ตอน ตอนที่ 955 สิบแปดสาวกแห่งกษิติครรภ์ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 955 สิบแปดสาวกแห่งกษิติครรภ์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
กลางห้วงอากาศ ซุ่นไป๋เสวียนกระปรี้กระเปร่าแหงนหน้าระเบิดหัวเราะ คิดเองว่าตนในยามนี้จึงจะเป็นผู้ที่สะดุดตาที่สุด
นับจากพ่ายแพ้ให้กับซย่าจื้อ เขาก็เอาแต่อดกลั้น คิดว่านี่คือความอัปยศครั้งใหญ่ พาให้เขาโงหัวไม่ขึ้นจนป่านนี้
เขาอดทนมาแสนนาน ไม่อาจยอมให้ผู้อื่นเด่นกว่าอีกต่อไป หมายจะใช้โอกาสครั้งนี้ล้างอาย สร้างความสง่างามไร้เทียมทานของตนให้ปรากฏอีกครั้ง!
เพื่อทำให้แม่นางเยวี่ยที่ถากถางตนเบิกตาโตมองค้าง เขาซุ่นไป๋เสวียนใช่ว่าใครจะหัวเราะเยาะและสบประมาทได้ส่งเดช!
ชายหนุ่มหลงผิดอะไร ไปตายกันให้หมดซะเถอะ!
“หนวกหู!”
“หุบปาก!”
เพียงแต่ลั่วเจียกับแม่นางเยวี่ยต่างไม่ไว้หน้า พากันส่งเสียงผรุสวาท “หากรบกวนหลินสวินเข้า เจ้านั่นแหละที่เป็นตัวการร้าย!”
เสียงหัวเราะของซุ่นไป๋เสวียนชะงักกึก เนื่องจากหยุดลงกะทันหัน ลมหายใจเฮือกหนึ่งสำลักในลำคอเกือบขาดอากาศหมดสติไป ร่างกวัดแกว่งกลางอากาศแทบจะร่วงจ้ำเบ้า
น่าโมโหเกินไปแล้ว!
นี่คือท่าทีอะไรกัน
สีหน้าซุ่นไป๋เสวียนมืดมนไม่นิ่ง จวนจะคลั่งแล้วจริงๆ รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนถูกเยียบย่ำโดยสิ้นเชิง เคืองขุ่นถึงขีดสุด
“คุณชายซุ่น ข้าต้องกล่าวขอโทษต่อท่าน” แม่นางเยวี่ยเอ่ย
ซุ่นไป๋เสวียนอึ้งงัน สีหน้าคลายลงไม่น้อย หญิงสาวนางนี้ไม่เลวทีเดียว รู้จักเป็นฝ่ายรับผิดก่อน พอจะแล้วกันไปได้
“เมื่อครู่เหตุที่ยั่วโมโหท่าน ก็เพราะอยากอาศัยโอกาสนี้ล่อบรรดาผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ที่ซ่อนตัวในความมืดออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเราทำสำเร็จแล้ว” แม่นางเยวี่ยกล่าวยิ้มๆ
“เจ้า…” ซุ่นไป๋เสวียนใจสะท้านเต็มแรงอีกครั้ง กล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “เมื่อครู่เจ้าใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อหรือ!”
“ข้าเห็นคุณชายอยากฆ่าศัตรูจนทนไม่ไหว ดังนั้นจึงใช้อุบายเล็กๆ น้อยๆ หรือว่ายามนี้คุณชายรู้สึกไม่เบิกบานใจหรือ” แม่นางเยวี่ยถาม
ซุ่นไป่เสวียนโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา แม้แต่ฆ่าศัตรูก็ยังถูกคนวางแผนไว้ให้ดิบดี พับผ่านี่มันเห็นตนเป็นหอกทวนชัดๆ!
เสียแรงที่ตนยังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ล้างอาย ที่ไหนได้กลับเป็นแผนการทั้งสิ้น!
