บนเรือกลุ่มผู้ฝึกปราณที่กลิ่นอายเข่นฆ่าพลุ่งพล่านสีหน้าเรียบเฉย ต่างทอดสายตามองมา
ผู้เป็นหัวหน้าคือราชันกึ่งระดับถึงหกคน ล้วนอยู่ในชุดคลุมสีดำ แม้จะยืนอยู่เงียบๆ อานุภาพที่แผ่กระจายออกจากทั่วร่างกายกลับยิ่งใหญ่คับฟ้า สะท้านขวัญยิ่ง
พวกของโค่วซิง หน้าเขียวและจงอางแดงสีหน้าจริงจัง ในใจกระวนกระวาย
สำหรับอันตรายในแม่น้ำพรมแดน พวกเขาอาจจะสามารถคลี่คลายได้ด้วยประสบการณ์อันหลากหลายของตน แต่กับกองทัพที่แข็งแกร่งนี้ กลับทำให้พวกเขาหมดหนทาง รู้สึกสิ้นหวัง
ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากศักยภาพต่างกันมากเกินไป!
กองกำลังนี้เพิ่งพุ่งเข้ามาก็ขวางทางพวกเขาเอาไว้ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าจะต้องมาเพราะแม่นางเยวี่ยอย่างแน่นอน
“ตัวยุ่งยากมาแล้ว”
แม่นางเยวี่ยนับว่าสงบนิ่งมาก ถอนหายใจเหมือนจนปัญญาเบาๆ คราหนึ่ง
นางหันสายตาไปมองหลินสวินที่อยู่ข้างๆ “ดูสิ นั่นลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรอ้าวไหล ตาเฒ่าหกคนนั้นเป็นราชครูผู้คุมอำนาจของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แต่ละคนเข่นฆ่าอย่างไร้ปรานี เคยสังหารมาแล้วกว่าหมื่นชีวิต เรียกว่าเป็นเพชฌฆาตแห่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เกินไป”
หลินสวินขานรับว่าอืม เขากำลังพินิจอีกฝ่าย
ราชันกึ่งระดับหกคน มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติสิบแปดคน พลังระดับนี้เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่มากจริงๆ เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าระดับราชันรู้สึกสิ้นหวัง
แต่ไม่รวมหลินสวิน
เขาเพียงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย บนตัวของลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นราชันกึ่งระดับหรือระดับกระบวนแปรจุติ ล้วนแฝงกลิ่นอายมืดมนและน่าสะพรึงกลัวอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก
“แม่นางเยวี่ย พวกเราพบกันอีกแล้ว เพียงแค่เจ้าส่ง ‘หินแหล่งกำเนิดมรรคเพลิงศักดิ์สิทธิ์’ มา บางทีเราอาจจะเมตตา ให้เจ้าตายโดยไม่ต้องทรมาน”
บนเรือสีเลือดที่อยู่ห่างไป ชายชราใบหน้าแดงฝาด สีหน้าอึมครึมเย็นเยียบพูดเสียงเรียบ “เจ้าอย่าคิดว่าจะโชคดีอีก ครั้งนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น”
หินแหล่งกำเนิดมรรคเพลิงศักดิ์สิทธิ์!
หลินสวินอึ้ง จากนั้นเสียงของแม่นางเยวี่ยก็ดังขึ้นข้างหู “นี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ภายในรวบรวม ‘แรงปรารถนา’ ที่พวกเขาดูดมาจากสิ่งมีชีวิตวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีส่วนช่วยสำคัญต่อการหลอมบูชายอดศาสตรามรรคมารบางประเภทของพวกเขา”
ในเวลาเดียวกัน แม่นางเยวี่ยยิ้มมองไปทางเรือสีเลือดที่อยู่ห่างไปพร้อมกับพูดว่า “หินแหล่งกำเนิดมรรคเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นทำลายฟ้า ขัดต่อศีลธรรม อันตรายต่อสรรพชีวิต เป็นบ่อเกิดความชั่วร้าย ไม่ควรมีบนโลก ข้ากำลังธำรงคุณธรรม พวกเจ้ากลับจะฆ่าข้า นี่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด”
“อย่าคิดเถียง!” ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งตะเบ็งเสียง เสียงราวกับฟ้าร้องก้องไปทั่วฟ้าดิน
“หยุดพูดไร้สาระ ผู้หญิงคนนี้ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด ฆ่าเสียก็สิ้นเรื่อง ยังมีพรรคพวกของนาง ในเมื่อร่วมมือกันทำชั่ว ก็ฆ่าทิ้งซะ!” ราชันกึ่งระดับคนอื่นพูดเสียงเย็น
“ก็ดี” ชายชราที่เป็นผู้นำพยักหน้า สีหน้าเย็นชา
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เคยสนใจใครนอกจากแม่นางเยวี่ย
เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือพวกโค่วซิงต่างถูกพวกเขามองข้าม ไม่เห็นอยู่ในสายตา
ท่าทีเย่อหยิ่งและเย็นชานี้ทำให้พวกโค่วซิงขุ่นเคืองและรู้สึกหดหู่อย่างที่สุด แม้แต่พวกเขาเองยังต้องยอมรับว่า อีกฝ่ายมีต้นทุนพอที่จะมองข้ามพวกเขา
หลินสวินเองก็ขมวดคิ้ว ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์นี่หยิ่งผยองจริงๆ พอมาสองสามคำก็คิดจะฆ่าพวกเขาให้หมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนทำเรื่องจำพวกเอาชีวิตคนมามากเกินไป
โครม!
