สิงอี่เทียนยิ้ม รอยยิ้มของเขาเย็นชาและชวนสยอง กล่าวว่า “รนหาที่ตายหรือ ข้าว่าเจ้าคร้านจะมีชีวิตแล้วจริงๆ ฆ่าคนของข้า ยังกล้าพูดลอยหน้าลอยตา เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ!”
น้ำเสียงของเขาไม่สูงนัก แต่มีไอสังหารท่วมท้นทะลักขึ้น ปีกวายุอสนีไหลเวียนด้วยรวงสายฟ้าสีน้ำเงิน อานุภาพน่ากลัว
ในเวลานี้มีเงาร่างมากมายปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณก้นทะเลสาบ เมื่อพวกเขาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างก็ตกใจ ไม่ได้เข้าใกล้ เลือกที่จะมองอยู่ห่างๆ
ขณะเดียวกันพวกเขายังสังเกตเห็นโป่งรากสนสีทองที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาจากพื้นดิน แววตาล้วนแปลกไป
มีวาสนาซุกซ่อนในศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่นี้จริงๆ ด้วย!
“นายน้อยรีบฆ่าเขาเถอะ หาไม่หากมีคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเริ่มลำบากเอา” กลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวส่วนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายกร้าวแกร่งทรงพลัง สายตาชวนสยอง
ดูจากท่าทางของพวกเขา ทั้งหมดล้วนเป็นข้ารับใช้ของสิงอี่เทียน!
“ก็ดี พวกเจ้าจับตาดูคนอื่นๆ ข้าจะไปฆ่าเจ้าบ้านี่” สิงอี่เทียนเอ่ยปากราวกับพูดเรื่องไม่สลักสำคัญ
วู้ม!
เขายกธนูกระดูกขาวขนาดใหญ่ขึ้นมา ขึ้นลูกศรอสนีสีน้ำเงินเข้มบนสายธนู ง้างมันเบาๆ น้ำทะเลสาบหอบม้วนพลิกตลบโดยพลัน
จากนั้นระลอกคลื่นน่าสยองก็ปรากฏขึ้น วิวัฒน์กลายเป็นเงามายาวิญญาณอสนีตนหนึ่ง!
“เฮือก!” ทุกคนสูดหายใจเย็นเยียบ ล้วนจ้องไปที่คันธนูใหญ่ สายธนูสีน้ำเงินเข้มนั่นเป็นดั่งแสงไหลเคลื่อน ปรากฏลายมรรคหนาแน่น แปลกพิศวงหาใดเปรียบ
เงามายาวิญญาณอสนีตนนั้นถูกวิวัฒน์มาจากลายมรรคเหล่านี้ หยัดตระหง่านภาคภูมิในห้วงอากาศ น้ำทะเลสาบล้วนถอยหลีก เงามายาสูงมากกว่าสิบจั้ง เต็มไปด้วยกระแสอสนีคอยปกป้องสิงอี่เทียน
ภาพนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
ทุกคนตระหนักดีว่าธนูใหญ่คันนี้มีที่มาไม่ธรรมดา ส่วนใหญ่มีแต่สมบัติโบราณลึกลับเท่านั้นที่จะแสดงพลังปานนี้ออกมาได้!
หลินสวินเลิกคิ้ว ทั่วร่างทอประกายใส แต่เขาไม่กล้าชะล่าใจ
กลิ่นอายที่สิงอี่เทียนปลดปล่อยออกมานั้น เทียบกับพวกอวี่หลิงคงและซุ่นไป๋เสวียนแล้วก็ไม่ต่างกันเท่าไร เป็นอย่างที่แม่นางเยวี่ยว่า คนๆ นี้ไม่ธรรมดายิ่งนัก
วู้ม!
พูดเหมือนช้าแต่กลับรวดเร็วยิ่ง สิงอี่เทียนง้างสายธนูจนเหมือนพระจันทร์เต็มดวง พาให้กลิ่นอายทั่วตัวเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ปลดปล่อยพายุอสนีเดือดพล่าน วิญญาณอสนีตนนั้นพลันเงยหน้าขึ้นมองเหยียดหยันหลินสวิน
ตู้ม!
ลูกศรสีน้ำเงินเข้มพุ่งออกมา ทำลายขีดจำกัด อานุภาพคับฟ้า!
ดวงตาสีดำของหลินสวินหดรัดลงกะทันหัน ร่างพริบไหวเบี่ยงหลบไปด้านข้าง ลูกศรของคู่ต่อสู้เป็นอาวุธสังหารชิ้นโต แม้ว่าไม่ใช่สมบัติอริยะ แต่พลังของมันกลับเรียกได้ว่าน่าสะพรึง
ในขณะที่เบี่ยงหลบ เขาก็เก็บโป่งรากสนสีทองจากพื้นไปตั้งแต่ต้นแล้ว หาไม่คงถูกศรนี้ทำลายอย่างแน่นอน!
ตู้ม!
ยามเสียงระเบิดน่ากลัวดังขึ้น ลูกศรน้ำเงินเข้มได้พุ่งเข้ามาพาให้ห้วงอากาศระเบิดกระจุย เสียงดังครืนครัน พลิกคลื่นพุ่งโหมสู่ท้องฟ้า
ฉัวะ!
ศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ระเบิดกระจุยกระจาย นี่เป็นเพียงแค่โดนอานุภาพที่กระจายอออกมาของศรนี้กวาดผ่านเท่านั้น
ส่วนลูกศรสีน้ำเงินเข้มนั้นพุ่งเข้าหาหลินสวินตั้งแต่ต้น ที่แปลกคือมันเหมือนกับมีวิญญาณ ไม่ว่าหลินสวินหลบไปทางใดมันล้วนตามกัดไม่ปล่อย!
หลินสวินเห็นดังนี้แววตาก็ทอประกาย บริเวณกระดูกสันหลังราวกับบิดตัวราวกับมังกรใหญ่ ง้างมือปลดปล่อยหมัดอานุภาพแพรวพราวออกมา ซัดสะเทือนศรดอกนี้
ตู้ม!
เมื่อสองฝ่ายปะทะกัน แสงเรืองรองเดือดพล่านซ่านเซ็น พาให้ที่แห่งนี้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ พายุอสนีดั่งกระแสน้ำ สุดท้ายพลังหมัดแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลายเป็นละอองแสง
ส่วนลูกศรก็ถูกซัดสะเทือน ส่งเสียงร้องโหยหวน พุ่งกลับไปที่มือของสิงอี่เทียนทันที
ในระยะไกล ในใจทุกคนตกตะลึง ลูกศรนี้ชวนทึ่งและน่ากลัวปานใด หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาคงถูกต้านทานไม่ไหวอย่างแน่นอน แต่ยามนี้เด็กหนุ่มนั่นกลับใช้หมัดเปล่าสลายการโจมตีครั้งนี้!
“น่าสนใจ” นิ้วมือขวาทั้งห้าของหลินสวินชาหนึบ เอ็นกระดูกเริ่มปวดรางๆ จุดนี้พาให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก
เขายิ่งตระหนักมากขึ้นว่าที่มาของคันธนูและลูกศรในมือสิงอี่เทียนนั้นยิ่งใหญ่นัก ในใจก็ไม่ได้ดูเบา
“เฮอะ! สกัดลูกศรมือเปล่าหรือ น่าเสียดาย ลูกศรของข้าใช้พลังเพียงสามส่วนเท่านั้น ข้าล่ะอยากดูนักว่าต่อไปเจ้ายังจะสกัดมันได้หรือไม่!”
สิงอี่เทียนหัวเราะเยาะ เจือความหยิ่งผยองและดูแคลน
ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปต่างหวาดผวา สิงอี่เทียนเอาแต่ใจและหยิ่งผยองสมคำเล่าลือจริงเสียด้วย หากเมื่อครู่ลูกธนูมีพลังเพียงสามส่วนจริงๆ เช่นนั้นถ้าเขาแสดงพลังทั้งหมดออกมามันจะน่ากลัวปานใด
ตู้ม!
ลมฟ้าโหมกระหน่ำ ลูกศรสีน้ำเงินเข้มก็โฉบออกมาอีกครั้ง พัดโหมพายุคะนองอันน่ากลัว ประกายสายฟ้าสว่างเจิดจ้า ท่วมกลบพื้นที่แห่งนี้ไว้มิด
ลูกศรนี้ถูกเพิ่มพลังมหามรรคลงไป แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่อักโข!
มองจากไกลๆ มันเกือบจะเหมือนกับอสนีเคราะห์ที่เคลื่อนแหวกห้วงอากาศออกไป หากเปลี่ยนเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั่วไปจะต้องถูกบดขยี้ในศรเดียวอย่างแน่นอน!
นี่ยังจะต้านทานได้อย่างไร
“หลีก!”
หลินสวินร้องเสียงขรึม พลังหมัดเรียบง่ายเวิ้งว้างสั่นสะเทือนฟ้าดิน สำแดงความเร้นลับดั้งเดิมของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์
ห้วงอากาศพังทลายลงกะทันหัน พลังหมัดนั้นแทบจะเหมือนกับสัญลักษณ์มหามรรค เผยกลิ่นอายหวนกลับสู่ธรรมชาติดั้งเดิม ขวางสกัดศรนี้เอาไว้
ตู้ม!
บริเวณนั้นหวีดคำราม ก้นทะเลสาบปั่นป่วน เหมือนน้ำในหม้อที่เดือดปุดๆ
ในที่สุดศรนี้ก็ถูกสกัดกั้น พลังถูกสลาย เพียงแต่ตอนที่หลินสวินจะกักขังศรนี้ไว้ ลูกศรนั้นก็พริบไหวแปลกประหลาด และย้อนกลับไปที่มือของสิงอี่เทียนอีกครั้ง
ศรดี!
หลินสวินยืนอยู่ที่นั่น แต่ในใจตัดสินได้คร่าวๆ ว่าพลังของลูกศรนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าศรนภาครามของตนเลย!
ในเวลาเดียวกันสีหน้าสิงอี่เทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ครั้งแรกที่ถูกหยุดไว้ได้อาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งที่สองก็ยังถูกสลายพลังอีก นี่ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้คันธนูและศรคู่นี้ยิงสังหารราชันกึ่งระดับที่แท้จริงมาแล้ว!
จุดนี้คือสิ่งที่ทำให้เขากล้าเสี่ยงมายังก้นทะเลสาบสีเงินนี้ ต่อให้จะมีคู่ต่อสู้เป็นพวกราชันกึ่งระดับทั้งกลุ่ม เขาก็ไม่เคยหวั่นกลัว
แต่ยามนี้เขากลับมองหลินสวินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ออก
“เจ้าเหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้ว?” สิงอี่เทียนขมวดคิ้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์