Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 985

ตอนที่ 985 บรรดาผู้กล้าในใต้หล้า
สุดท้ายหลินสวินก็รับปากอย่างยินดี

ก่อนหน้านี้ใต้ทะเลสาบหาดดาราขจร เขาเคยขุดเจอโอสถราชันที่อัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมาสามต้น นี่เป็นผลเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ที่ไม่อาจประเมินค่าเลยทีเดียว

ในเมื่องานประเมินหินเกี่ยวข้องกับศิลาอุกกาบาต หลินสวินเองก็อยากไปเสี่ยงโชคสักหน่อย

เกาเทียนอีพอใจมาก ไม่นานก็รวบรวมแกนวิญญาณขั้นสูงหนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นมาให้หลินสวิน ในขณะเดียวกันก็ให้ป้ายคำสั่งมาด้วยแผ่นหนึ่ง

ด้วยป้ายคำสั่งนี้ หลินสวินสามารถเลือกศิลาอุกกาบาตที่มูลค่าเทียบเท่าแกนวิญญาณขั้นสูงสี่หมื่นชิ้นในงานประเมินหินมาผ่า

ทีแรกเกาเทียนอีจะให้คนติดตามหลินสวินไป แต่ถูกหลินสวินปฏิเสธ

……

เที่ยงวันนั้นหลินสวินออกจากหอประสานฟ้า

งานประเมินทรัพย์ตั้งอยู่บนชานเมือง ติดกับฝั่งแม่น้ำพรมแดน เป็นสวนที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่มาก

หลายวันมานี้เพราะแม่น้ำพรมแดนแปรเปลี่ยน ทำให้เมืองเพลิงมรกตเองก็คึกคักอย่างมาก มีผู้ฝึกปราณจากพื้นที่ต่างๆ มาเยือนทุกวัน

หลินสวินรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้เป็นพิเศษเมื่อเดินอยู่บนถนนที่ครึกครื้นในเวลานี้

“ได้ยินข่าวหรือยัง ฉู่เป่ยไห่บุตรเทพรุ่นปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะมาถึงที่นี่ตอนเที่ยง เพื่อร่วมงานประเมินหิน”

“จริงหรือนี่ บุคคลแห่งยุคผู้นี้ออกด่านแล้วหรือ”

“ได้ยินว่าเพราะงานประเมินหินครั้งนี้ปรากฏหินอัศจรรย์ชิ้นหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของฉู่เป่ยไห่”

บนถนนถกชื่อ ‘ฉู่เป่ยไห่’ อยู่ทุกที่ ไม่อยากดึงดูดความสนใจของหลินสวินยังยาก

เมืองเพลิงมรกตเป็นเพียงแค่เมืองอันห่างไกลแห่งหนึ่งในแคว้นกู่ชาง แต่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นี้เป็นถึงสำนักโบราณอันดับหนึ่งของแคว้นกู่ชาง!

นอกจากนี้ทั่วทั้งแดนชัยบูรพา แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เองก็มีชื่อเสียงอย่างมาก อิทธิพลยิ่งใหญ่เป็นที่สุด รากฐานของสำนักนี้สามารถย้อนไปถึงสมัยบรรพกาลได้

ในฐานะบุตรเทพรุ่นปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แน่นอนว่าฉู่เป่ยไห่คนนี้จะต้องเป็นบุคคลชั้นยอดที่ชื่อเสียงสะเทือนแคว้นกู่ชาง

ไม่จำเป็นต้องสืบหลินสวินก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับฉู่เป่ยไห่จากคำวิจารณ์เหล่านั้นบ้างแล้ว

คนผู้นี้ไม่ธรรมดา พรสวรรค์โดดเด่น แข็งแกร่งอย่างมาก

เขาฝึกปราณตั้งแต่อายุสามปี ฝากตัวเป็นศิษย์ผู้อาวุโสคนหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่ปลีกวิเวกไม่เผยตัว ตอนอายุสิบห้าปีก็ได้บรรลุสู่ระดับกระบวนแปรจุติแล้ว จากนั้นกลายเป็นผู้กล้าโดดเด่นที่เจิดจ้าที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแคว้นกู่ชาง

พลังต่อสู้ของเขาน่ากลัวอย่างที่สุด ‘คัมภีร์แกนสวรรค์ดาราอุดร’ ที่ฝึกเร้นลับยากจะคาดเดา พลังโจมตีตะลึงโลก เป็นคัมภีร์สมบัติมหามรรคที่แท้จริง

ลือกันว่าอัจฉริยะอย่างฉู่เป่ยไห่ เมื่อสงครามมหายุคมาเยือนจะต้องมีที่ยืนบนกระดานทองคำผู้กล้าอย่างแน่นอน

การวิจารณ์นี้น่าตกใจมาก!

