หลินสวินใคร่ครวญ เขาสังเกตได้อย่างว่องไวว่าเจ้าคนที่ชื่อหยางเทียนฉีนี้เหมือนจะผูกใจแค้นตน
เพราะแม่นางเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ หรือ
“สิ่งที่เห็นใช่ว่าจะเป็นความจริง ถ้าอยากตัดสิน ความจริงง่ายมาก”
ตอนที่หยางเทียนฉีพูด จู่ๆ ก็ก้าวออกมา รวมนิ้วเป็นกระบี่แทงไปที่หว่างคิ้วของหลินสวินโดยพลัน
นี่กะทันหันมาก ใครก็คงคิดไม่ถึงว่าหยางเทียนฉีคิดจะลงมือก็ลงมือเลย ไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้าสักนิด
นี่ก็สามารถดูออกว่าอุปนิสัยของเขาเผด็จการและเอาแต่ใจแค่ไหน!
ฉึก!
หยางเทียนฉีฝ่ามือเรียวยาวขาวเนียน ประสานนิ้วเป็นกระบี่ แหลมคมบาดตา ราวกับสายฟ้าที่ไหววูบออกมาอย่างกะทันหัน เฉียบคมและตรงไปตรงมา
ห้วงอากาศถูกฉีกออก
ระยะห่างระหว่างเขากับหลินสวินมีไม่ถึงครึ่งจั้ง และตอนนี้ยังลงมือกะทันหัน เป็นใครก็คงตอบสนองไม่ทัน
แม้แต่หลินสวินเองก็คิดไม่ถึง ตอนที่มีปฏิกิริยา นิ้วกระบี่ของอีกฝ่ายก็เข้าใกล้หว่างคิ้วแล้ว!
เปลวไฟอันแหลมคมของปลายนิ้วนั่นกลืนกิน ควบรวมเจตกระบี่ที่กระชับและบริสุทธิ์ที่สุด ราวกับสามารถแทงทะลุสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้
พลังต่อสู้ของหยางเทียนฉีน่ากลัวถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้เป็นการโจมตีกะทันหัน วิชาดรรชนีที่น่ากลัวระดับนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถสำแดงออกมาได้
ในช่วงวิกฤตอันตรายอย่างที่สุดนี้ เงาร่างของหลินสวินถอยร่นโดยพลัน พร้อมกับกางฝ่ามือขึ้นกลางอากาศ ราวกับเค้นประทับดอกบัวโจมตีเข้าไปฉับพลัน
ชั่วพริบตานั้นประหนึ่งดอกบัวสีดำดอกหนึ่งถือกำเนิดขึ้นกลางอากาศ ขวางกั้นอยู่ตรงหน้านิ้วกระบี่นั่นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
ปัง!
ทั้งสองปะทะกัน ปลดปล่อยประกายศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวออกมา
ตึกๆๆ หลินสวินถอยหลังออกไป หลังมือขวาของเขามีรอยเลือดเป็นเส้นตรงที่เลือดไหลหยดออกมา
อย่างไรการโจมตีนี้ก็เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้แม้หลินสวินจะสกัดกั้นไว้ได้ แต่มือก็ถูกกรีดเป็นแผลอย่างไม่อาจเลี่ยง
นี่ทำให้ดวงตาดำของเขาวาบแววเยียบเย็นออกมาทันที การโจมตีเมื่อครู่นี้หากเขาตอบสนองช้าอีกเพียงเสี้ยวเดียว จุดจบนั้นไม่อยากจะคิด!
“หืม ขวางการโจมตีของข้าไว้ได้งั้นหรือ” หยางเทียนฉีเหมือนแปลกใจมาก เลิกคิ้วขึ้น ภายในนัยน์ตามีเปลวเพลิงพลุ่งพล่าน ผมยาวทั่วศีรษะพลิ้วไหว บุคลิกราวกับเทพที่เผด็จการไร้ที่เปรียบ
“รับการโจมตีของข้าอีกที!” เขาตะเบ็งเสียงออกมา
“หยุด!” เยวี่ยไฉ่เวยสีหน้าเย็นเยียบอึมครึม ตะโกนออกมา
“ศิษย์น้องเยวี่ย เพราะเหตุใด ข้ากำลังช่วยเจ้าหยั่งเชิงรากฐานพลังของคนผู้นี้อยู่ เจ้าจะได้ไม่ถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว” หยางเทียนฉีพูดอย่างจนใจอยู่บ้าง
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่การกระทำของเขากลับไม่ชักช้า เงาร่างราวกับสายฟ้า เปลี่ยนนิ้วเป็นฝ่ามือ ตบออกไปกลางอากาศโดยพลัน
ปัง!