เป็นครั้งแรกที่ซุ่นไป๋เสวียนรู้สึกว่าการเข้าสู่แม่น้ำพรมแดนหนนี้ถือว่าซวยหนักแปดชั่วโคตร แรกเริ่มก็ถูกแม่นางน้อยคนหนึ่งซัดน่วมหนึ่งยก จากนั้นก็ยังถูกแม่นางเยวี่ยคนนี้วางอุบายเหมือนคนโง่… เหตุใดยามนี้ผู้หญิงพวกนี้ถึงได้น่ารังเกียจยิ่งนัก!
เวลานี้หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิบนพื้นเรื่อยมาพลันหยัดตัวลุกขึ้น นัยน์ตาสีดำกระจ่างชัด พลุ่งพล่านด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึงสายแล้วสายเล่า
“ได้แล้วหรือ” ลั่วเจียถาม
“บอกได้แค่ว่าเข้าไปได้แล้ว”
หลินสวินมองบานประตูอารามเก่าแก่ที่ปิดสนิทบานนั้น กล่าวเสียงขรึมว่า “ผนึกต้องห้ามนี้เร้นลับและไม่ธรรมดาถึงที่สุด อนุมานได้จากภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถสอดส่องปริศนาทั้งหมดในนั้นได้”
“กล่าวเช่นนี้หมายความว่า ทำได้เพียงเข้าไปพลางคลี่คลายไปด้วยอย่างนั้นหรือ” แม่นางเยวี่ยคล้ายขบคิด
“ถูกต้อง” หลินสวินพยักหน้า
“เสียเวลาไปตั้งนานขนาดนี้ เจ้าไขได้แต่เรื่องกิ๊กก๊อกแค่นี้หรือ”
ซุ่นไป๋เสวียนรู้สึกไม่พอใจทันใด ครหาหลินสวิน “ข้าดูแล้วฐานะปฐมาจารย์สลักวิญญาณของเจ้าคงไม่สมคำร่ำลือเสียแล้ว”
“เจ้าทำได้ไหมเล่า” หลินสวินกล่าวยิ้มๆ
“ข้า…” ซุ่นไป๋เสวียนเพิ่งปริปากก็ถูกสายตาร้ายกาจของลั่วเจียจับจ้องถมึงทึง พาให้สีหน้าเขาแข็งค้าง แค่นเสียงดังเฮอะอย่างฉุนเฉียว ไม่พูดมากความอีก
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ พวกเราสังหารผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ไปเจ็ดคน แต่คนพวกนี้ล้วนเป็นตัวเล็กๆ ยังมีคนเก่งกาจส่วนหนึ่งอีก เกรงว่าคงเข้าไปข้างในนั้นแล้ว” แม่นางเยวี่ยกล่าว
จากนั้นหลินสวินก็นำทางอยู่หน้าสุด โบกชายเสื้อหนึ่งครา รัศมีศักดิ์สิทธิ์สายแล้วสายเล่ากลายเป็นสัญลักษณ์รอยสลักวิญญาณพุ่งเข้าสู่ห้วงอากาศ
ก็เห็นทางข้างหน้าปรากฏระลอกคลื่นผนึกต้องห้ามคลุมเครือขึ้นมากะทันหัน แสงธรรมสว่างไสว นั่นคือแสงธรรมสีดำที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ แผ่บรรยากาศน่าหวาดกลัวซึ่งพาให้ผู้คนใจสะท้านออกมา
คาดการณ์ได้ว่า เมื่อครู่หากพวกเขาเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ จะต้องพบกับกระบวนพิฆาตของผนึกต้องห้ามนี้เป็นแน่แท้!
