มู่เจิ้งพลันดีอกดีใจ เขาแอบสาบานกับตัวเอง พริบตาที่แท่นบัวแหลกสลายจะใช้พลังอันแกร่งที่สุดโปรดสัตว์หลินสวิน!
มีเพียงเท่านี้จึงจะสามารถระบายความอัปยศในใจเขา
เขาผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ซึ่งองอาจผ่าเผย วันนี้ ณ สถานที่แห่งวาสนาที่บรรพจารย์สำนักตนหลงเหลือไว้ กลับถูกคนอื่นช่วงชิงศุภโชค ถ้าไม่ใช่ความอัปยศจะเป็นอะไรได้
ใครว่าผู้บำเพ็ญธรรมไร้อารมณ์
สมัยบรรพกาลเมื่อภิกษุบันดาลโทสะ เทพธรรมบาลล้วนต้องสั่นสะเทือน!
ทว่าเวลานี้ใจเขาพลันสะดุ้งโหยง กลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตปกคลุม นี่ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี
แต่เมื่อมีปฏิกิริยาตอบสนองก็ช้าไปก้าวหนึ่ง ได้ยินเสียงเป๊งดังสนั่น มู่เจิ้งรู้สึกเพียงปวดหน้าผากรุนแรง เบื้องหน้าสับสนมึนงง กระตุกไปทั้งตัวแทบหกคะเมน
เคราะห์ดีที่เขาฝึกร่างทองอรหันต์แต่เด็ก พลังกายแข็งแกร่งหาใดเปรียบ ไม่เคยถูกตีสลบ
แต่หน้าผากเงาวาวของเขากลับบวมเป่งปูดโปน โดดเด่นราวเขางอก
มู่เจิ้งพลันบันดาลโทสะ ถึงกับมีคนกล้าลอบทำร้ายตน!?
จิตสังหารซึ่งไม่อาจระงับผุดขึ้นในใจ เขาหันหลังขวับ เมื่อเห็นคนร้ายที่ลอบโจมตีตนชัดเจนก็ตกตะลึงทันที ครรภ์พุทธะ?
กลับเห็นปักษาทมิฬตัวนั้นอึ้งงันอยู่บ้าง คล้ายคิดไม่ถึงว่าหน้าผากภิกษุนี่จะแข็งขนาดนี้ กระทะใบเดียวไม่อาจตีเขาสลบ
‘เดินจนรองเท้าเหล็กพังยังหาไม่ได้ บทจะมาง่ายดายไม่เปลืองแรง!’ ความเดือดดาลในใจมู่เจิ้งถูกความลิงโลดเข้าแทนที่
เมื่อครู่เพื่อชิงไม้โพธิ์นั่นทำเขาเกือบลืมสนิท ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการมาครั้งนี้ก็เพื่อครรภ์พุทธะซึ่งหาได้ยากตั้งแต่โบราณกาล!
“สหายน้อย ก่อนหน้าล้วนแต่เข้าใจผิด บัดนี้ในเมื่อเจ้าปรากฏตัวก็ไปพร้อมอาตมาเถิด” มู่เจิ้งเอ่ยปากกล่าว เผยพลังมรดกของอารามกษิติครรภ์สื่อสารกับอีกฝ่าย
เขาเชื่อว่าหากฝ่ายตรงข้ามตื่นรู้มีปัญญา ย่อมสัมผัสได้ถึงความจริงใจของตน
อีกทั้งตามคำบอกเล่าของเหล่าผู้อาวุโสอารามกษิติครรภ์ หากครรภ์พุทธะอุบัติบนโลก อาศัยพลังคัมภีร์มหากษิติครรภ์เรียกหาก็เพียงพอให้อีกฝ่ายปลุกจิตแห่งตนได้
เพราะครรภ์พุทธะนี้ เดิมคือสิ่งที่อริยะตู้จี้เหลือไว้!
ปักษาทมิฬชะงักไป เหลือบมองภิกษุตรงหน้า ท่าทางราวเห็นคนเขลา
มู่เจิ้งมุ่นคิ้ว รู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง ครรภ์พุทธะนี้ทำไมมีกลิ่นอายคล้ายนักเลงอันธพาล แปลกประหลาดนัก
เขาสูดหายใจลึก ข่มอารมณ์สำแดงพลังมรดกอารามกษิติครรภ์ สื่อสารหมายโน้มน้าวอีกฝ่าย “สหายน้อย…”
“สหายน้อยเตี่ยเอ็งสิ!”
ปักษาทมิฬโกรธจนฉุนเฉียวด่ายกใหญ่ กรงเล็บเหวี่ยงกระทะฟาดไปทางมู่เจิ้ง
เป๊ง!
