชิงฮวน ล้วนเป็นถึงบุคคลแห่งยุคในหมู่คนรุ่นเยาว์ของแดนฐิติประจิม พรสวรรค์เหนือคนทั่วไป พลังต่อสู้ล้ำเกินผู้ใด ทั้งมาจากสำนักเก่าแก่ ครอบครองไพ่ตายที่สามารถรักษาชีวิตได้
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ทันได้ใช้พลังที่อยู่ในครอบครอง ก็ถูกสังหารในการโจมตีเดียวแล้ว วิธีฆ่าคนที่เรียบง่ายและปราดเปรียวปานนั้น น่าตื่นตระหนกเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
นางเป็นใครกันแน่
หรือเป็นผู้มีปราณระดับราชันผู้หนึ่ง
แต่เห็นได้ชัดว่าพลังปราณของนางอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติ เพียงแต่ดูมีเอกลักษณ์ถึงที่สุด ประหนึ่งตัวนางอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ไม่ได้อยู่ในโลกนี้
ความกระวนกระวายยากบรรยายผุดขึ้นในจิตใจของพวกซางเจี่ย ศุภโชคอันดับหนึ่งอยู่ตรงหน้า แต่เมื่อรับรู้ได้ว่าชีวิตประสบกับภัยคุกคามร้ายแรง พวกเขาก็ไม่อาจสนใจสิ่งเหล่านี้
“หนี!”
พวกเขาไม่ต้องปรึกษากันแต่อย่างใดก็สลายตัวหนีไปทั่วทิศ พุ่งออกไปยังใต้แท่นมรรค
สวบ!
เพียงแต่การเคลื่อนไหวของเด็กสาวว่องไวยิ่งกว่าพวกเขา ฉับพลันทันใดก็ปรากฏตัวหน้าทางออกของเส้นทางที่ผ่านไปยังใต้แท่นมรรคสายนั้น ถือทวนม่วงกั้นขวางอยู่
รอบกายนางโอบล้อมไปด้วยแสงรัตติกาลนิรันดร์ ราวกับความมืดมิดปกคลุมที่นั่น ครู่เดียวก็ทำให้พวกซางเจี่ยต่างหน้าเปลี่ยนสี
และตอนนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ล้อมโจมตีไป๋หลิงซีอยู่ไกลออกไปก็ล้วนฉงน ละจากไป๋หลิงซีไปอย่างไม่ลังเล เลือกระมัดระวังและป้องกันตัว
เด็กสาวผู้นั้นลึกลับและน่ากลัวเกินไป ทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงความรุนแรงของปัญหา
ไป๋หลิงซีฉวยโอกาสนี้ปลีกตัวมาตรงหน้าหลินสวินในที่สุด
นางได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว ใบหน้างามซีดเผือดแทบโปร่งแสง แต่ตอนนี้ก็ตื่นตระหนกระลอกหนึ่งด้วย ไม่อาจคาดคิดได้เช่นกันว่าเด็กสาวเช่นนี้หลินสวินไปหามาจากไหนกัน เหตุใดถึงแข็งแกร่งปานนี้
“เจ้าตั้งรับอยู่ตรงนั้น ไม่กังวลว่าพวกเราจะไปฆ่าหลินสวินหรือ” มีผู้แข็งแกร่งเอ่ยปาก สีหน้าอึมครึมหาใดเทียบ สายตาไหววูบ
ต่อสิ่งนี้ การตอบโต้ของซย่าจื้อเรียบง่ายนัก นางขว้างทวนม่วงในมือออกไป
วู้มๆๆ!
ห้วงอากาศระเบิดแหลก แปรสภาพเป็นกระแสแปรปรวน ไม่รู้ว่าทวนม่วงนั้นเป็นสมบัติชั้นไหนถึงได้น่ากลัวหาใดเทียบ มีอานุภาพสังหารสรรพสิ่ง แข็งแกร่งเกินต้านทาน
ปึก!
ผู้แข็งแกร่งที่เอ่ยปากข่มขู่ผู้นั้นยังไม่ทันได้หลบหนีก็ถูกโจมตีทะลุร่าง ล้มหน้าหงายลงไปกับพื้น
มีบุคคลแห่งยุคตายไปคนหนึ่งแล้ว!
สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่นในปัจจุบันแล้ว เหล่าบุคคลแห่งยุคอย่างซางเจี่ยเหมือนยอดเขาสูงที่ปีนข้ามได้ยาก ไม่อาจหวั่นไหว
แต่ด้วยน้ำมือของซย่าจื้อ พวกเขากลับเหมือนของไร้ราคา ไม่อาจต้านทานการโจมตีได้!
