อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงระดับราชัน!
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าหนีไม่รอดหรอก ในสายตาระดับราชันพวกเจ้าก็เป็นแค่มดปลวก ถ้าเจ้าฉลาดก็ควรไสหัวมาให้ข้าอย่างว่าง่ายเป็นดีที่สุด”
อสูรเฒ่าแรดดำก้าวเข้ามาในค่ายกลกระบวนผนึกใหญ่ สีหน้าเขาเย็นเยียบ ดวงตาสาดประกาย มองสำรวจกระบวนผนึกใหญ่นี้
ก็แค่เท่านี้!
เขาหัวเราะเยาะในใจ ไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นอายใดๆ ที่พอจะคุกคามตนได้ สิ่งนี้ยิ่งพาให้เขามั่นใจหายห่วงมากขึ้น
สิ่งเดียวที่พาให้เขาขมวดคิ้วก็คือ หลังจากเข้าสู่กระบวนผนึกนี้สี่ทิศล้วนเวิ้งว้าง ถึงขั้นไม่สามารถจับกลิ่นอายของหลินสวินได้อีก
ตูม!
เขาย่างเท้าออกไปหนึ่งก้าว ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน ห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยง พลังของราชันอันไร้รูปปลดปล่อยออกไป หอบม้วนแปดทิศทาง
เขาไม่เข้าใจกระบวนผนึก แต่กลับรู้ดีว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่แท้จริง ทุกอย่างจะไม่สามารถขวางกั้นฝีก้าวของตนได้!
ส่วนการทำลายกระบวนผนึกนั้นง่ายเกินไป แค่ทุ่มแรงไปคราเดียวก็เพียงพอแล้ว!
ในยามนี้เงาร่างของอสูรเฒ่าแรดดำดูเหมือนจะสูงใหญ่ไร้ขีดจำกัด พลังระดับราชันกระจายแผ่กว้าง เสียงมรรคสนั่นสั่นไหว แสงมรรคกระจายออกไปดั่งกระแสน้ำ
ทันใดนั้นกระบวนผนึกใหญ่นี้ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฟ้าดินเปลี่ยนสี ส่งเสียงคำรามก้องกระหึ่มเป็นระลอกคล้ายจะพังทลาย
“เจ้าเด็กเหลือขอ ก่อนที่กระบวนผนึกนี้จะถูกทำลาย หากเจ้ายังไม่ยอมเป็นฝ่ายโผล่หัวมาไถ่โทษ ข้ารับรองว่าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติการตายทั้งเป็น!”
อสูรเฒ่าแรดดำตะโกน เสียงสะท้านประหนึ่งท่วงทำนองแห่งมรรค
สิ่งที่พาให้เขาประหลาดใจคือ ทั่วทั้งสี่ทิศนอกจากเสียงกึกก้องปั่นป่วนของกระบวนผนึกใหญ่แล้ว เขาก็ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของหลินสวินแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ตายก็ไม่ยอมก้มหัวหรือ”
อสูรเฒ่าแรดดำพึมพำกับตัวเอง กดฝ่ามือลงในห้วงอากาศ เสียงกึกก้องดังขึ้นคราหนึ่ง พยับเมฆสีเขียวเข้มที่วิวัฒน์จากลายมรรคก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กดอัดห้วงอากาศ
พื้นที่ทั้งหมดเหมือนกลายเป็นบ้านฟางที่อยู่ในพายุรุนแรง อาจถูกทำลายให้สิ้นซากได้ทุกเมื่อ
แต่สิ่งที่ทำให้อสูรเฒ่าแรดดำขมวดคิ้วคือกระบวนผนึกใหญ่นี้ดูคล้ายโงนเงนสั่นคลอน แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
‘ข้าใช้พละกำลังไปสี่ส่วนแล้ว เหตุใดแม้แต่กระบวนผนึกวิญญาณกระบวนเดียวยังทำลายไม่ได้ หรือว่า…’ อสูรเฒ่าแรดดำนึกถึงตรงนี้ดวงตาก็หดรัดทันที ‘นี่คือกระบวนผนึกมรรคราชันหรือ’
ตู้ม!
และยามนี้เอง ท่ามกลางบรรยากาศสี่ทิศที่เวิ้งว้าง รอยสลักวิญญาณหนาแน่นราวกับกระแสน้ำก็หลั่งไหลเข้ามากลางฟ้าดินดุจกระแสน้ำ
ความผันผวนของกระบวนผนึกที่พร่างพราวและลุกโชนก็แผ่ขยายออกไป ครอบฟ้าคลุมดินพาให้กระบวนผนึกใหญ่นี้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง
“นี่…” ใบหน้าของอสูรเฒ่าแรดดำเปลี่ยนไปเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่คุกคามตนแผ่ครอบลงมา
ติดกับแล้ว!
