Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 963

สรุปบท ตอนที่ 963 พลังต้องห้ามพิฆาตมรรค: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 963 พลังต้องห้ามพิฆาตมรรค จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 963 พลังต้องห้ามพิฆาตมรรค คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 963 พลังต้องห้ามพิฆาตมรรค
บนแม่น้ำพรมแดน ยานสำเภาทองอร่ามลำหนึ่งมุ่งหน้าเนิบช้า

ในโถงยานสำเภา หลินสวินกำลังสัมผัสปริศนาของ ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’

คัมภีร์นี้ล้ำลึกอัศจรรย์ยิ่ง วิวัฒน์จากคัมภีร์มหากษิติครรภ์และวิชาจุติหงส์ทมิฬ เปิดเส้นทางใหม่ และยังเป็นการอนุมานซึ่งผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดของอริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬ ทุ่มเทจิตหลั่งโลหิตสรรค์สร้างออกมา

ในนั้นครอบคลุมสรรพสิ่ง โดยคร่าวแบ่งเป็นสามส่วน

ส่วนแรกเรียกว่า ‘ประสาทวิชา’ คือสาระสำคัญที่อริยะทั้งสองเน้นในปริศนาแก่นแท้ของคัมภีร์มหากษิติครรภ์ และวิชาจุติหงส์ทมิฬ

สิ่งแรกคือรากฐานของสำนักอารามกษิติครรภ์ เดิมก็คือมรดกชั้นยอดเล่มหนึ่ง ครองแก่นอัศจรรย์เหนือจิตนาการ เป็นหลักทั่วไปที่ผู้บำเพ็ญธรรมอารามกษิติครรภ์ใช้หยั่งรู้มหามรรค ศึกษาวิชามรรค

เฉกเช่นวิชาข้ามเคราะห์พ้นทุกข์ที่มู่เจิ้งสำแดง ก็เป็นมรดกเก่าแก่ส่วนหนึ่งของคัมภีร์มหากษิติครรภ์

กล่าวได้ว่า แม้หยั่งรู้เพียงคัมภีร์มหากษิติครรภ์ ก็สามารถทำให้หลินสวินยึดกุมมรดกวิชามรรคทั้งหมดของอารามกษิติครรภ์แล้ว!

ในอารามกษิติครรภ์ สิ่งนี้ไม่ใช่ว่าผู้สืบทอดคนใดต่างสามารถถือครองได้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นมรดกรากฐานของสำนัก วิชาไม่อาจถ่ายทอดโดยง่าย มรรคไม่อาจมอบให้ตามสะดวก

แต่ในคัมภีร์มหาครรภ์จุติส่วนแรก อริยสงฆ์ตู้จี้ได้ทำการจัดสรรและอธิบายปริศนาทั้งมวลของคัมภีร์มหากษิติครรภ์โดยกระจ่าง

นี่ก็เหมือนอาจารย์ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังประสาทวิชา ไม่จำเป็นต้องให้ศิษย์ไปค้นหาเองแต่แรก อาศัยแค่การรับฟังและไตร่ตรองก็สามารถเข้าใจปริศนาทั้งมวลของคัมภีร์โดยราบรื่น!

ในจุดนี้เกรงว่าแม้แต่บุคคลที่จัดอยู่ในสิบแปดสาวกอารามกษิติครรภ์อย่างมู่เจิ้ง ยังไม่อาจได้รับประโยชน์เช่นนี้

ส่วนวิชาจุติหงส์ทมิฬ ก็คือมรดกรากฐานของเผ่าหงส์ทมิฬ เป็นคัมภีร์มรรคเก่าแก่และสูงส่งเล่มหนึ่งเช่นเดียวกัน

อีกทั้งนางพญาหงส์ทมิฬยังผสานมรรคและวิชาของตน ใช้ปัญญาทำการอธิบายแก่นแท้ของคัมภีร์นี้อย่างรอบด้าน เรียกได้ว่าเลิศล้ำเกินบรรยาย

ทั้งหมดนี้ล้วนบ่งชี้ว่าต่อให้ฝึกคัมภีร์มหาครรภ์จุติเพียงส่วนแรก ก็สามารถยึดกุมมรดกชั้นยอดของสองขุมอำนาจเก่าแก่!

ส่วนที่สองของคัมภีร์มหาครรภ์จุติเรียกว่า ‘หลอมมรรค’ คือวิธีหลอมรวมมรดกที่แตกต่างทั้งสอง ซึ่งแฝงปริศนาเร้นลับที่ศึกษารอบด้านจนปรุโปร่งของคัมภีร์มหากษิติครรภ์และวิชาจุติหงส์ทมิฬ

ส่วนที่สามจึงจะเป็นส่วนสำคัญแท้จริงของคัมภีร์มหาครรภ์จุติ เรียกว่า ‘ครรภ์จุติ’ คือคัมภีร์มรรคฉบับใหม่ที่สรรค์สร้างจากมืออริยะบรรพกาลทั้งสอง!

