อ่านสรุป ตอนที่ 928 กำจัดให้สิ้นซาก จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 928 กำจัดให้สิ้นซาก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
รอยสลักวิญญาณพร่าเลือนเต็มฟ้าไหววูบ แน่นขนัดราวกระแสน้ำผุดขึ้น รัศมีเทพเปล่งประกายปะทุออก
ในชั่วขณะเดียว ภูเขาลูกใหญ่ที่เดิมเพียงเรียกได้ว่างดงามเหนือธรรมดา กลับมีปรากฏความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ราวตื่นจากความเงียบงัน ลมเมฆน่าหวั่นใจปะทุขึ้น ส่องสว่างทั้งจักรวาล
ส่วนผู้ที่อยู่ในนั้น สถานการณ์กลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง
บางพื้นที่ประหนึ่งพิภพทะเลหินหนืด คลื่นร้อนไหวกระเพื่อมพลุ่งพล่าน มีเงาวิหคชาดสยายปีกอยู่ภายใน แผดเสียงร้องกังวาน ผลาญฟ้าทลายดิน
บางพื้นที่กว้างใหญ่เกรียงไกร ฟ้าดินปรากฏสภาวะแห้งแล้ง มีกลิ่นอายกดดันเทพผี มังกรเขียวตัวหนึ่งกระหวัดร่างยาวหมื่นจั้ง ร้องคำรามสะท้านเก้าชั้นฟ้า
ส่วนบางพื้นที่ก็มืดสนิทไปหมด ไอสังหารราวเมฆดำกดทับทั่วนคร พยัคฆ์ขาวน่าหวาดหวั่นเป็นพิเศษตัวหนึ่งลืมตาเหี้ยมเกรียมเฉยชาทั้งสองข้างขึ้น ไอสังหารสะเทือนแปดทิศ
และในอีกพื้นที่หนึ่ง ก็มีเต่าดำตัวหนึ่งเคลื่อนฝ่าเท้าที่ประหนึ่งเสาค้ำฟ้าทั้งสี่ ทุกครั้งที่เหยียบย่างลงมา ห้วงอากาศจะยุบตัว ผืนปฐพีจมลง
น่าหวาดผวาเกินไปแล้ว สุดขอบฟ้าดินทั้งสี่ทิศแปรเปลี่ยนเป็นวินาศภัยวันสิ้นโลกโดยสมบูรณ์!
……
ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน ตกใจจนหนาวเยือกขนลุกเกรียวไปทั้งกาย
ติดกับแล้ว!
ภูเขาที่เดิมทีธรรมดาลูกหนึ่งกลับแสดงปรากฏการณ์น่าครั่นคร้ามเช่นนี้ออกมาในชั่วพริบตา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการซุ่มโจมตีที่วางแผนไว้ก่อนแล้ว
ผู้แข็งแกร่งหลายคนจะหนีไปโดยไม่ลังเล แต่พบว่าหนีไม่พ้นแล้ว นี่เป็นกระบวนผนึกมรรคราชันกระบวนหนึ่ง ยิ่งถูกหลินสวินวางไว้บนชีพจรปราณวิญญาณของภูเขาลูกนี้ เชื่อมต่ออานุภาพแห่งฟ้าดิน พลานุภาพก็ยิ่งไม่ธรรมดา
“อ๊าก…”
หญิงชราผมขาวผู้นั้นยังร้องโหยหวน เสียงชวนหดหู่หาใดเทียบ พาให้ผู้อื่นขนลุกเกรียว ทั้งกายของนางถูกกลบอยู่ในทะเลเพลิงช่วงโชตินั้น แต่กลับไม่อาจดิ้นรนออกมาได้ กำลังถูกหลอมละลาย
เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้า ผิวหนัง เส้นผม และร่างกายของนางล้วนถูกเผาจนไหม้ดำเป็นตอตะโก น่าตื่นตระหนกยิ่ง
“แม่งเอ๊ย นี่มันกระบวนผนึก! พวกเราติดกับเทพมารหลินนั่นแล้ว!” มีผู้แข็งแกร่งคำรามดาลเดือด โมโหยากรับไหว
ที่จริงแล้วไม่ต้องอธิบายเลย ผู้ฝึกปราณบนภูเขาทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดีแล้ว
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ถูกตำหนักอมตะโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายในงานเทศกาลโคมกถามรรคชัดๆ เหตุใดยังสามารถวางค่ายกลใหญ่น่าหวาดหวั่นได้
“สารเลว!”
หลายคนสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ในใจนึกเสียใจภายหลัง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้หลินสวินถึงได้ใจเย็นและสุขุม ทั้งยังร้องแรกว่าจะส่งพวกเขาไปตายเสียให้หมด
ตอนนั้นพวกเขายังดูแคลน คิดว่าหลินสวินเสแสร้งหลอกลวง แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างคิดผิด!
ผิดมหันต์ด้วย!
นี่ทำให้พวกเขานึกเสียใจจนอยากจะตีอกชกหัว แต่ละคนสีหน้าย่ำแย่หาใดเทียบ
ก่อนหน้านี้พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเองและโอหังปานไหน มองหลินสวินเป็นเนื้อปลาบนเขียง แย่งกันจะฆ่าเขาให้ตายเป็นคนแรกเพื่อชิงสมบัติอริยะที่อยู่ในมือเขา
แต่ตอนนี้ พวกเขาทั้งเสียใจและขัดเคืองจนแทบจะก่นด่าออกมาแล้ว
“ไอ้เดรัจฉานน้อย รอข้าหลุดออกไปได้ก่อนเถอะ จะต้องป่นกระดูกเจ้าเป็นผุยผง!” อีกด้านหนึ่ง คฤหัสถ์ผาคีรีผู้นั้นก็ร้องโหยหวนคำรามเดือดดาล
เขาถูกกดดันอยู่ในบริเวณที่เต่าดำอยู่ กำลังถูกกำราบ ฝ่าเท้ามหึมาค้ำฟ้าของเต่าดำเหยียบลงมา ทำให้ร่างเขาแทบแหลกสลาย
ทุกคนตกตะลึงขึ้นอีกระลอกหนึ่ง
คฤหัสถ์ผาคีรีเป็นถึงราชันกึ่งระดับที่พลังต่อสู้กล้าแข็งถึงที่สุดผู้หนึ่งเช่นเดียวกับหญิงชราผมขาว แต่ตอนนี้ถูกขังอยู่ในค่ายกล ประสบเคราะห์เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นได้ น่าครั่นคร้ามเกินไปแล้ว
“ไอ้แก่โง่ ตัวเองความโลภบังตา ในใจคิดไม่ซื่อ ตอนนี้ประสบเคราะห์กลับมาโกรธแค้นข้า ยังมียางอายอยู่ไหม”
ในค่ายกลใหญ่ เสียงเฉยชาเยียบเย็นของหลินสวินดังขึ้น
หลินสวินในตอนนี้กำลังควบคุมกระบวนผนึกมรรคราชันอยู่ เคลื่อนไหวอย่างคุ้นชินคล่องมือ สำแดงพลังและความเชี่ยวชาญของปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่งออกมาอย่างหมดจด
โครม!
