ศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ถูกตะพาบมังกรกระแทกชนจนเป็นรูโบ๋ ราวกับประตูบานหนึ่งซึ่งทะลุไปสู่ด้านในของศิลาอุกกาบาตขนาดเท่าภูเขานี้
ยามนี้หลินสวินยืนตระหง่านอยู่ในนั้น หรี่ตาลง ดูเหม่อลอยเล็กน้อย
ไม่ไกลจากเขา มีหินดาราที่บริสุทธิ์และลุกโชนขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง ส่องแสงพร่างพราวอย่างที่สุด
เหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงเล็กที่เจิดจ้า พาให้ดวงตาของหลินสวินเกิดความรู้สึกแสบพร่า
จากที่เสี่ยวอิ๋นว่ามา นี่คือแกนดาราที่แท้จริง เป็นแหล่งกำเนิดชีวิตของดวงดาว ไม่อาจประเมินมูลค่าได้!
และพลังที่ถูกเสี่ยวอิ๋นมองว่าเป็น ‘แหล่งกำเนิดวิญญาณ’ นั้นบรรจุอยู่ภายในแกนดารานี้
ยามนี้ร่างสีขาวเงินขนาดเท่าเมล็ดข้าวของเสี่ยวอิ๋นนอนฟุบอยู่บนแกนดารา กำลังดูดซับพลังวิญญาณภายในแกนดาราด้วยท่าทางที่เกือบจะบ้าคลั่ง
สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว มูลค่าของแกนดาราก้อนหนึ่งเพียงพอจะทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอริยะตาวาวน้ำลายหก เพราะมันสามารถนำมาหลอมสมบัติอริยะ!
แต่สำหรับเสี่ยวอิ๋น แหล่งกำเนิดวิญญาณบริสุทธิ์ที่บรรจุอยู่ในแกนดาราสามารถช่วยให้มันเลื่อนขั้น ก้าวสู่ขั้นตอนต่อไปของวิวัฒนาการ
เมื่อมาถึงระดับขั้นนี้ มันจะสามารถปลดพันธนาการทางร่างกาย แปลงกายเป็นมนุษย์ได้!
จิ๊กๆ! จิ๊กๆ!
เสียงแทะเล็กๆ ยังคงดังไม่หยุด สภาพของเสี่ยวอิ๋นในยามนี้สามารถใช้คำว่า ‘หิวกระหายสุดฤทธิ์’ มาอธิบายได้แล้ว ราวกับเป็นศัตรูกับแกนดารานั่นไม่อาจร่วมโลกกันได้ เห็นได้ชัดว่าบ้าเกินไป
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโลภนั้นพาให้หลินสวินชักเริ่มทนดูต่อไปไม่ได้ จะหลอมรวมก็ทำไปสิ ไม่มีใครไปปล้นเจ้าเสียหน่อย ทำไมมันต้องป่าเถื่อนเช่นนี้ด้วย
และดูไร้มาดเกินไปแล้ว ท่าทางราวกับว่าไม่เคยพบเคยเห็นโลก!
หลินสวินแอบดูแคลน
ขณะคิดเขาก็เริ่มมองสำรวจศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ก้อนนี้
ประกายดาราสีเงินยวงสายแล้วสายเล่าคละคลุ้ง กลางอากาศอบอวลด้วยพลังชีวิตอันไพศาลและคลุมเครือ พาให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาเพื่อแค่สูดหายใจเข้าหนึ่งเฮือก
พอจะเดาได้ลางๆ ว่าหากฝึกปราณที่นี่ ต้องจะได้รับผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
หลินสวินใช้จิตรับรู้สัมผัสอย่างถี่ถ้วน แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ แม้ว่าศิลาอุกกาบาตนี้จะมีขนาดใหญ่เท่าภูเขา แต่กลับไม่มีกลิ่นอายพิเศษใดๆ
เขาลองเฉือนศิลาอุกกาบาตด้วยดาบหัก หยิบมันมาวิเคราะห์โดยละเอียด เศษหินลอยล่อง แต่ภายในนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย
ไม่ใช่กระมัง ดึงดูดผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันให้มุ่งหน้ามามากมายขนาดนี้ ในศิลาอุกกาบาตนี่นอกจากแกนดาราก้อนเดียวก็ไม่มีอะไรเลยหรือ
หลินสวินไม่ถอดใจ ใช้ดาบหักตัดศิลาอุกกาบาตจำนวนกว่าสิบชิ้นไม่หยุดหย่อน แต่ก็ไม่ต่างกัน ล้วนไม่มีสมบัติใดๆ
เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋นแทะแกนดาราด้วยท่าทางหิวโหย หลินสวินก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจนัก ทุ่มแรงกายแรงใจตลอดทางมาถึงที่นี่ ผลสุดท้ายจะมีแค่เจ้าหมอนี่เท่านั้นหรือที่สมหวังดั่งใจ
‘ไม่ถูก ตอนที่ตะพาบมังกรวิ่งหนี บนหลังมันแบกโลงน้ำแข็งลึกลับไปด้วย บางทีมันอาจเอาไปจากศิลาอุกกาบาตนี้ก็เป็นได้!’