แต่ไม่ว่าหลินสวินจะคิดอย่างไร อีกฝ่ายก็ลงมือแล้ว ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำที่มีพลังปราณระดับกึ่งราชันเคลื่อนไหวผ่านห้วงอากาศเข้ามา เมื่อยื่นมือออกมา มือใหญ่สีดำสายหนึ่งสยบสังหารลงมา ปกคลุมฟ้าดิน เสียงธรรมกู่ก้อง เข้าครอบคลุมยานสำเภาที่พวกหลินสวินอยู่
เขาดูเรียบเฉยและเย็นชามาก ท่าทางสูงศักดิ์ราวกับผู้ครองอำนาจที่ควบคุมความเป็นความตาย
พวกของโค่วซิงแทบพังทลายแล้ว แม้พวกเขาอยากหนีและดิ้นรน แต่เมื่อเจอกับแรงกดดันของราชันกึ่งระดับคนหนึ่ง กลับทำให้พวกเขาไม่สามารถมีความคิดต้านทานใดๆ ได้จริงๆ
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ไม่ใช่คนในระดับเดียวกันเลยสักนิด ราวกับมดตะนอยกำลังเผชิญกับการจู่โจมของมังกรบนฟ้า
แม้แต่แม่นางเยวี่ยยามนี้ก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ นางเองก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะเคลื่อนกำลังราชันกึ่งระดับถึงหกคน!
ต่อให้นางจะคาดหวังในตัวหลินสวิน แต่ตอนนี้ความมั่นใจก็อดสั่นคลอนไม่ได้ หว่างคิ้วเผยความกังวลที่ยากจะสังเกตเห็น
ตอนแรกหลินสวินยังใคร่ครวญว่า จะใช้วิธีที่ละมุนละม่อมคลี่คลายการขวางกั้นเส้นทางที่มาอย่างกะทันหันนี้
ถึงอย่างไรเขากับลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีความแค้นต่อกัน เพียงแค่ช่วยแม่นางเยวี่ยเท่านั้น ไม่ถึงขั้นต้องล้ำเส้นเกินไป
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว!
ตั้งแต่อีกฝ่ายปรากฏตัวก็มองข้ามพวกเขา ทำเหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับจะลงมือฆ่าพวกเขาให้หมด ท่าทีที่เย็นชาเมินเฉย ชี้ต้นตายชี้ปลายเป็นเช่นนั้น จะให้หลินสวินทนได้อย่างไร
ไม่มีความแค้นต่อกันยังลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายเผด็จการแค่ไหน!
พูดแล้วเหมือนช้า แต่ความจริงว่องไวนัก ชั่วขณะที่อีกฝ่ายโจมตี หลินสวินก็ลงมือแล้วเช่นกัน เท้าก้าวย่างชือน้ำแข็ง ร่างกายพุ่งทะลวงขึ้น สะบัดหมัดหนึ่งออกไป
“หืม?”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมดำเหมือนประหลาดใจ ในสถานการณ์เช่นนี้กลับมีเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์คนหนึ่งกล้าก้าวออกมา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ
จากนั้นเขาก็เข้าใจทันที สีหน้าเรียบเฉยเผยความเหยียดหยาม สังเกตได้ว่ากลิ่นอายของหลินสวินขยับจากระดับหยั่งสัจจะไปสู่ระดับกระบวนแปรจุติในพริบตา
ที่แท้ก็จงใจปกปิดความสามารถ…
ทว่า นี่ก็คือความมั่นใจที่ทำให้เขากล้าก้าวออกมาสู้กับตนหรือ
อ่อนหัดเกินไปแล้ว!
ชายวัยกลางคนสีหน้าเรียบเฉย เหมือนเห็นแมลงเม่าตัวหนึ่งพุ่งเข้ากองไฟ ไม่มีความสงสารและไม่มีความเห็นใจ ถึงขั้นที่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์