ซุ่นไป๋เสวียนอึ้งงัน เงียบขรึมอย่างหาพบได้ยาก เพราะเขาเองก็มองออกว่าผนึกต้องห้ามนี้น่าสะพรึงสุดขั้นจริงๆ พาให้เขายังรู้สึกหนังศีรษะชาวาบ
“ระวัง!” หลินสวินรีบร้องเตือน ที่แห่งนี้ปกคลุมด้วยผนึกต้องห้ามแน่นขนัด ครั้นก้าวพลาดเพียงนิดก็อาจต้องพบกับเคราะห์สังหารที่เหลือจะคาดเดา
“นับแต่โบราณมา หงส์ครองอมตะ นิพพานแล้วเกิดใหม่ หากคาดการณ์เช่นนี้ หงส์ดำเลือดทมิฬที่ถูกฆ่าตายในปีนั้น เห็นได้ชัดว่าตั้งใจบรรลุนิพพานในช่วงที่ละสังขาร…” นัยน์ตาของแม่นางมีแสงแห่งปัญญาไหลวน ใคร่ครวญขบคิด
“จนป่านนี้แล้วยังพูดพล่ามอะไรอีก ตรงเข้าไปฆ่ากันเลย!” ไอสังหารของซุ่นไป๋เสวียนพวยพุ่ง เริ่มทนรอไม่ไหวแล้ว
และเวลานี้เอง ภิกษุจีวรดำห้ารูปที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้นคล้ายจะตื่นขึ้น ทยอยหยัดตัวลุกยืน ทอดสายตามองเข้ามาทางนี้
บรรยากาศตึงเครียดในชั่วพริบตา!
“สหายยุทธ์ทั้งหลาย นี่คือสถานที่ต้องห้ามอริยะดับขันธ์ของอารามกษิติครรภ์ของพวกเรา โปรดออกไปโดยเร็ว หาไม่หายนะครั้งใหญ่จะมาเยือนเป็นแน่” ภิกษุจีวรดำที่อยู่หน้าสุดเอ่ยปาก
เขามีผิวพรรณขาวกระจ่าง คิ้วตาผ่องใส หน้าผากเกลี้ยงเกลา รูปร่างสูงโปร่งดุจต้นสน เพียงแต่สีหน้ากลับราบเรียบและเฉยเมยพาให้ผู้คนพรั่นใจ
เขายืนอยู่ตรงนั้นตามสบาย แต่กลับให้ความรู้สึกดั่งห้วงสมุทรแก่ผู้คน ราวกับอรหันต์รูปหนึ่งที่ยืนตระหง่านเหนือภูเขาศพทะเลเลือด กำลังข้ามกิเลสเภทภัยสรรพสัตว์
มองเพียงปราดเดียวก็พาให้พวกหลินสวินเสียววูบในใจ ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของภิกษุหนุ่มรูปนี้ เป็นศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่งชัดๆ!
จู่ๆ แม่นางเยวี่ยก็พูดว่า “ถือลูกประคำสิบแปดเม็ด ดูท่าสหายยุทธ์ท่านนี้คงเป็นหนึ่งในสิบแปดสาวกอารามกษิติครรภ์รุ่นนี้กระมัง”
ขณะที่เอ่ยวาจา นางสื่อจิตไปทางพวกหลินสวิน กล่าวอธิบายให้ฟัง
นับแต่โบราณสืบมา สิบแปดสาวกอารามกษิติครรภ์ เป็นตัวแทนของบุคคลแนวหน้าสิบแปดคนที่หลอมร่างทองอรหันต์สำเร็จ แต่ละคนต่างสันทัดมรดกวิชาสยบโลกกันทั้งสิ้น
สิบแปดสาวกถูกแบ่งออกเป็นสามฝ่าย ได้แก่ หกรับรู้ หกราก หกธุลี
แต่ละฝ่ายมีหกอรหันต์ผู้แข็งแกร่งดูแลควบคุม รวมกันเป็นพลังมรดก ‘สิบแปดสาวก’ แห่งอารามกษิติครรภ์ขึ้นมา!
‘กล่าวโดยสรุป นี่ก็คือผู้กล้าแห่งยุคในหมู่ผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ ศักยภาพกร้าวแกร่งหาใดเปรียบ’
หลังจากคำอธิบายนี้ พวกหลินสวินจึงเพิ่งกระจ่างแจ้ง สายตาที่มองไปทางภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์