หลังจากเล่าความเป็นมาเป็นไปของเรื่องจบ ข้ารับใช้ชราก็คุกเข่าลงพื้น “คุณชายโปรดออกหน้า ช่วยคุณชายรองตระกูลข้าด้วย”
หลินสวินรีบพยุงเขาขึ้นมาพร้อมพูด “ผู้เฒ่า ท่านโปรดวางใจ เจี้ยนหมิงเป็นเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับข้า น้องชายของเขาก็คือน้องชายของข้า!”
ในขณะที่พูด ความเยียบเย็นสายหนึ่งแวบผ่านดวงตาดำของเขา
ระหว่างทางที่มาเยือนเมืองพันทะเลสาบ หลินสวินก็ได้รู้แล้วว่าตระกูลเจิ้งนั่นเป็นตระกูลอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองพันทะเลสาบ ราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับอยู่บนเมืองพันทะเลสาบ ไม่มีใครสามารถทำให้สั่นคลอนได้
เพียงแต่ในสายตาหลินสวิน ตระกูลเจิ้งไม่มีพลังคุกคามเลยสักนิด
ผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเจิ้งก็เพียงแค่ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติ สำหรับคนในเมือง อาจจะเป็นบุคคลที่สุดยอดมากแล้ว
แต่เสียดาย ในสายตาของหลินสวินตอนนี้ บุคคลเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่อ่อนแอแตกหักง่าย
นี่ไม่ใช่การอวดอ้างตัวเองมากเกินไป แต่เป็นความเย่อหยิ่งผงาดผยองที่บ่มเพาะจากการต่อสู้มานานปี
ต้องรู้ว่าตั้งแต่เข้ามาในดินแดนรกร้างโบราณจนถึงตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติที่ตายในมือหลินสวินมีนับไม่ถ้วน และส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้กล้าชั้นยอดที่ชื่อเสียงโด่งดังในแดนฐิติประจิม
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่ว่าของตระกูลเจิ้งนั่น ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถือรองเท้าให้ผู้กล้าเหล่านี้ด้วยซ้ำ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ราชันกึ่งระดับที่ตายในมือหลินสวินก็ไม่น้อยเช่นกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากหลินสวินมีความกังวล นั่นต่างหากที่เรียกว่าน่าขัน
“ผู้เฒ่าโปรดนำทาง”
“คุณชายคุณธรรมสูงส่ง แม้ข้าเป็นเพียงคนชราที่แก่หงำเหงือก แต่ก็ยินดีติดตามคุณชาย ไม่บอกปัดอย่างแน่นอน!”
……
ตระกูลเจิ้ง
ห้องโถงใหญ่ที่โอ่อ่าตระการตา บรรยากาศดูประณีตอย่างมาก
เจิ้งเฉียนหลงผู้นำตระกูลเจิ้งนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งประธาน สีหน้าดูเรียบเฉย ดวงตาทั้งคู่หลุบต่ำ มองลงมายังเด็กหนุ่มคนหนึ่งตรงกลางโถง ในแววตาไร้ซึ่งอารมณ์ใด
ชายหนุ่มสวมใส่สะอาดสะอ้านเรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามอย่างมาก เพียงแต่ตอนนี้กลับนั่งอยู่บนพื้นอย่างน่าอดสู ในปากพึมพำประโยคหนึ่งซ้ำไปซ้ำมา “ข้าหิว… ข้าหิว…”
นี่ก็คือเยวี่ยเจี้ยนเฟย
สองฝั่งของห้องโถงใหญ่ มีบุคคลชั้นแนวหน้ามากมายของตระกูลเจิ้งนั่งอยู่ มีทั้งหญิงและชาย ทั้งเด็กและชรา ยามนี้ต่างไม่เก็บความเหยียดหยาม รังเกียจและดูถูกของตนเลยสักนิด
เพราะพวกเขารู้ว่า เจ้าคนที่แต่งตัวอย่างเหมาะเจาะสวยงาม ท่าทางมากความสามารถคนนี้ ความจริงเป็นคนโง่แต่กำเนิด
แค่คนโง่เท่านั้น จะแยกแยะดีชั่วได้อย่างไร
เหมือนอย่างตอนนี้ที่เขานั่งอยู่บนพื้นตรงกลางห้องโถง ถูกสายตาของทุกคนมองเหยียดหยันลงมา กลับไม่รู้สึกอับอายเลยสักนิด เอาแต่พึมพำว่าหิว โง่เขลาอย่างที่สุด
“หลานชาย อยากอิ่มท้องก็ย่อมได้ แต่เอาสัญญาหมั้นหมายของเจ้าออกมาก่อนและยกเลิกงานแต่งอย่างไม่มีข้อแม้ ข้าจะตกรางวัลเป็นข้าวให้เจ้าสักถ้วย”
เจิ้งเฉียนหลงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทางเหยียดหยามใดๆ บุคคลระดับเขา หากถือสาคนโง่คนหนึ่ง นั่นต่างหากที่เรียกว่าเสียฐานะ
“ลุงเจิ้ง ยกเลิกงานแต่งคืออะไร กินได้ไหม” เยวี่ยเจี้ยนเฟยใบหน้างุนงงเต็มประดา
เจิ้งเฉียนหลงสีหน้าอึมครึม ในใจเริ่มหมดความอดทน เอ่ยว่า “เอาอย่างนี้ เจ้าส่งสัญญาหมั้นหมายมาก็พอ”
“อะไรคือสัญญาหมั้นหมาย สิ่งนี้คงกินได้ใช่ไหม” เยวี่ยเจี้ยนเฟยถามต่อ ฟังความเหลืออดในคำพูดของเจิ้งเฉียนหลงไม่ออกสักนิด ดูจริงจังและประหลาดใจอย่างมาก
ทุกคนต่างพูดไม่ออก ช่างเป็นคนที่โง่เขลาเหลือเกิน!