ทันใดนั้นหลินสวินก็นึกขึ้นได้ว่า ศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่นี้ถูกตะพาบมังกรชนจนแตก
หนำซ้ำโลงน้ำแข็งที่มันเอาออกไปนั้นลึกลับและพิเศษมาก ด้านบนประทับแผนที่ดาวอันกว้างใหญ่และลึกลับไว้ด้วย ไม่ธรรมดายิ่ง
‘คงไม่ใช่ว่า สมบัติแท้จริงที่บรรจุอยู่ในศิลาอุกกาบาตก็คือโลงน้ำแข็งนั่นกระมัง…’ หัวใจของหลินสวินหนักอึ้ง
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ การเคลื่อนไหวครั้งนี้นอกจากการได้รับแกนดาราหนึ่งชิ้นแล้ว ก็ถือเป็นการเสียเที่ยวจริงๆ
หืม?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จู่ๆ หลินสวินก็สังเกตเห็นว่ามีรอยรูปทรงสี่เหลี่ยมอยู่บนพื้น คละคลุ้งด้วยระลอกผันผวนคลุมเครือจางๆ ที่ยากสัมผัสถึง
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของหลินสวินสั่นไหว ลอบกล่าวว่าหากวางโลงน้ำแข็งไว้ตรงนี้ มันจะตรงกับรอยทั้งหมดพอดิบพอดี!
เขาก้าวไปข้างหน้าและนั่งยองๆ บนพื้นอย่างระมัดระวัง ใช้พลังจิตรับรู้สัมผัสโดยละเอียด
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ พื้นดินนี้ถึงกับสร้างจากศิลาอุกกาบาตด้วยเช่นกัน ทันทีที่จิตรับรู้เข้าใกล้ ก็มีคลื่นคลุมเครือโผล่ออกมาปิดกั้นการสำรวจของจิตรับรู้
หลินสวินคล้ายจะสัมผัสได้ว่าภายในศิลาอุกกาบาตนั้นฟูมฟักอะไรไว้อยู่ แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจจับได้ แต่กลับดูแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด
“แปลกจริงๆ!”
หลินสวินหัวใจไหววูบ มือกุมดาบหัก เลาะตามขอบรอยที่โลงน้ำแข็งทิ้งเอาไว้ เริ่มวิเคราะห์สันนิษฐานอย่างระมัดระวัง
ครึกๆ!
ดาบหักคมกริบ ก็เห็นเศษหินบินว่อนเชื่อมรวมเข้ากับน้ำทะเลสาบ คลุมเครือและเลือนราง
ส่วนบนพื้น ด้วยการกรีดเฉือนของดาบหัก พื้นค่อยๆ แตกขยายลงไปด้านล่าง ไม่นานก็ผ่าออกเป็นหลุมบ่อที่มุมขอบชัดเจนอย่างรวดเร็ว
วาบ!
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ตอนที่หลุมถูกขุดลึกถึงสองฉื่อ ดาบหักก็เหมือนเฉาะทะลุเปลือกไข่ ทันใดนั้นแสงวิเศษบาดตาหลากสีสันสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากพื้น
ขณะเดียวกันกลิ่นหอมเย็นเข้มข้นของสมุนไพรก็กระจายออกมา เย็นดุจน้ำแข็ง มีกลิ่นหอมเหมือนสุรา ราวกับจะแทรกเข้าไปถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณ พาให้ผู้คนมึนเมา
โอสถวิญญาณ?
ดวงตาของหลินสวินพลันทอประกายขึ้นทันที กลิ่นสมุนไพรที่พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้านั้นบริสุทธิ์อย่างยิ่ง เพียงแค่สูดดมคราเดียวก็พาให้เลือดลมทั่วร่างของเขาเดือดพล่าน เจือความรู้สึกสบายเหมือนจะล่องลอยก็ไม่ปาน
เขาหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ของตน การเคลื่อนไหวของมือยิ่งระมัดระวังมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มวิเคราะห์ศิลาอุกกาบาตใต้ดินนี้
ไม่นานโอสถวิญญาณต้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตาหลินสวิน
มันเป็นต้นไม้เล็กๆ สีน้ำหมึก กิ่งก้านมีความหนาเเค่หัวแม่มือ เนื้อสัมผัสเหมือนหยก ปลายกิ่งของมันมีใบไม้เก้าใบแขวนอยู่
ใบไม้แต่ละใบมีสีเหมือนหิมะ ลักษณะคล้ายพระจันทร์เต็มดวง เส้นใบดุจลายมรรค กำจายกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ล่อลวงหาที่เปรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์