“ความยิ่งใหญ่ของแดนชัยบูรพาครอบคลุมหนึ่งหมื่นเก้าพันแคว้น เป็นแหล่งกำเนิดของดินแดนรกร้างโบราณ มีสำนักโบราณไม่รู้เท่าไหร่ตั้งอยู่ ผู้กล้ายิ่งมากจนนับไม่ถ้วน ฉู่เป่ยไห่คนนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลแห่งยุค แต่อิทธิพลนั้นเกรงว่าจะจำกัดแค่ในไม่กี่แคว้น”

จู่ๆ ข้างหูหลินสวินก็ได้ยินเสียงวิจารณ์ของชายชราคนหนึ่ง “หากจะบอกว่าเขาสามารถเบียดตัวเข้าไปอยู่ในกระดานทองคำผู้กล้าตอนที่สงครามมหายุคมาเยือน ก็พูดได้เพียงว่ามีหวังเท่านั้น”

ชายชราคนนี้ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ท่าทางดูสบายๆ แต่มีความน่าเกรงขามที่มองไม่เห็น หากไม่สัมผัสอย่างละเอียดก็ไม่สามารถรับรู้ได้

“ผู้เฒ่า คำพูดนี้ของท่านเกินจริงไปหรือเปล่า เช่นนั้นท่านคิดว่าในบรรดาคนรุ่นเยาว์แดนชัยบูรพา ใครที่สามารถเรียกได้ว่าชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้าโดยไม่จำกัดเพียงแค่ไม่กี่แคว้น” มีคนไม่พอใจถามพึมพออกมา

ชายชราพูดเรียบๆ “ในบรรดาคนรุ่นเยาว์มีบุคคลที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้ามากมายถมไป อย่างเช่นหวังเสวียนอวี๋ผู้สืบทอดสำนักเอกอุ หมีเหิงเจินผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เย่หมัวเฮอผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิด…”

ตอนเอ่ยชื่อหวังเสวียนอวี๋ รอบๆ พลันมีเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้น ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

พอได้ยินคำว่าหมีเหิงเจิน สีหน้าของผู้ฝึกปราณเปลี่ยนแปลงไปไม่มั่นคง แฝงความตกใจที่ยากจะปกปิด

และตอนที่ได้ยินชื่อเย่หมัวเฮอ บรรยากาศในที่นั้นก็เงียบไปไม่น้อย

หลินสวินเพิ่งมาถึงแดนชัยบูรพา ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกอันกว้างใหญ่ที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งกำเนิดแห่งเหล่าอริยะเลย สองตาล้วนมืดมน

เพราะฉะนั้นตอนที่ได้ยินสามชื่อนี้จึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

แต่พอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าของผู้ฝึกปราณที่อยู่รอบๆ เขาพลันตระหนักได้ว่า ทั้งสามชื่อนี้คงเป็นชื่อบุคคลแห่งยุคชั้นยอดสามคนที่ชื่อเสียงเพียงพอจะสะเทือนแดนชัยบูรพา!

“พวกเจ้ารู้สึกว่าทั้งสามคนนี้เทียบกับฉู่เป่ยไห่แล้วเป็นอย่างไร” สีหน้าของชายชราเรียบเฉย

ทุกคนพูดไม่ออก ต่างเงียบสนิท

สำนักเอกอุตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกอันไกลพ้นของแดนชัยบูรพา แต่ชื่อของผู้สืบทอดแห่งสำนักอย่างหวังเสวียนอวี๋กลับสามารถแพร่มาถึงแคว้นกู่ชางที่อยู่ทางริมทิศตะวันตกนี้ได้ จากเรื่องนี้ก็สามารถรู้ถึงความไม่ธรรมดาของคนผู้นี้

ส่วนหมีเหิงเจินผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เย่หมัวเฮอผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิด เมื่อเทียบกับหวังเสวียนอวี๋แล้วก็ห่างไม่มาก

แต่เมื่อเทียบกันทั้งสาม ชื่อเสียงของฉู่เป่ยไห่กลับอยู่ห่างไกลยิ่งนัก

“นี่เพียงแค่ชื่อเสียงเท่านั้น หากจะสู้กันจริงๆ ไม่เห็นว่าฉู่เป่ยไห่จะสู้พวกเขาไม่ได้” มีคนอดเถียงไม่ได้

“เจ้าพูดถูก ชื่อเสียงเป็นเพียงแค่ศักยภาพส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ศักยภาพทั้งหมด เมื่อสงครามมหายุคมาเยือน การต่อสู้มหามรรคเริ่มขึ้น ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอย่อมสามารถแยกแยะสูงต่ำออกมาได้”

ชายชราสีหน้าเรียบเฉยมาโดยตลอด คำพูดก็ผ่อนคลายอย่างมาก เพียงแต่ตอนที่พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ส่ายหน้า ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

“เสียดาย มหาสงครามเป็นการต่อสู้แห่งความเป็นความตาย ในโลกแม้ผู้กล้าจะมาก แต่ส่วนใหญ่จะกลายเป็นหินปูทางของคนอื่นเท่านั้น!”

หลังจากนั้น จู่ๆ เงาร่างของเขาก็หายแวบไป ราวกับระเหยไปกลางอากาศ

หินปูทาง!

ในใจหลินสวินสะท้าน ขุนพลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือได้นั้น จะต้องมีทหารที่เสียสละชีวิตเป็นจำนวนมาก แล้วนับประสาอะไรกับการต่อสู้ระหว่างผู้กล้าทั่วหล้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์