โดยไม่ลังเลใดๆ ร่างของเขาพริบไหวพุ่งวกกลับไปยังทางเดิม พลังระดับราชันถูกโคจรอย่างเต็มที่ พาให้ทั้งตัวอบอวลแสงดำน้ำหมึก อานุภาพคับฟ้า
แต่ยังไม่ทันพุ่งออกไป รอยสลักวิญญาณทั่วฟ้าที่ควบรวมก็วิวัฒน์กลายเป็นเสือขาวยาวหลายร้อยจั้ง คำรามและพุ่งแหวกห้วงอากาศ
เสือขาวตัวนี้น่ากลัวเกินไป นัยน์ตาสีทองอร่าม ร่างกายใหญ่โต แผ่ไอสังหารที่ทำลายล้างฟ้าดินออกมา เพียงตะปบอุ้งเท้าคราหนึ่งก็ฉีกทึ้งห้วงอากาศ
เสียงปึงดังขึ้นคราหนึ่ง ระหว่างที่ไม่ทันตั้งตัวอสูรเฒ่าแรดดำก็ถูกตะปบกระเด็นออกไป เงาร่างซวนเซ เห็นชัดว่าสะบักสะบอมยิ่ง
“แม่งเอ๊ย! ดันเป็นกระบวนผนึกมรรคราชัน!”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม โกรธจนเกือบจะแหกปากตะโกนด่า ไม่คาดคิดมาก่อนว่าด้านข้างของทะเลสาบนี้จะถึงกับซุ่มซ่อนค่ายกลสังหารขนาดใหญ่เช่นนี้
สวบ!
ร่างของเขาพริบไหว ไม่กล้าเข้าปะทะ พุ่งโฉบไปอีกด้านหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็เรียกยอดศาสตรามรรคราชันของตนออกมา…
ไม้ตะบองยักษ์กระดูกขาว
สมบัติชิ้นนี้มีประวัติยาวนาน สร้างจากกระดูกอสูรเก้าตาสัตว์เทพในสมัยบรรพกาล มีอานุภาพแหวกภูเขาฉีกทึ้งสมุทร
ฮูม!
วิหคชาดที่มีปีกสีแดงเพลิงบินโฉบออกมา ส่งเสียงร้องใส ร่างกายที่โค้งงออย่างสมบูรณ์สาดแสงเพลิงอันไม่มีที่สิ้นสุดออกมา ถล่มโลกให้กลายเป็นดินแดนแห่งไฟ
ตู้ม!
อสูรเฒ่าแรดดำกระชับตะบองยักษ์แล้วซัดกระแทกออกไปโดยไม่ลังเล
ทะเลเพลิงแตกสลาย แต่วิหคชาดไม่ได้รับผลกระทบ เคลื่อนตัดกลางอากาศพุ่งสังหารเข้ามา ปีกของมันเหมือนดาบไฟคู่หนึ่งฟันฉับลงมา กร้าวแกร่งเผด็จการ มีอานุภาพเผาไหม้จักรวาล
แม้อสูรเฒ่าแรดดำจะต่อต้านสุดแรงเกิด แต่กลับถูกเผาจนเนื้อหนังถลอกปอกเปิกไหม้เกรียมทั่วร่าง ส่งเสียงร้องอนาถเหมือนหมูถูกเชือดก็ไม่ปาน
“แม่งเอ๊ย! นี่มันค่ายกลแบบไหนกัน เหตุใดถึงน่ากลัวเพียงนี้”
อสูรเฒ่าแรดดำคำรามเดือดดาล แต่สุดท้ายก็ไม่อาจไม่ย่อตัวป้องหัว พุ่งหนีไปทางอื่น
ก่อนหน้านี้เขายิ่งใหญ่คับฟ้า มีชื่อเสียงทั่วโลกหล้า เย่อหยิ่งลำพองตนวางท่าเป็นนายเหนือหัว
แต่ตอนนี้กลับแหกปากร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ผมเผ้าเคราหนวดทั้งหมดถูกเผาเกลี้ยง หนีอุตลุดหมดสภาพเหมือนผีตัวดำ หากถูกผู้ฝึกปราณด้านนอกเห็นเข้าคงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเป็นอันขาด
ภายนอกกระบวนผนึก หลินสวินบังคับจานกระบวนควบคุมค่ายกลใหญ่ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
แต่พวกโค่วซิงต่างพากันปากอ้าตาค้างตั้งนานแล้ว หัวใจสั่นสะท้าน นี่คือราชันที่แท้จริงเชียวนะ!
แต่ตอนนี้กลับติดแหง็กอยู่ในกระบวนผนึก ตกที่นั่งลำบากและเสี่ยงอันตราย สิ่งนี้พาให้ผู้คนไม่อาจเชื่อ น่าตระหนกตกใจเกินไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์