การโจมตีเดียวก็นำพาให้วิญญาณดวงหนึ่งหลุดลอยไป ตั้งแต่เริ่มจนจบยังไม่ได้พูดเลยสักคำ ท่วงท่าเรียบเฉยและแปลกแยกนั้นดูน่ากลัวอย่างยิ่งในสายตาทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย
แผ่นหลังของพวกเขาเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ในใจบีบคั้นถึงที่สุด รู้สึกถึงความคุกความอย่างรุนแรง แม้ในมือพวกเขาแต่ละคนล้วนมีไพ่ตายที่ทรงพลังก็ตาม
แต่ในตอนนี้พวกเขากลับสูญเสียความมั่นใจ ไม่แน่ใจว่าจะสลายภยันตรายได้หรือไม่
สวบ!
เพียงแต่ในตอนที่พวกเขากำลังลังเลว่าจะเอาชีวิตเข้าแลกดีหรือไม่นั้น ซย่าจื้อกลับเคลื่อนไหวก่อนแล้ว
นางเหมือนหมดความอดทน หมายจะรีบสู้ให้จบๆ ไป ควบคุมทวนม่วงในมือ เงาร่างคลุมเครือเยื้องย่างอยู่ในที่นั้น
มีคนยินดีปรีดา นึกว่าพบความเป็นไปได้ที่จะหลบหนี
แต่ยังไม่ทันฝ่าไปถึงทางออกก็ถูกสังหารตายคาที่ เลือดสดๆ ย้อมพื้นดินให้เป็นสีแดง
ในระหว่างนี้ผู้แข็งแกร่งคนนี้ก็ต่อต้านและได้ใช้ไพ่ตายแล้ว แต่ทุกอย่างดูสูญเปล่าและไร้ประโยชน์
เด็กสาวราวหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย ตัวนางอยู่ในราตรีนิรันดร์มืดมิด เมื่อปล่อยทวนม่วงออกมาต้องเป็นการโจมตีที่ชี้เป็นชี้ตายครั้งหนึ่ง มีพลังสังหารที่น่าสะท้านขวัญ
พวกซางเจี่ยย่อมไม่สามารถนั่งรอความตายได้ ต่างทุ่มสุดตัวใช้ไพ่ตาย ชั่วครู่เดียวในพื้นที่นี้ก็มีแสงเทพเปล่งประกายสะดุดตา สมบัติโบราณนานาชนิดเริงระบำ สภาพการณ์น่าพรั่นพรึง
ฮูม!
เด็กสาวยกมือโบกสะบัด ร่มดำก็ทะยานขึ้นฟ้า ปล่อยแสงราตรีนิรันดร์มืดมิดทำลายหมื่นวิชา ขวางกั้นสมบัติโบราณและการสังหารทั้งมวล มหัศจรรย์ถึงที่สุด
พรูด!
และในระหว่างนี้นางก็ฝ่าสังหารต่อไป ทุกชั่วพริบตาจะต้องปลิดชีพคู่ต่อสู้ได้คนหนึ่ง เลือดสดๆ ผลิบานออกมาไม่ว่างเว้นคล้ายดอกไม้ไฟ งดงามน่าหวาดหวั่นและพาให้ผู้อื่นสิ้นหวัง
นี่เป็นการต่อสู้เสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นการสังหารหมู่ที่ฝ่ายหนึ่งเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง!
หากแพร่งพรายไปยังโลกภายนอก ต้องก่อให้เกิดพายุลูกใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน ตื่นตระหนกไปทั้งใต้หล้า!
……
หลินสวินสูดหายใจเยียบเย็น ทำใจเชื่อได้ยาก
เห็นได้ชัดว่าพลังของซย่าจื้อล้ำเกินขอบเขตของระดับกระบวนแปรจุติไปแล้ว แต่พลังปราณที่นางสำแดงออกมากลับเป็นระดับกระบวนแปรจุติดังเดิม
ทั้งหลินสวินยังมั่นใจว่า พลังต่อสู้ที่ซย่าจื้อมี เกรงว่าขนาดตนยังไม่อาจเทียบเคียงได้
‘นี่เป็นพลังระดับไหนกัน’
หลินสวินไม่รู้ชัด สิ่งเดียวที่แน่ใจได้คือ ซย่าจื้อไม่ได้เหยียบย่างลงบนมกุฎมรรคา แต่พลังที่นางครอบครองแข็งกล้ากว่า ถึงทำให้อานุภาพที่นางสำแดงออกมาแข็งแกร่งปานนั้น
อีกด้านหนึ่งไป๋หลิงซีก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน จิตใจสงบลงได้ยาก ฝึกปราณมาจนถึงตอนนี้ นางยังไม่เคยพบเรื่องพิสดารและน่าตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน
เด็กสาวผู้หนึ่งมองเหล่าบุคคลแห่งยุคราวไม่มีอยู่ เข้าสังหารราวผักปลา ภาพนองเลือดแต่ละภาพนั้นไม่เหมือนจริง ดุจฝันร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์