“ฮ่าๆ เช่นนี้แหละที่เรียกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” หนุ่มสาวเหล่านั้นหัวเราะเยาะ
“ข้าบอกแล้วว่าครั้งนี้จะต้องทำให้เจ้าพ่ายแพ้อย่างราบคาบแน่นอน!” หนานกงสุ่ยเผยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ดูหยิ่งผยองอย่างมาก
ไม่นานคนผ่าหินเจี่ยเจิ้งก็เริ่มลงมือ บรรยากาศในลานก็เงียบลงตาม ทุกสายตาต่างจับจ้องอย่างใกล้ชิด
พวกเขาเองก็สงสัยว่าในศิลาอุกกาบาตที่หนานกงสุ่ยเลือก จะสามารถผ่าสมบัติระดับใดออกมาได้
รวมทั้งหลินสวินเองก็กำลังจดจ้องศิลาอุกกาบาตก้อนนี้เช่นกัน
เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า สายตาที่หลินสวินมองศิลาอุกกาบาตชิ้นนั้นแฝงแววประหลาดที่ยากจะมองเห็น
เศษดินปลิวว่อน เจี่ยเจิ้งดูจริงจังและรอบคอบอย่างมาก การกระทำก็ระมัดระวังถึงขีดสุด เพราะเขาเองก็ดูออกว่าศิลาอุกกาบาตก้อนนี้ไม่ธรรมดา
ตุบ! ตุบ!
ศิลาอุกกาบาตยังไม่ถูกผ่าออกโดยสมบูรณ์ เสียงที่ดังขึ้นอย่างมีจังหวะและแปลกประหลาดก็ดังออกมา
ราวกับเสียงหัวใจที่เต้นอย่างทรงพลัง ตอนแรกยังไม่ได้ยิน แต่เสียงค่อยๆ ดังขึ้นราวกับตีกลอง
เสียงที่ดังขึ้นถี่ๆ นั่นหมายถึงพลังชีวิตที่เปี่ยมล้น ทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนสูดหายใจด้วยความตกใจ ดวงตาทอประกาย
หรือในหินนี้หล่อเลี้ยงวิญญาณสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ตัวหนึ่ง?
หลายคนถึงกับพูดไม่ออก ในอดีตกาลก็เคยมีคนผ่าสิ่งมีชีวิตพิเศษออกจากศิลาอุกกาบาต
อย่างเมื่อสองพันกว่าปี ภิกษุคนหนึ่งที่มาจากส่วนลึกของทะเลทรายตะวันตก เคยผ่าได้ ‘ปลามังกรเพลิง’ ตัวหนึ่ง นี่เป็นถึงสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่ถูกอริยบุคคลบรรพกาลมองว่าเป็น ‘ปลาเทพ’ มีมงคลแต่กำเนิด
หรืออย่างเมื่อแปดพันปีก่อน ชายหนุ่มยากจนนามว่าเย่จือชิวผ่าเจอ ‘วิญญาณกระบี่’ โดยบังเอิญ แปรสภาพเป็นเด็กสาวแรกแย้มควบคุมวิถีกระบี่ไร้เทียมทาน ทำให้ชายหนุ่มคนนี้คุกเข่าคารวะ นับถือวิญญาณกระบี่เป็นอาจารย์
จวบจนถึงตอนนี้ เย่จือชิวคนนี้เป็นอริยะวิถีกระบี่ที่ชื่อเสียงสะเทือนดินแดนรกร้างโบราณมานานแล้ว ควบคุมดูแลศาลากระบี่ดั่งใจแห่งยอดเขาหิมะ ถูกทั่วโลกยกย่องให้เป็น ‘อริยะกระบี่ดั่งใจ’!
ข่าวลือเช่นนี้ไม่น้อยเลย
และตอนนี้ในศิลาอุกกาบาตที่หนานกงสุ่ยเลือก ปรากฏเสียงเป็นจังหวะชีวิตที่น่าตกใจ นี่ย่อมทำให้ผู้คนตกตะลึง
แม้จะเป็นหนานกงสุ่ย ตอนนี้ยังสายตาร้อนระอุ ในใจสั่นสะท้าน ก่อนหน้านี้เขาสามารถประเมินออกมาได้ว่าหินนี่ไม่ธรรมดา กลับคิดไม่ถึงว่าจะวิเศษถึงขนาดนี้!