หน้าผากมู่เจิ้งถูกซัดอีกครั้งโดยไม่ตั้งตัว เบื้องหน้ามีดาวทองหมุนวน ร่างกายซวนเซโงนเงน ความรู้สึกเลือนรางอยู่บ้าง
เขาบันดาลโทสะ หน้าคล้ำเขียว “เจ้ากล้าไร้มารยาทรึ”
ปักษาทมิฬถุยสบถเหี้ยมเกรียม กระทะในมือแกว่งไกว ท่าทางราวอันธพาลเร่ร่อนมุมถนนถืออิฐชวนทะเลาะ พุ่งเข้าปะทะอย่างบ้าคลั่ง
“ไร้มารยาท? หากไม่ใช่เจ้าหัวล้านขี้ขโมยอย่างพวกเจ้า มีหรือข้าจะถูกปลุกก่อนเวลา?”
เป๊ง! เป๊ง!
ระหว่างที่ด่าทอ ปักษาทมิฬกวัดแกว่งกระทะเหล็กนั่นอย่างอาจหาญ ตีจนมู่เจิ้งพลันต้านไม่ไหว หกคะเมนล้มลงกับพื้น เจ็บจนแทบหมดสติ
ที่น่ากลัวที่สุดคือกระทะนั่นไม่รู้หลอมจากเหล็กเทพอะไร แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ซ้ำยังมีแสงลายมรรคสุดหยั่งเอ่อท้น ด้วยความสามารถของมู่เจิ้ง ยังถูกกดข่มจนโงหัวไม่ขึ้น
“ถุย! ข้าล่ะเกลียดคนระยำจอมปลอมอย่างพวกเจ้าที่สุด ในเมื่ออยากเชิญข้าเป็นแขก เหตุใดก่อนหน้าต้องใช้กำลังกำราบข้าด้วย”
“ร้อง! เจ้าร้องต่อสิ! ร้องจนคอแตกก็เปล่าประโยชน์!”
ปักษาทมิฬนี่ช่างพิลึกพิลั่น ซ้ำเห็นชัดว่าโทสะสุมอก เหวี่ยงกระทะฟาดมู่เจิ้งไม่ยั้ง ฮึกเหิมเสียจนวุ่นวายไปหมด
แม้แต่หลินสวินยังมองตาค้าง นี่… ใช่ครรภ์พุทธะจริงหรือ
ขณะเดียวกันมู่เจิ้งตะโกนคับแค้นอยู่ในใจ นี่จะเป็นครรภ์พุทธะได้อย่างไร อันธพาลหัวไม้ล่ะสิไม่ว่า!
เป๊ง!
สุดท้ายมู่เจิ้งถูกฟาดสลบ ใบหน้ายังเหลือความรู้สึกอัปยศขุ่นเคือง
แต่ปักษาทมิฬดูเหมือนไม่หนำใจ เหยียดกรงเล็บทองอร่ามถีบร่างมู่เจิ้งเข้าเต็มเหนี่ยว แล้วค่อยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ท่าทางปลอดโปร่งโล่งใจ
“อ้อ น้องชายคนนี้ เมื่อครู่ทำเจ้าตกใจหรือเปล่า อย่ากลัวไปเลย ข้าอาศัยคุณธรรมสยบคน ปกติไม่ชอบลงมือ แล้วก็ไม่ทำเรื่องไร้มารยาทเท่าไหร่”
ปักษาทมิฬเก็บกระทะดำในมือไว้ข้างหลัง จากนั้นจึงหมุนตัวมาแช่มช้า เชิดศีรษะเผชิญหน้าหลินสวิน เห็นได้ว่าทะนงตนยิ่ง
หลินสวินสีหน้าพิกล ปักษาทมิฬนี้ลักษณะเหมือนหงส์ดำเลือดทมิฬ แต่ก็ไม่คล้ายคลึง มันแบกกระทะดำใบหนึ่งไว้ด้านหลัง ทำให้บุคลิกมันออกจะ… ผิดแผก
อีกทั้งมันยังหลงตัวเองและหน้าไม่อายนัก เมื่อครู่ยังทำท่าราวนักเลงอันธพาล ตอนนี้กลับวางท่าใหญ่โต ยังพูดว่าอาศัยคุณธรรมสยบคนอะไรนั่นอีก ช่างไร้ยางอายเสียจริง
“ข้าไปก่อนล่ะ หากเจ้าอยากเล่นที่นี่ต่อก็แล้วแต่ ถึงอย่างไรแดนผีสิงนี่ก็ไม่น่าอยู่นัก…”
ยังไม่รอหลินสวินเอ่ยปาก ปักษาทมิฬก็ยื่นกรงเล็บมาหิ้วมู่เจิ้งจากพื้น กางปีกสยายออก บินโฉบอากาศห่างออกไป
“เดี๋ยวก่อน!” หลินสวินตะโกน
“กวนข้าแม่งให้น้อยหน่อย ศุภโชคที่ตาเฒ่าตู้จี้นั่นเหลือไว้ล้วนถูกเจ้านำไปแล้ว เจ้ายังจะเอาอะไรอีก”
ปักษาทมิฬตวาดรำคาญ
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด เห็นชัดว่าปักษาทมิฬนี่รู้ความลับเยอะมาก!
ฟุ่บ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์