ลมฟ้าคำรามสั่นสะเทือน เปลวเพลิงทะยานฟ้าหลอมเป็นประทับฝ่ามือ ผลาญอากาศจนมอดไหม้
ความรุนแรงของอานุภาพทำให้เครื่องตกแต่งทั้งห้องโถงแหลกละเอียด ส่งเสียงระเบิดแสบหู
การโจมตีนี้เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้!
ในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็เคลื่อนไหวแล้ว แม้การโจมตีก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงแค่แผลภายนอก ไม่เจ็บไม่คัน แต่การโจมตีนี้กลับกระตุ้นเพลิงโทสะของเขา
เจอกันครั้งแรกยังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กัน อีกฝ่ายคิดจะลงมือก็ลงมือ ท่าทางเผด็จการและหยิ่งผยองเช่นนี้ใครจะทนได้
หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เขาตอบสนองทัน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ดังนั้นตอนนี้หลินสวินเองก็เดือดดาลแล้ว
ตูม!
ฝ่ามือของเขากดลงกลางอากาศ เผยความเร้นลับของวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิงออกมา ธารดาราเปลวเพลิงสายหนึ่งแผ่ออกกลางอากาศ
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะปะทะกัน เงาร่างของผู้อาวุโสคูจิ้งก็ปรากฏขึ้นระหว่างทั้งคู่กะทันหัน เพียงสะบัดแขนเสื้อคราเดียว พลังมหามรรคอันยิ่งใหญ่ไม่อาจต้านทานแผ่กระจาย สลายการโจมตีของทั้งสองจนไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา
“อาจารย์ลุงคูจิ้ง นี่ท่าน?” หยางเทียนฉีขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก
หลินสวินลอบถอนหายใจ แต่ก็ไม่ชอบใจนัก ทว่าเขารู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ถูกกำหนดให้ยากจะดำเนินต่อแล้ว
“เทียนฉี เจ้าเสียมารยาทแล้ว” คูจิ้งสีหน้าอบอุ่น แต่กลับแฝงความเคร่งขรึมที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ “นี่ไม่ใช่วิธีรับแขกของลัทธิไร้สวรรค์ของเรา”
“ข้า…” หยางเทียนฉีสายตาวูบไหว พลันพูด “ข้าเองก็หวังดี ทำเพื่อศิษย์น้องเยวี่ยอยู่”
“หยางเทียนฉี ข้าให้ท่านคิดแทนข้าตั้งแต่เมื่อไหร่” เยวี่ยไฉ่เวยสีหน้าจริงจัง นางเองก็โกรธแล้ว “ลอบทำร้ายสหายของข้าต่อหน้าข้า นี่เรียกว่าความหวังดีของท่านหรือ”
หยางเทียนฉีรีบอธิบายว่า “ศิษย์น้องเยวี่ย เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เจ้าควรเข้าใจความหมายของข้า ไม่ว่าทำอะไรข้าก็ล้วนหวังดีกับเจ้า”
เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจท่าทีของเยวี่ยไฉ่เวยมาก
เพียงแต่เยวี่ยไฉ่เวยสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจเขาอีก นี่ทำให้เขาอดลำบากใจไม่ได้ รู้สึกอึดอัดไม่น้อย เพราะฉะนั้นสายตาที่มองหลินสวินจึงยิ่งดูขัดหูขัดตา
นี่ไร้สาระมาก แต่ในสายตาของหยางเทียนฉี เขาเพียงหยั่งเชิงรากฐานของหลินสวินเท่านั้น เยวี่ยไฉ่เวยกลับโกรธเขาเพราะเรื่องนี้ ทำให้เขาไม่พอใจมาก
“หลินสวิน ข้าขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อครู่นี้” เยวี่ยไฉ่เวยไปขอโทษหลินสวินด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ไม่เกี่ยวกับเจ้า” หลินสวินยิ้มพูด
“ข้าทำแผลให้เจ้า” เยวี่ยไฉ่เวยหยิบยาขวดหนึ่งออกมาและจับมือของหลินสวินไปทำแผลบนหลังมือให้เขา
หลินสวินไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ปล่อยให้เป็นเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์