เห็นได้ชัดว่านี่เป็นลูกหลานตระกูลร่ำรวยคนหนึ่ง ข้างกายยังมีสาวใช้วัยแรกแย้มคู่หนึ่งคอยรินเหล้าและคีบอาหาร ปรนนิบัติอย่างไม่ขาดตก
ก่อนหน้านี้เป็นเขานี่แหละที่บอกว่าสามารถสังหารเทพมารหลินได้อย่างง่ายดายเหมือนเชือดไก่
“สหายคนนี้พูดเกินไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรการที่เทพมารหลินนั่นฆ่าอสูรเฒ่าแรดดำซึ่งเป็นบุคคลในระดับราชันได้ ย่อมไม่ธรรมดา” มีคนไม่เห็นด้วย
ชายชุดดำหลุดขำ “เพราะเจ้าไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นแม้อสูรเฒ่าแรดดำจะเป็นราชัน แต่กลับเป็นราชันปลอม พึ่งจะก้าวสู่ระดับราชันสิบกว่าปีเท่านั้น ถือว่าเป็นราชันที่อ่อนแอที่สุด ถูกสังหารไปก็ไม่มีอะไรน่าตกใจ”
เขาผ่อนคลายมาก การพูดจาเผยความย่ามใจเต็มประดา
นี่ทำให้หลายคนดูแล้วขัดตาพลันพูดว่า “ราชันก็คือราชัน แม้จะเป็นราชันที่อ่อนแอที่สุด ก็ใช่ว่าใครจะสามารถวิจารณ์ได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นหากเทพมารหลินนั่นอยู่ เจ้ายังกล้าพูดเช่นนี้หรือ”
ชายชุดดำดื่มเหล้าจอกหนึ่งอย่างสบายๆ พูดเรียบๆ “เท่าที่ข้ารู้ พลังปราณของเขาอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น การจะสังหารเขาง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ข้าไม่เพียงกล้าพูดเช่นนี้ ยังกล้ากำจัดเขาให้สิ้นซากภายในฝ่ามือเดียว!”
หลินสวินอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก อดเหลือบมองคนผู้นี้ปราดหนึ่งไม่ได้ เจ้าหมอนี่กลิ่นอายเย้ายวน แม้ไม่ได้เผยความเผด็จการและอวดดีอันใด แต่กลับดูเย่อหยิ่งและจองหองอย่างที่สุด
ความย่ามใจเช่นนี้ชวนให้รู้สึกเอือมระอามากจริงๆ พลันมีคนพูดว่า “เทพมารหลินที่มาจากแดนฐิติประจิมคนนี้เป็นเพียงแค่คนหนุ่มคนหนึ่ง พลังปราณก็บรรลุสู่ระดับกระบวนแปรจุติแล้ว นี่ก็น่าตกใจมากแล้ว ขอถามหน่อยว่าสหายเจ้าอยู่ในระดับใด”
“ข้าผู้ไร้สามารถ ก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติตอนอายุสิบสี่” ชายชุดดำพูดสบายๆ
ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างตะลึง ตระหนักได้ว่าชายชุดดำจะต้องเป็นบุคคลแห่งยุคคนหนึ่งอย่างแน่นอน มิน่าถึงได้กล้าจองหองเช่นนี้
“ขอถามว่าคุณชายมีนามว่าอะไร” มีคนอดถามไม่ได้
“หนานกงสุ่ย”
“ใช่หนานกงสุ่ยแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หรือไม่”
“ฮ่าๆ หรือบนโลกนี้ยังมีข้าคนที่สองด้วยหรือ” ชายชุดดำยิ้ม มุมปากปรากฏองศาเย่อหยิ่ง
“ถึงว่า ที่แท้ก็เป็นหนานกงสุ่ยหนึ่งในหกผู้สืบทอดแท้จริงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ในแคว้นกู่ชางน้อยมากที่จะมีคนรุ่นเดียวกันสู้เขาได้”
“คู่ผู้กล้าตระกูลหนานกง พี่ชายหนานกงสุ่ย น้องชายหนานกงหั่ว ปัจจุบันล้วนเป็นบุคคลที่สะดุดตาในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์”
ทุกคนในหอสุราอุทานด้วยความตกใจ วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เห็นได้ชัดว่าล้วนเคยได้ยินเรื่องของหนานกงสุ่ย
แต่หลินสวินกลับอึ้งงันไป
จู่ๆ เขาก็นึกถึงตอนที่อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เคยส่งคนมาเยือนโลกชั้นล่างและไปถึงสำนักศึกษามฤคมรกต
หนานกงหั่วก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนนั้นข้ารับใช้คนหนึ่งที่ติดตามหนานกงหั่ว เล่นงานลูกศิษย์สำนักศึกษามฤคมรกตจนไม่มีใครสามารถต้านทานได้
จากนั้นก็เพราะตนลงมือ จึงกำราบพวกเขาได้
หลินสวินจำได้แม่นว่า ตอนนั้นหนานกงหั่วเองก็หยิ่งผยองมากเช่นกัน แต่กลับถูกตนเตะจนก้นลาย แทบคลั่งอยู่แล้ว
สุดท้ายเพราะสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ชื่อเยวี่ยซิวออกหน้าไกล่เกลี่ย จึงคลี่คลายสถานการณ์ตอนนั้นได้
สิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ กลับเจอพี่ชายของหนานกงหั่วที่นี่!