อานุภาพของค่ายกลใหญ่ยิ่งน่ากลัวขึ้น ส่งเสียงกึกก้องราวอสนีบาต
“สหายน้อย ข้าขออภัยเจ้าด้วย ขอเจ้าเมตตาปล่อยข้าไปสักครั้ง”
อีกพื้นที่หนึ่ง สิงห์อสนีหยกขาวที่มาจากอารามพรางมรกตตัวนั้นกำลังโอดครวญ เขาโชคร้ายร่วงลงเข้าไปในพื้นที่มืดดำ กำลังถูกเงามายาพยัคฆ์ขาวกำราบ
พยัคฆ์ขาวออกประหัตประหารน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ เมื่อกรงเล็บแหลมคมตะปบลงมา ไอสังหารราวกระบี่ ฟันให้ร่างของสิงห์อสนีหยกขาวตัวนั้นมีแต่รอยแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกรอยแล้วรอยเล่า เลือดสดๆ พรั่งพรูราวน้ำตก น่าสลดถึงที่สุด
ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็ต่างพบเจออันตราย ผู้ที่พลังค่อนข้างอ่อนแอบางคนถูกกำจัดทิ้งให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปก่อนแล้ว
“จะปล่อยเจ้าก็ได้ มอบจิตวิญญาณของเจ้าและมาเป็นสัตว์พาหนะให้ข้า ใช้สิ่งนี้แทนคำขอโทษของเจ้าเป็นอย่างไร” หลินสวินน้ำเสียงเรียบเฉย
“ฝันไปเถอะ!”
สิงห์อสนีหยกขาวเดือดดาล ถลึงตาจนเบ้าตาแทบฉีกออก เขาเป็นถึงอสูรพิทักษ์เขาแห่งอารามพรางมรกต มีอานุภาพระดับราชันกึ่งระดับ ตอนนี้กลับถูกเด็กรุ่นหลังคนหนึ่งมองว่าเป็นสัตว์พาหนะ นี่ย่อมเป็นความอัปยศที่ไม่อาจยอมรับได้
“เช่นนั้นเจ้าก็รอความตายไปเถอะ”
เสียงหลินสวินเย็นชา
เขาไม่ได้พูดออกมาจากใจจริงอยู่แล้ว คำพูดเมื่อครู่ก็เป็นการเหยียดหยามสิงห์ตัวนี้ พูดตามตรงถ้าอีกฝ่ายแปรพักตร์ ตกลงเป็นสัตว์พาหนะของเขา เขากลับไม่ยินดี
เป็นเพียงสิงห์เฒ่าระดับราชันกึ่งระดับตัวหนึ่งเท่านั้น แม้ไม่อาศัยค่ายกลนี้เขาก็ฆ่ามันให้ตายได้ ต่อให้เป็นสัตว์พาหนะอยู่ข้างกายเขา ก็ไม่มีพลังอะไรที่สามารถตักตวงได้อยู่ดี
คชสารมังกรหยกดำก็ตายตามมาติดๆ ถูกเงามายามังกรเขียวตบจนแบน ลักษณะที่ตายไม่น่าดูที่สุด
กระบวนผนึกมรรคราชันที่มีนามว่า ‘จตุลักษณ์ราชัน’ กระบวนนี้ ในตอนนี้สำแดงอนุภาพน่ากริ่งเกรงที่สามารถสะเทือนฟ้าดิน พาให้เทพภูตสะอื้นไห้!
……
ไกลออกไปจากภูเขาลูกนี้ เซี่ยอวี้ถังงงงวยราวกับต้องอสนีบาต ปากก็กำลังหวีดร้องเหมือนเสียสติว่า “เป็นไปได้อย่างไร นี่มันเป็นไปได้อย่างไร”
ยกพลกันมาพร้อมหน้า กลับถูกคนอื่นกำจัดเสียสิ้นซาก นี่กระทบกระเทือนจิตใจมากไปแล้ว ทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้
อีกด้านหนึ่งเบื้องหน้าสายตาของจั๋วขวงหลันก็มืดดำไปชั่วขณะหนึ่ง โกรธจนแทบกระอักเลือด แม้ทำเช่นนี้ก็ไม่อาจสังหารหลินสวินได้ กลับถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสวางกับดักจนแทบตายกันทั้งกองทัพ นี่ทำให้เขาแทบสิ้นสภาพ
คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรงที่สุดก็คือชิงเหลียนเอ๋อร์
นางเบิกตากว้างถลน โกรธจนสั่นระริกไปทั้งตัว หวีดร้องว่า “มัน… มันจะต่ำช้าไร้ยางอายเลวเกินไปแล้ว! ถึงกับเอาค่ายกลที่สืบทอดกันมาในเผ่าหงส์เขียวของข้ามาทำเรื่องพรรค์นี้ได้ ข้า… ข้า… อั่ก!”