“พี่ใหญ่ พูดจาไร้สาระกับคนโง่คนหนึ่งมากมายขนาดนี้ทำไม ฆ่าไปเสียก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือ” บุคคลชั้นแนวหน้าคนหนึ่งของตระกูลเจิ้งหงุดหงิดมาก
“ฆ่าคนโง่คนหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ถึงอย่างไรคนโง่คนนี้ก็เป็นน้องชายของเยวี่ยเจี้ยนหมิง ระวังผลกระทบที่จะตามมาสักหน่อยจะดีกว่า” เจิ้งเฉียนหลงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“เยวี่ยเจี้ยนหมิงหรือ”
หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งหลุดขำออกมา คำพูดเย็นชา “ผู้กล้าที่ชื่อเสียงเลื่องลือในแคว้นวิญญาณอัคนีคนนี้ช่างเย่อหยิ่งทะนงตัว เอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อเทพมารหลินที่สังหารจนบ้าคลั่งชื่อเสียงฉาวโฉ่ ตายอย่างห้าวหาญจริงๆ”
“เยวี่ยเจี้ยนหมิงนี่ตายได้จังหวะมาก หากเขายังมีชีวิตอยู่ มีใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเราเข้าจะขนาดไหน”
ชายชราผมขาวคนหนึ่งลูบเคลาพูด “เขาเป็นถึงสหายของเทพมารหลิน และเทพมารหลินก็ถูกสำนักโบราณมากมายของแดนฐิติประจิมหมายตาไว้ ทุกคนล้วนสามารถฆ่าเขาให้ตายได้ เป็นตัวหายนะตัวใหญ่คนหนึ่ง ใครยุ่งเกี่ยวก็พลอยต้องซวยไปด้วย หากเยวี่ยเจี้ยนหมิงยังไม่ตาย ต่อไปตระกูลเจิ้งของเราคงต้องเดือดร้อนไปด้วย!”
หญิงวัยกลางคนหัวเราะเหอะๆ “ไม่ผิด ข้าได้ยินว่าสำนักยุทธ์พันเวทเริ่มลนแล้ว ไม่กล้าแก้แค้นแทนเยวี่ยเจี้ยนหมิง กลับตัดความสัมพันธ์กับเยวี่ยเจี้ยนหมิง ประกาศต่อโลกว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิงหาเรื่องใส่ตัว สมควรได้รับบทลงโทษ ไม่เกี่ยวกับสำนักยุทธ์พันเวทของพวกเขา”
“แม้แต่สำนักยุทธ์พันเวทยังทอดทิ้งเยวี่ยเจี้ยนหมิง ตระกูลเจิ้งของเราจะเดือดร้อนเพราะเจ้าหมอนั่นไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นวันนี้จะต้องกำจัดคนโง่คนนี้ซะ!”
ในห้องโถงแต่ละคนพูดขึ้นมาคนละประโยคสองประโยค พูดเองเออเองไม่มีปกปิด ไม่กลัวเยวี่ยเจี้ยนเฟยได้ยินเลยสักนิด
“ข้าหิว… ข้าหิวจริงๆ… ข้าอยากกลับบ้าน…” เยวี่ยเจี้ยนเฟยเอาแต่พึมพำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอดสู
“มา เจี้ยนเฟย กินข้าวก่อน” หญิงสาวกิริยาอ่อนหวานแช่มช้อย รูปลักษณ์งดงามคนหนึ่งเดินเข้ามาในโถงพร้อมอาหารร้อนๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์