ที่ว่า ‘ใหม่’ คือ ถือกำเนิดจากมรดกชั้นยอดสองส่วน ซ้ำยังเหนือกว่า เกี่ยวเนื่องถึงปริศนาสูงสุดของอริยมรรค มูลค่าเลิศล้ำเพียงพอจะทำให้อริยะมุ่งมาดปรารถนา!

สรุปโดยง่ายคือคัมภีร์มหาครรภ์จุติ แบ่งเป็น ‘ประสาทวิชา’ ‘หลอมมรรค’ ‘ครรภ์จุติ’ สามส่วนใหญ่ แต่ละส่วนต่างเรียกได้ว่าไพศาลดั่งหุบเหว ซ่อนแฝงแก่นอัศจรรย์ไร้สิ้นสุด

สำหรับหลินสวิน หากหมายหยั่งรู้คัมภีร์นี้ต้องค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้น

หยั่งรู้ส่วน ‘ประสาทวิชา’ เจาะลึกและทำความเข้าใจคัมภีร์มหากษิติครรภ์และวิชาจุติหงส์ทมิฬก่อน

กระทั่งเข้าใจปริศนาทั้งหมดอย่างลึกซึ้งจึงสามารถไปหยั่งรู้ส่วน ‘หลอมมรรค’ อีกขั้น ศึกษาปริศนาแห่งคัมภีร์มรรคทั้งสองจนรอบด้านปรุโปร่ง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

เมื่อทำได้ถึงขั้นนี้จึงมีรากฐานไปหยั่งรู้ส่วนที่สาม ‘ครรภ์จุติ’!

แต่หลินสวินรู้ดีว่าอาศัยความสามารถของตนในปัจจุบัน แค่หยั่งรู้ปริศนาส่วน ‘ประสาทวิชา’ ก็ไม่รู้ต้องใช้เวลากี่เดือนปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหยั่งรู้ ‘หลอมมรรค’ และ ‘ครรภ์จุติ’

ถึงขั้นที่เขาสงสัยว่า คัมภีร์มหาครรภ์จุติสองส่วนหลังคงเป็นปริศนาซึ่งมีเพียงอริยะที่สามารถหยั่งรู้!

ถึงอย่างไรสิ่งที่ผสานรวมเข้ามา คือมรดกรากฐานของสองขุมอำนาจโบราณ เป็นมรดกชั้นสูงสองส่วนที่เลื่องชื่อลือนามมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล!

แน่นอนว่านี่หาใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญระดับกระบวนแปรจุติสามารถทำได้แต่แรก กระทั่งแม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอาจไม่มีความสามารถทำได้

ผ่านไปครู่ใหญ่ หลินสวินตื่นจากการหยั่งรู้ ลุกขึ้นเปิดประตู

“เป็นอย่างไรบ้าง” ลั่วเจียรออยู่นอกประตูนานแล้ว

นางสวมชุดกระโปรงม่วง บุคลิกดั่งกล้วยไม้กลางหุบเขา บนหน้าขาวกระจ่างงามพริ้งเพราเจือความมุ่งมาดปรารถนา

“เรียบร้อยแล้ว” หลินสวินพยักหน้า นำม้วนหยกที่บันทึกวิชาจุติหงส์ทมิฬส่งให้อีกฝ่าย

ลั่วเจียอึ้งงัน ดวงหน้างามปรากฏความตื่นเต้นวูบหนึ่ง คล้ายไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง กระทั่งครู่ใหญ่จึงสูดหายใจลึก รับม้วนหยกมาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง

จากนั้นนางเงยหน้าขึ้น นัยน์ตากระจ่างดั่งวารีจ้องมองหลินสวินพลางกล่าว “ขอบคุณมาก บุญคุณนี้ภายหน้าข้าจะตอบแทน”

หลินสวินยิ้มกล่าว “ข้าเองก็ได้ประโยชน์ เจ้าไม่ต้องใส่ใจ”

ลั่วเจียส่ายศีรษะ “นี่ไม่เหมือนกัน”

บนยานสำเภา พวกแม่นางเยวี่ย ซุ่นไป๋เสวียนเองต่างรอคอย

การเข้าสู่อารามเก่าแก่ปริศนาครานี้เกิดเรื่องคาดไม่ถึงมากมาย พวกเขาต่างอยากรู้ว่าหลินสวินผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง

ไม่นานนักหลินสวินและลั่วเจียก็ปรากฏตัวพร้อมกัน บอกเล่าทุกฉากที่เห็นนับตั้งแต่เข้าไปในส่วนลึกของอารามเก่าแก่โดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

แต่สำหรับเรื่องการแจ้งมรรคและไม้โพธิ์ หลินสวินไม่ได้พูดมากความ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เหมาะที่จะกล่าวอะไรมาก

ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังทำพวกแม่นางเยวี่ยต่างรู้สึกสะท้าน

สมัยบรรพกาล สองอริยะก้าวสู่ขั้นที่ประหนึ่งสิ่งต้องห้าม ชักนำมาซึ่งเคราะห์สังหาร ถูกเงาร่างสีทองดั่งเจ้าเหนือหัวพิฆาตลงตรงนั้น!