‘หรืออีกฝ่ายเดาฐานะของข้าออกแล้ว จึงแสดงท่าทีดูถูกข้าเช่นนี้’ หลินสวินใคร่ครวญ
……
ช่วงบ่าย งานประเมินหินเริ่มขึ้นตามกำหนด
บริเวณชานเมืองพลันคึกคักขึ้นมาในชั่วขณะ ท้องฟ้ามีรุ้งศักดิ์สิทธิ์บินออกมาเป็นระยะๆ ผู้คนแออัด ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์
พวกเขาต่างเร่งรีบไปที่สวนขนาดใหญ่แห่งนั้น
หลินสวินเองก็มาแล้ว เพียงแต่เขาในตอนนี้กลับอยู่ในชุดภิกษุสีดำ ในมือถือลูกประคำ ศีรษะหน้าผากใสสะอาด ใช้เคล็ดวิชามหาไร้รูปแปลงกายเป็นภิกษุหนุ่มคนหนึ่ง
ถ้ามู่เจิ้งผู้เป็นหนึ่งในสิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์อยู่ที่นี่คงโกรธจนกระอักเลือด เพราะรูปลักษณ์ที่หลินสวินแปลงออกมาก็คือเขา
พอหยิบป้ายคำสั่งที่เกาเทียนอีให้ออกมา หลินสวินก็เข้าไปในสวนแห่งนั้นได้อย่างราบรื่น
ทอดสายตามองไป ที่แห่งนี้มีทั้งศาลาห้องโถง ต้นไม้เก่าแก่เขียวชอุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นเงาร่างผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์ทุกแห่งหน ในขณะเดียวกันก็มีผู้ฝึกปราณจำนวนมากทยอยเข้ามา
ฟิ้ว!
แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามสายหนึ่งกวาดผ่านท้องฟ้า นั่นเป็นยานสำเภาลำหนึ่ง แสงมงคลหมื่นสายกดข่มชั้นเมฆ ตรงลงมายังส่วนลึกของสวน
ผู้คนฮือฮาขึ้นมาทันที สายตาต่างมองไป
“บุคคลสำคัญและผู้โดดเด่นแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มาแล้ว!”
“ช่างเป็นกลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งนัก แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สมกับที่เป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นกู่ชาง ผู้สืบทอดที่บ่มเพาะออกมาล้วนแข็งแกร่งจนน่าตกใจ”
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนต่างเห็นเงาร่างสีทองเคลื่อนผ่าน นี่คือชายหนุ่มในชุดคลุมสีทอง เขามีมาดบริสุทธิ์งดงาม ร่างกายสูงโปร่ง อาบแสงสีทองรอบกาย ดูเหมือนสุริยันดวงใหญ่ที่สว่างไสว กลิ่นอายน่าตกใจ ดุจดั่งเทพองค์หนึ่งไม่มีผิดเพี้ยน
ข้างหลังเขา กลุ่มหนุ่มสาวชายหญิงล้อมเข้ามาราวกับดาวล้อมเดือน ยิ่งขับเน้นให้ชายหนุ่มชุดคลุมทองดูไม่ธรรมดา
ฉู่เป่ยไห่!
บางคนไม่จำเป็นต้องจงใจแสดงออก เพียงแค่การกระทำอย่างง่ายๆ ก็ดูไม่ธรรมดาแล้ว ฉู่เป่ยไห่ก็เป็นเช่นนี้อย่างไม่ต้องสงสัย บุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ ท่วงท่าโดดเด่น ราวกับนกกระเรียนในฝูงไก่ ประกายสีทองอร่ามสว่างไสวรอบกาย งดงามโดดเด่น
ตอนนี้หญิงสาวรุ่นเยาว์หลายคนต่างเผยสีหน้าหลงใหลคลั่งไคล้ ส่วนผู้ฝึกปราณชายเหล่านั้นก็เผยสีหน้าเคารพนับถือและชื่นชมเช่นกัน
คนผู้หนึ่ง เพิ่งจะปรากฏตัว บุคลิกก็ครอบงำทั้งลานแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์