ผู้ฝึกปราณที่มุงกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ต่างกลั้นหายใจจ้องเขม็ง สายตาล้วนจับจ้องที่ศิลาอุกกาบาตก้อนนั้นโดยพร้อมเพรียง ในใจคาดหวัง
ผู้ฝึกปราณหลายคนอดตื่นเต้นไม่ได้
คนผ่าหินรู้สึกถึงความกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การกระทำของเขายิ่งระมัดระวัง กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำร้ายสิ่งที่ชีวิตที่ซ่อนอยู่ในหินนี้
มีเพียงหลินสวินที่นิ่งมาก เขารู้ผลลัพธ์ตั้งนานแล้ว
แกรก!
พอศิลาอุกกาบาตถูกผ่าออกมาอย่างสมบูรณ์ จู่ๆ แสงศักดิ์สิทธิ์สีดำแถบหนึ่งก็สาดส่องออกมา ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ ว่างเปล่าราวกับรัตติกาลนิรันดร์
“สวรรค์!”
“มีวิญญาณสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ถูกเลี้ยงอยู่ภายในจริงๆ ด้วย”
“เป็นดักแด้ตัวหนึ่ง!”
บรรยากาศที่เงียบสงัดถูกทำลาย ทั้งลานเดือดคลั่งขึ้นมา เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น
ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างเห็นว่า ภายในศิลาอุกกาบาตที่ผ่าออกมานั่นมีแสงสีดำไหลเวียน ไอมรรคแพร่กระจาย ดักแด้สีดำขนาดราวนิ้วโป้งตัวหนึ่งนอนอยู่ข้างในเงียบๆ
เสียงจังหวะชีวิตที่พลุ่งพล่านราวกับตีกลองนั่น ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายในดักแด้ตัวนี้
ทุกคนต่างมีความรู้สึกงุนงงเลื่อนลอยอย่างหนึ่ง ราวกับสิ่งมีชีวิตวิญญาณในดักแด้นั่นเป็นราชันที่มาจากส่วนลึกของหุบเหวมาร มีพลังที่น่าหวาดหวั่น
หนานกงสุ่ยดีใจยกใหญ่ แทบจะกรีดร้องออกมา
ครั้งนี้เดิมทีเขาคิดจะเชือดหลินสวินอย่างแรงดาบหนึ่ง ชนะเอาโอสถราชันต้นนั้นมาครอบครอง คิดไม่ถึงว่าภายใต้ความบังเอิญ กลับผ่าได้ดักแด้มีชีวิตที่มหัศจรรย์ตัวหนึ่ง!
ผลเก็บเกี่ยวนี้เรียกได้ว่าพลิกฟ้า
ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ เองก็สีหน้าซับซ้อน ในใจอิจฉาอย่างที่สุด หากพูดถึงราคา ดักแด้นี่ต้องไม่สามารถประเมินค่าได้อย่างแน่นอน ทองก็ไม่สามารถแลกได้!
ครานี้หนานกงสุ่ยกำไรมหาศาลเลย!
ในเวลาเดียวกันสายตาที่พวกเขามองหลินสวินกลับแฝงความเวทนา ภิกษุนี่โชคร้ายเกินไปแล้ว…
“ภิกษุ ตอนนี้เจ้าตายใจหรือยัง ข้า…” หนานกงสุ่ยตื่นเต้น แม้แต่เสียงยังเปลี่ยนไป แฝงความกระตือรือร้น ท่าทางภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสียงก็หยุดไปอย่างกะทันหัน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พลันเห็นว่าบนดักแด้สีดำนั่น แสงประกายสีดำแตกซ่านกะทันหัน ไอมรรคจางไป เสียงจังหวะชีวิตอันแรงกล้าราวกับเสียงกลองในตอนแรกก็ชะลอตามไปด้วย
ทันใดนั้นหนานกงสุ่ยเหมือนถูกฟ้าผ่า ทั้งร่างราวกับสูญเสียวิญญาณ เขาพุ่งเข้ามาแทบจะคลั่ง ประคองดักแด้สีดำนั่นออกมาด้วยสองมือที่สั่นระริก พินิจอย่างละเอียด
กลับพบว่าดักแด้กลายเป็นหินอันแข็งทื่อ เย็นเยียบ ไม่มีชีวิตชีวา ไม่มีคลื่นแห่งชีวิตอีกเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
ราวกับว่ามันได้สูญเสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณที่เย็นเยียบ!
“นี่…” ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ เองก็สังเกตเห็นฉากนี้ ต่างตกตะลึง เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทำให้ไม่ทันตั้งตัว
ตอนแรกควรเป็นวาสนาครั้งใหญ่ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนอิจฉา ไม่คิดว่าเพียงพริบตากลับเกิดการพลิกผันเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์