พูดถึงตอนท้าย ด้วยโทสะจู่โจมหัวใจ ถึงกับกระอักเลือดออกมา ร่างที่เดิมทีอ่อนแอหาใดเทียบอยู่แล้วซวนเซแทบล้มลง บนใบหน้ายิ่งมีสีหม่นมัวเพิ่มขึ้นมา
พวกเขามาเพื่อมองดูกับตาว่าหลินสวินถูกฆ่า จึงไม่ได้เข้าร่วมเคลื่อนไหว แต่เมื่อเห็นภาพนี้จากที่ไกลออกไป กลับทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาได้รับความกระทบกระเทือนอันยากจะรับไหว
“ทุกท่าน ข้ามาส่งพวกเจ้าไปตาย”
ก็ในตอนนี้เอง เงาร่างอ้อนแอ้นของไป๋หลิงซีก็ปรากฏขึ้นในที่นั้น อาภรณ์สีขาวยิ่งกว่าหิมะงดงามผุดผ่อง ในมือถือกระบี่มรรคเจิดจรัสราวน้ำค้างแข็งสีเงินเล่มหนึ่ง
ฉับพลันทันใด พวกเซี่ยอวี้ถังก็ได้สติขึ้นมาจากไฟโทสะและความเคืองแค้น
“ไป๋หลิงซี พวกเราต่างมาจากจักรวรรดิ ตระกูลไป๋ของพวกเจ้ากับตระกูลเซี่ยของพวกข้ายังมีความสัมพันธ์กันไม่น้อย เจ้าจะช่วยคนเลวสร้างกรรมชั่วหรือ” เซี่ยอวี้ถังขุ่นเคือง
“ไม่ใช่ช่วยคนเลวสร้างกรรมชั่ว ข้ากำลังช่วยตระกูลเซี่ยของพวกเจ้ากำจัดภัยพิบัติ จะได้ไม่ชักนำเภทภัยครั้งใหญ่มาให้ตระกูลเซี่ยของพวกเจ้าในภายภาคหน้า”
ยามไป๋หลิงซีเอื้อนเอ่ย เงาร่างก็ไหววูบ ลงมือโดยตรงแล้ว
“ถ้าเป็นหลินสวินมาล่ะก็ ข้าอาจจะยังกลัวเกรงอยู่บ้าง แต่คนอย่างเจ้าก็คุยโตเช่นนี้ได้ด้วยหรือ” จั๋วขวงหลันที่อยู่อีกด้านหนึ่งพูดออกมาอย่างเยียบเย็น เงาร่างพุ่งกระโจนออกไปต่อกรกับไป๋หลิงซีร่วมกับเซี่ยอวี้ถัง
“รีบฆ่านาง หาไม่แล้วรอเมื่อหลินสวินตามมาทัน คิดจะหนีก็สายไปแล้ว!”
ชิงเหลียนเอ๋อร์ร้อนรน
เพียงแต่นางเพิ่งพูดจบ เหนือเวิ้งฟ้าก็มีดาบหักขาวเปล่งปลั่งราวหิมะคล้ายเป็นเงามายาตกลงมา ฟาดฟันด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ฟุ่บ!
ชิงเหลียนเอ๋อร์ที่เดิมอ่อนแอหาใดเทียบไม่ทันได้หลบหนี ศีรษะก็ถูกฟันขาด เลือดสาดกระเซ็นทันใด
และเมื่อเห็นภาพนี้ เซี่ยอวี้ถังกับจั๋วขวงหลันที่กำลังต่อกรกับไป๋หลิงซีก็หน้าถอดสีทันที ตื่นตระหนกจนแทบคุมสติไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์