มาคิดดูก็ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะตำหนักอมตะ อวี่หลิงคงย่อมไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวิน ไม่ต้องกังวลอะไรจริงๆ
ทันใดนั้นจู่ๆ ไป๋หลิงซีก็รับรู้ได้ว่า นางนึกว่าหลินสวินยังเป็นหลินสวินในตอนนั้นอยู่เสมอ แต่กลับเพิกเฉยเรื่องหนึ่งไป
ในหมู่คนรุ่นเยาว์ในแดนฐิติประจิมแห่งนี้ หลินสวินได้หล่อหลอมกิตติศัพท์ไร้เทียมทานของตนเองผ่านการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่ามานานแล้ว ผู้ที่สามารถประมือกับเขาแทบจะมีเพียงไม่กี่คน!
……
หลายชั่วยามผ่านไป
เมื่อมาถึงเมืองหนึ่งในแคว้นต้าฉิน ไป๋หลิงซีก็จากไปแล้ว
นางต้องไปเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ด้วยมีคนใหญ่คนโตที่แดนพิสุทธิ์อมตะผู้หนึ่งรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นไป๋หลิงซี หรือผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะที่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคคนอื่นๆ ล้วนต้องไปรวมตัวที่นั่น จากนั้นจึงค่อยออกเดินทางกลับสำนัก
หาไม่แล้ว อาศัยพลังของพวกเขาเองย่อมไม่อาจข้ามแดนกลับไปยังแดนกาฬทักษิณได้
นี่ก็ทำให้หลินสวินรับรู้ได้ทันทีว่า ถ้าตนต้องการออกจากแดนฐิติประจิมไปยังแดนชัยบูรพา ก็ต้องคลี่คลายปัญหาข้อหนึ่งที่ว่า จะข้ามแดนอย่างไร
ก่อนหน้านี้หลินสวินยังเคยหวังให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวช่วยตนแก้ปัญหานี้ แต่เพราะความขัดแย้งครั้งหนึ่ง ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ไป
หลินสวินครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงตัดสินใจ รอส่งโครงกระดูกของเยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับไปยังบ้านเกิดแล้ว ก็จะเริ่มสะสางปัญหานี้ทันที
……
เจ็ดวันผ่านไป
แคว้นวิญญาณอัคนี นครเตโช
หลินสวินเดินเข้าไปในนครอันเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ ยามเขามาถึงดินแดนรกร้างโบราณครั้งแรกเมื่อครึ่งปีก่อน เมืองแรกที่เข้ามาเยือนก็คือเมืองนี้
ได้เดินทางกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง หลินสวินก็นึกถึงซย่าเสี่ยวฉง เด็กสาวใสซื่อเลอะเลือนผู้นั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนึกถึงบุคคลลี้ลับผู้หนึ่งที่จำศีลอยู่ที่ยอดเขาดาราโรยในภูเขาโคม่วง… เซ่าเฮ่า
เซ่าเฮ่ามาจากเผ่าราชันเร้นดารา เป็นนายน้อยแห่งเผ่านี้ สถานที่ที่เขาจำศีลอยู่ลี้ลับหาใดเทียบ มี ‘ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์หมู่ดารา’ ปกป้อง มี ‘ไข่แห่งกลุ่มดาว’ เป็นที่พำนัก
ตอนนั้นหลินสวินก็มีสังหรณ์แรงกล้าอย่างหนึ่งว่า เมื่อเซ่าเฮ่าปรากฏตัวบนโลกหลังจากการจำศีลนิ่งเงียบ คลื่นลมจะต้องซัดสาดในโลกา เจิดจรัสเรืองรอง!
