Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 929

ตอนที่ 929 ข่าวลือเรื่องแหล่งกำเนิดแห่งเหล่าอริยะ
ดาบหักออกจู่โจม ไอพิฆาตพุ่งทะลุเมฆา

นี่ย่อมเป็นฝีมือของหลินสวิน ด้วยพลังจิตวิญญาณของเขาในตอนนี้ ก็สามารถทำหลายอย่างพร้อมกันได้นานแล้ว ทั้งดาบหักยังเป็นศาสตราจิต สามารถใช้พลังจิตวิญญาณควบคุมได้ การสังหารศัตรูที่อยู่คนละที่ก็เป็นเรื่องที่ทำได้คล่องมืออย่างสมบูรณ์

สำหรับหลินสวินแล้ว ที่เขาแค้นที่สุดก็คือพวกเซี่ยอวี้ถัง ชิงเหลียนเอ๋อร์ จั๋วขวงหลันเหล่านี้ พวกเขาต่างฝ่ายต่างผูกแค้นกันอย่างลึกซึ้งอยู่ก่อนแล้ว หากไม่ถือโอกาสนี้สังหารพวกเขาให้หมด ภายภาคหน้าก็ไม่รู้ว่าจะก่อความยุ่งยากให้ตนอีกเพียงไหน

ฉึบ!

ไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ผ่านไปเพียงครู่เดียว จั๋วขวงหลันผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินก็ถูกฟันตายคาที่

ส่วนเซี่ยอวี้ถัง หลินสวินคิดไปคิดมา ท้ายที่สุดก็ยังไม่ฆ่าเขา

เซี่ยอวี้ถังที่เดิมทีสิ้นหวังไปแล้วงงงัน ตาเบิกกว้าง ทำใจเชื่อได้ยากว่าในตอนนี้หลินสวินกลับปล่อยเขาไป

จากนั้นเสียงเยียบเย็นเฉยชาของหลินสวินก็ดังขึ้นในโสตประสาทของเขา ‘อย่าลืมคำที่ข้าเคยพูดไว้ตอนอยู่ในเทศกาลโคมกถามรรค’

“เจ้า…”

เซี่ยอวี้ถังบันดาลโทสะในชั่วพริบตา สีหน้าคล้ำเขียวและซีดขาวปนเปกันไป

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า สาเหตุที่หลินสวินไม่ฆ่าเขา ไม่ใช่เพราะเกิดมีมโนธรรม แต่เพราะมีเป้าหมายอีกอย่าง!

‘ข้าจะให้เจ้าเห็นกับตาว่าข้าผงาดในดินแดนรกร้างโบราณอย่างไร ชิงชัยเหนือมหามรรคทีละก้าวอย่างไร และเจ้า จะต้องเป็นแค่หนอนน่าสงสารตัวหนึ่งที่ได้แต่อยู่ใต้เงาข้าชั่วชีวิต!’

วาจาเช่นนี้เซี่ยอวี้ถังจะลืมได้อย่างไร

สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามที่ใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

พริบตาเดียว ดวงตาของเซี่ยอวี้ถังก็เต็มไปด้วยความแค้นและความกลัว ตัวเขาแข็งทื่อ โกรธจนสมองว่างเปล่า เหม่อลอยอยู่เช่นนั้น

ไป๋หลิงซีอึ้งไป คล้ายจนใจอยู่บ้าง ส่ายหัวไปมาแล้วรำพึงกับตัวเองว่า ‘ตระกูลเซี่ยก็ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพล เซี่ยอวี้ถังในตอนนั้นหยิ่งทระนงปานไหน ใครจะไปคิดว่าหลังจากมาถึงดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ เขาก็ไม่เหมือนตัวเขาในตอนแรกอีกแล้ว…’

นางนึกพลางหันกายจากไป ไม่มองเซี่ยอวี้ถังอีกแม้แต่ครั้งเดียว

……

หืม?

หลินสวินดวงตาหดรัด พลันถอนหายใจ

แทบจะในเวลาเดียวกัน กระบวนผนึกมรรคราชันที่ปกคลุมภูเขาทั้งลูกอยู่เกิดเสียงวิ้งวู้ม อานุภาพที่แผ่กระจายออกมาลดลงอย่างชัดเจน แสงสว่างเรืองรองหม่นลง รอยสลักวิญญาณมลายหายไป

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ค่ายกลใหญ่ก็จางหายไปราวควันเมฆ

สาเหตุก็ง่ายดายนัก พลังสายแร่แกนวิญญาณที่เก็บกักอยู่ใต้ภูเขาลูกนี้ถูกดึงมาใช้จนหมด แปรสภาพเป็นของเสียไปแล้ว ไม่อาจจ่ายพลังให้กระบวนผนึกมรรคราชันได้อีก