บนโลกนี้ยังมีพลังต้องห้ามที่แกร่งกว่าอริยะอีกหรือ

แต่เมื่อเข้าสู่อารามเก่าแก่พบเห็นครรภ์พุทธะ แม่นางเยวี่ยถึงได้ตระหนักว่า ครรภ์พุทธะนี้ซ่อนความลับยิ่งใหญ่ ภายในร่างเป็นไปได้สูงว่าจะฝังพลังสองอริยะซึ่งมาจากอริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬ!

เพียงแต่เมื่อได้ยินหลินสวินพูดถึงอากัปกิริยาไร้ยางอาย สับปลับของปักษาทมิฬตัวนั้น พวกแม่นางเยวี่ยต่างตะลึงงัน

โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าบุคคลแห่งยุคของอารามกษิติครรภ์อย่างมู่เจิ้งถูกปักษาทมิฬนี้ลอบโจมตี ใช้กระทะใบหนึ่งฟาดสลบกลางอากาศ ก็ล้วนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

‘น่าสนใจ ติดตามข้างกายสองอริยะนานปีแต่กลับมีอุปนิสัยเช่นนี้ ความเป็นมาของปักษาทมิฬนี่ต้องไม่ธรรมดา น่าเสียดาย ครั้งนี้ไม่อาจจับมันไว้ได้…’ แม่นางเยวี่ยกล่าวกับตัวเอง

คนอื่นต่างรู้สึกแบบเดียวกัน

ปักษาทมิฬนี้ถูกผนึกอยู่ในซุ้มพระหยกดำนั่นตั้งแต่สมัยบรรพกาล ทั้งเป็นร่างครรภ์วิญญาณที่ติดตามข้างกายสองอริยะนานปี จะเป็นสิ่งที่ของทั่วไปสามารถเทียบเทียมได้อย่างไร

“ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายครานี้ก็ไม่เสียเที่ยว แม่นางลั่วเจียสมหวังดั่งปรารถนา ได้รับวิชาอัศจรรย์จุติหงส์ทมิฬ น่ายินดีๆ” แม่นางเยวี่ยยิ้มหวานกล่าวแสดงความยินดี

“ครั้งนี้ยังต้องขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยเหลือ บุญคุณนี้วันหน้าลั่วเจียจะต้องตอบแทนแน่” ลั่วเจียประสานมือคำนับ

“หลินสวิน ก่อนจากไปอยากแลกเปลี่ยนความรู้กับข้าหรือไม่” ซุ่นไป๋เสวียนแววตาดุจอสนี เห็นได้ว่าหยิ่งผยองและทะนงตนนัก

เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้เสร็จสิ้น เขาและลั่วเจียกำลังจะจากไป

ก่อนแยกจากกันนี้ซุ่นไป๋เสวียนคล้ายไม่เต็มใจอยู่บ้าง สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหว หมายต่อสู้กับหลินสวินสักตั้ง

ลั่วเจียพลันปวดขมับ เจ้าหมอนี่ไม่ยอมสงบเสงี่ยมเสียบ้าง เพิ่งออกมาจากโบราณสถานอารามเก่าแก่ก็อยากทรมานตัวเองอีกแล้ว

เหนือความคาดหมาย ครั้งนี้หลินสวินไม่ปฏิเสธ แต่กล่าวอย่างสนอกสนใจ “เจ้าแน่ใจนะ”

ซุ่นไป๋เสวียนแย้มยิ้ม มุมปากปรากฏแววจองหองวูบหนึ่ง “ต่อสู้กับเจ้ายังต้องพิจารณาและใคร่ครวญอีกหรือ”

‘เจ้าโง่นี่เอาอีกแล้ว ช่างไม่เข็ดเสียจริง’ ไกลออกไป พวกโค่วซิงทำหน้าเวทนา ทอดถอนใจไม่หยุด

หากเสียงในใจพวกเขาถูกซุ่นไป๋เสวียนได้ยินเข้า คราวนี้คงโกรธจนเป็นบ้า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…”

หลินสวินเพิ่งเอ่ยปาก ซุ่นไป๋เสวียนคล้ายนึกอะไรออก กล่าวตัดบท “จำไว้ ว่าเป็นการต่อสู้ของเจ้ากับข้า ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามายุ่ง!”

ทุกคนต่างมีสีหน้าพิกล เห็นชัดว่าซุ่นไป๋เสวียนกำลังกังวลว่าเด็กสาวที่ประหนึ่งเทพอย่างซย่าจื้อจะถลันออกมาทำการป้องกันก่อน

เท่านี้ก็มองออก ซุ่นไป๋เสวียนราชันมารจอมก่อกวนซึ่งยโสโอหังหยิ่งจองหองผู้นี้ ถูกซย่าจื้ออัดจนเกิดเงามืดในใจเข้าจริงๆ แล้ว…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์