เพราะเขาไม่ธรรมดาเกินไป มีทั้งความมุ่งมั่น จิตใจ และความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ ที่มาของเขาลึกลับ ไม่รู้ว่าเขานิ่งเงียบมานานแค่ไหนแล้ว รอเมื่อมหาสงครามมาเยือนก็จะถือกำเนิดมาสู่โลก
ตอนนั้นเซ่าเฮ่ายังเคยออกตัวมอบเคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอนให้แก่หลินสวิน นี่เป็นวิชาลับในการเลี้ยงหนอนกินเทพโดยเฉพาะวิชาหนึ่ง เรียกได้ว่าคลี่คลายเรื่องเร่งด่วนของหลินสวินไปได้
‘เซ่าเฮ่า… ไหนจะนายน้อยลึกลับที่ได้รับการปกป้องจากวานรเฒ่าชุดเขียวผู้นั้นที่เกาะอริยะปัญจธาตุ น่าจะเป็นคนจำพวกเดียวกัน เมื่อมหาสงครามมาเยือน พวกเขาจะต้องผงาดขึ้นมาแน่’
ยามหลินสวินครุ่นคิด ก็มาถึงหน้าต้นข่าวสารที่อยู่กลางเมืองแล้วโดยไม่รู้ตัว
ที่นี่ยังอึกทึกครึกโครมดังเดิม ล้อมรอบไปด้วยเงาร่างผู้ฝึกปราณมากมาย
“จะว่าไปเทพมารหลินผู้นี้ก็เริ่มผงาดขึ้นจากนครเตโชของพวกเรานี่ เขาในตอนนั้นยังเพิ่งสำแดงความสามารถ ใครจะคาดคิดได้ว่าตอนนี้เขาเลื่องชื่อไปทั้งแดนฐิติประจิมแล้ว ประหนึ่งราชันในหมู่คนรุ่นเยาว์ ไม่มีศัตรูเทียบเทียม”
“นี่ก็เรียกว่าผู้คนในตอนนั้นไม่รู้ว่าต้นไม้นี้จะสูงใหญ่เทียมเมฆได้ กระทั่งมันสูงเทียมเมฆจริงๆ ถึงได้ยอมรับกันว่าสูง ที่น่าเสียดายก็คือ หนทางแห่งความรุ่งเรืองของเทพมารหลินนองเลือดเกินไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าล่วงเกินสำนักโบราณไปกี่สำนัก ทางข้างหน้าของเขาย่อมพ่วงไปด้วยอันตรายและเคราะห์สังหาร!”
“หึ นี่เรียกว่าไร้เหตุผลสิ้นดี ไม่ใช่เพราะเทพมารหลินมาจากโลกชั้นล่างไร้ที่พึ่งพิงหรอกหรือ ยอมให้สำนักโบราณเหล่านั้นรังแกผู้อื่นเท่านั้น แต่ไม่ยอมให้เทพมารหลินโต้กลับหรือ นี่ช่างไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!”
ข่าวบนต้นข่าวสารมากมายนัก เกินกว่าครึ่งของข่าวเหล่านั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลโคมกถามรรค และข่าวที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลโคมกถามรรค ก็ต้องหนีไม่พ้นหลินสวิน
ดังนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเขาจึงย่อมกลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมที่สุดเป็นธรรมดา
หลินสวินใช้เคล็ดวิชามหาไร้รูปเปลี่ยนแปลงหน้าตาและกลิ่นอายประจำตัวไว้ก่อนแล้ว หาไม่จะต้องถูกจำได้ในทันที
สายตาของหลินสวินกวาดไปมาบนต้นข่าวสารอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงหันกายจากไป
เขารู้ดีว่ายิ่งตนชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น สำนักโบราณเหล่านั้นย่อมไม่รามือโดยง่าย
สำหรับเขาแล้ว แดนฐิติประจิมแห่งนี้เหมือนกลายเป็นวังน้ำวนที่มีคลื่นประหลาดแปรปรวน อันตรายรายล้อมลูกหนึ่ง ไม่ควรอยู่นาน
เรื่องที่จะออกจากที่นี่ กลายเป็นเรื่องที่ต้องจัดการโดยเร็วที่สุดแล้ว
“ช่วยข้าติดต่อไป่เฟิงหลิวที บอกว่าถ้าต้องการศุภโชค อีกสามวันให้มาเจอกันที่นครเตโช”
ไม่นานนักหลินสวินก็พบผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยผู้หนึ่ง หลังจากบอกความต้องการของตัวเองแล้ว ก็มอบแกนวิญญาณขั้นกลางหนึ่งร้อยก้อนแก่อีกฝ่าย จากนั้นก็ลอยละล่องจากไป
……
แคว้นวิญญาณอัคนี เมืองพันทะเลสาบ
ที่นี่คือเมืองเล็กอันไกลลิบเมืองหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่โต เทียบกับนครเตโชแล้วก็เหมือนชนบทห่างไกลความเจริญ
ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลทรงอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองพันทะเลสาบ แต่บุคคลระดับผู้ก่อตั้งที่มีพลังปราณสูงสุดในตระกูล ยังมีพลังปราณแค่ระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น
หนึ่งวันผ่านไป เงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้นที่เมืองพันทะเลสาบ
“เยวี่ยเจี้ยนหมิงหรือ ข้ารู้จักแน่นอน เขาเป็นถึงความภาคภูมิใจของพวกเราเมืองพันทะเลสาบเชียวนะ ในหมู่คนรุ่นเยาว์ก็เขานี่ล่ะที่โดดเด่นที่สุด ได้ยินว่าชื่อเสียงของเขาในตอนนี้ขจรทั่วแคว้นวิญญาณอัคนีไปนานแล้ว”
ระหว่างทาง หลินสวินหาผู้ฝึกปราณคนหนึ่งมาสอบถาม ฝ่ายหลังท่าทางภูมิใจ ปากก็มีแต่ความเคารพเยวี่ยเจี้ยนหมิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์