ค่ายกลใหญ่จางหายไป เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาลูกนี้ กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นกระจายออกมา เตะจมูกถึงที่สุด

ทุกที่ในภูเขาลูกนั้นมีซากศพแหลกเละ กองเลือดสีแดงสด สมบัติที่แตกหัก… เรียกได้ว่าคาวเลือดและวุ่นวายไปทั่ว

ตัวภูเขาล้วนปรากฏสีแดงเลือดน่าหวั่นหวาด

นี่ก็คือผลลัพธ์หลังจากกระบวนผนึกมรรคราชันสำแดงเดช ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งในนั้นกลายเป็นเถ้าธุลี ไม่เหลือร่องรอยแม้สักนิดบนโลกนี้

ขณะนี้ลมภูเขาหวีดหวิว เหลือเพียงผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนที่กระจัดกระจายกันยังมีชีวิตอยู่ พวกเขายืนอยู่ในบริเวณต่างๆ บนกายเปื้อนเลือดไม่มากก็น้อย ลมหายใจติดขัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงไม่ว่างเว้น

โชคดีพ้นเคราะห์มาได้ครั้งหนึ่ง ทำให้พวกเขาออกจะทำใจเชื่อได้ยาก ยังนึกว่าฝันไป ครู่หนึ่งถึงมั่นใจว่านี่เป็นความจริง!

“หลินสวิน!”

ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาก็พากันกวาดมองไปยังบริเวณไหล่เขา หลินสวินกำลังยืนอยู่ใต้ต้นสนโบราณเก่าแก่ต้นหนึ่ง เรือนร่างสูงโปร่ง สุขุมเยือกเย็นและเฉยชา

ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ สายตาที่ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้มองไปที่หลินสวินมีทั้งแค้นใจ ชิงชัง ขุ่นเคือง แต่กลับมีความหวาดกลัวที่มาจากภายในจิตใจมากยิ่งกว่า

เมื่อกี้ก็เป็นเด็กหนุ่มที่รูปลักษณ์ภายนอกดูไม่เป็นพิษภัยต่อทั้งมนุษย์และเหล่าสัตว์ผู้นี้ ที่บรรจงวางกระบวนผนึกมรรคราชันกระบวนหนึ่ง ลวงสังหารราชันกึ่งระดับไปหลายสิบคน!

นี่น่าตื่นตระหนกและน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว สามารถทำให้ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดก็สั่นระริกและครั่นคร้าม ถ้ากระจายออกไปจะต้องก่อให้เกิดแรงสะเทือนไปทั้งแดนฐิติประจิม เกรงว่าสำนักโบราณมากมายต่างนั่งไม่ติดที่แน่

เพียงแต่ เหตุใดในท้ายที่สุดนี้หลินสวินถึงปล่อยพวกเขา

นี่เขาอยากจะทำอะไรกันแน่

ความสงสัยอย่างแล้วอย่างเล่าผุดขึ้นในใจผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ เมื่อกี้เสียเปรียบมากมายปานนั้น เพิ่งหนีพ้นความตายมาได้ ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงและระแวดระวัง ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือล้างแค้นอีก ด้วยกังวลว่าจะถูกหลอกอีกครั้ง

ที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาก็คือ หลินสวินไม่พูดอะไรเลย ขนาดการแสดงออกสักนิดยังไม่มี พอหันกายก็จากไปพร้อมกับไป๋หลิงซี

พรึบ!

ยานขนส่งอวกาศไหววูบแผ่วเบาแล้วตัดผ่านท้องนภาไกลลิบ หายลับไป

“นี่…”

“เขาจะจากไปเช่นนี้หรือ”

“ยังมีชีวิตอยู่ได้…”

ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นตกตะลึง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง

แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เข้าใจแล้ว!

ฟึ่บๆๆ!

ในห้วงอากาศไกลลิบพลันมีเสียงทะลุอากาศแสบแก้วหูหาใดเทียบดังขึ้น แสงเคลื่อนไหวแสงแล้วแสงเล่าเคลื่อนผ่านนภากาศราวรุ้งเทพ เจิดจรัสเรืองรอง กำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

นั่นคือผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่ง มีหลายสิบคน ท่าทางฮึกเหิม ไอสังหารพลุ่งพล่าน

เมื่อได้เห็นภาพนี้ ผู้ฝึกปราณที่เหลืออยู่เหล่านั้นจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเทพมารหลินไม่ได้ใจดีอ่อนข้อ แต่สังเกตได้ล่วงหน้าว่าจะมีศัตรูแข็งแกร่งกลุ่มใหญ่เข้ามาใกล้อีก!

“เทพมารหลินนั่นก็ต้องอยู่ใกล้ๆ นี่ล่ะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์