หากหลินสวินจำไม่ผิด อีกฝ่ายคือหนึ่งในผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่ติดตามฉู่เป่ยไห่มางานประเมินหินนี้
“ภิกษุ ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าให้มาเชิญ ตามข้ามาเถอะ” คำพูดของชายหนุ่มเสื้อเหลืองราบเรียบสบายๆ แต่มีความเย่อหยิ่งรางๆ
“ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าคือใคร” หลินสวินถาม
ชายหนุ่มเสื้อเหลืองขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นมุมปากเผยองศาเย่อหยิ่ง “ฉู่เป่ยไห่”
คำสั้นๆ เพียงสามคำกลับเหมือนมีพลังวิเศษ ทำให้ผู้ฝึกปราณบริเวณรอบๆ ที่มองมาทางนี้ต่างหรี่ตาลง ราวกับคิดไม่ถึงว่าผู้นำรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อย่างฉู่เป่ยไห่ ตอนนี้กลับมาเชิญภิกษุรูปนี้
หรือเป็นเพราะเรื่องพนันหินเมื่อครู่นี้
หลายคนหัวใจสะท้าน
“ช่างเถอะ อาตมามีธุระต่อ คงไม่อาจทำตามที่ขอได้ หากในอนาคตมีโอกาส อาตมาค่อยไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเองก็ยังไม่สาย” หลินสวินปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
เขากับฉู่เป่ยไห่ไม่รู้จักกัน แต่อีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายเชิญชวนก่อนในเวลานี้ นี่ผิดปกติมาก
อีกอย่างเขาเคยขัดแย้งกับผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อย่างพวกหนานกงสุ่ยและหนานกงหั่ว ไม่อยากไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตอนนี้จริงๆ
“เจ้ากล้าปฏิเสธงั้นหรือ” ชายหนุ่มเสื้อเหลืองอึ้ง นี่เป็นคำชวนของศิษย์พี่ฉู่เชียวนะ ผู้ฝึกปราณทั่วไปใครบ้างจะไม่ยอมก้มหัวทำตามโดยดี
“ฮะๆ เหตุใดอาตมาจะปฏิเสธไม่ได้” หลินสวินหัวเราะ ประโยคเดียวก็ทำให้เขาฟังออกว่าจิตใจของอีกฝ่ายเย่อหยิ่งเพียงใด
“เจ้าไม่ถามหน่อยหรือว่าศิษย์พี่ฉู่มีเรื่องอันใดกับเจ้า” ชายหนุ่มเสื้อเหลืองไม่พอใจนัก รู้สึกว่าตนออกหน้าด้วยตัวเองแล้ว แต่ภิกษุนี่กลับไม่ไว้หน้าเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่ามองข้ามความหวังดี
“ขออภัย อาตมาขอตัวก่อน”
ตอนที่พูดหลินสวินก็หมุนตัว เดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงเลยสักนิด
ชายหนุ่มเสื้อเหลืองยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกผิดปกติ
“เจ้า…” ชายหนุ่มเสื้อเหลืองถึงขั้นรู้สึกคลั่งขึ้นมา ภิกษุรูปนี้เย่อหยิ่งเกินไปแล้ว คิดจะไปก็ไป คิดว่าตนไม่มีตัวตนหรือ
แต่ตอนที่เขาจะไปรั้งอีกฝ่ายกลับพบอย่างน่าตระหนกว่า เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นภิกษุนั่นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว!
“ไม่ถูกสิ เจ้าหมอนั่นเหมือนคนทำผิดแล้วร้อนรนไม่มีผิด!” ชายหนุ่มเสื้อเหลืองหรี่ตา รีบหมุนตัวกลับไปรายงานสถานการณ์นี้กับฉู่เป่ยไห่ทันที
……
ในส่วนลึกสุดของสวน มีทั้งศาลาและตึกหอ ทะเลสาบไหวเคลื่อนเป็นระลอก
บนหอที่สูงที่สุด ฉู่เป่ยไห่นั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งหลัก รอบตัวเขามีแสงมรรคสีทองปกคลุม หลังตรงสง่า แม้นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างง่ายๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอันตรายและยโสโอหัง
กลุ่มผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อย่างพวกหนานกงหั่ว กู้อวิ๋นถิงนั่งล้อมเขาอยู่ มีความหวาดเกรงไม่มากก็น้อย
จะว่าไปพวกเขาก็ถือเป็นบุคคลที่สะดุดตาท่ามกลางคนรุ่นเยาว์ ชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นกู่ชาง แต่ตอนนี้พออยู่ต่อหน้าฉู่เป่ยไห่ กลับจำต้องสำรวมตนลงสามส่วน
จากเรื่องนี้สามารถเห็นได้ว่าอานุภาพของฉู่เป่ยไห่แข็งแกร่งเพียงใด
“ศิษย์พี่ใหญ่ ภิกษุนั่นเพียงแค่โชคดีเท่านั้น เหตุใดจึงต้องชวนเขามา” หนานกงหั่วอยู่ในชุดคลุมสีทอง ใบหน้ายังคงความหล่อเหล่า
“ภิกษุคนนี้ไม่ธรรมดา” ฉู่เป่ยไห่พูดสบายๆ เสียงราวกับหยกกระทบกัน ทุ้มต่ำและแฝงพลังที่กระแทกใจ
“การพนันของเขากับศิษย์น้องหนานกงสุ่ยไม่ได้มีความสำคัญอันใด ที่ทำให้ข้าสนใจจริงๆ คือ คนผู้นี้ถึงกับกล้าล่วงเกินผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์”
พูดถึงตรงนี้ดวงตาที่ราวกับดาราของฉู่เป่ยไห่ก็สาดประกายสายฟ้าเจิดจ้าสองสาย ราวกับคมกระบี่สีเงินที่ตัดสลับกัน น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
ในเวลาเดียวกันกู้อวิ๋นถิงที่อยู่ข้างๆ ก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาเจิดจ้า
“อาจารย์อา เขานี่แหละ!” กลับเห็นชายหนุ่มชุดคลุมม่วงคนหนึ่งลุกพรวดขึ้น พูดอย่างตื่นเต้น “‘หินผนึกมรรค’ ที่ขายอยู่บนแผง คนผู้นี้แหละที่ได้ไป!”
“อะไรนะ” ชายชราชุดคลุมดำคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ สีหน้าอึมครึมลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นเขาจริงๆ”
“แน่ใจ!” ชายหนุ่มชุดคลุมม่วงตอบอย่างหนักแน่น
เห็นปฏิกิริยาของทุกคนแตกต่างกันไป แต่เห็นได้ชัดว่าล้วนรู้จักคนหนุ่มผู้นี้ ฉู่เป่ยไห่อดหรี่ตาไม่ได้ พลันพูดว่า “เขาคือใคร”
“หลินสวิน!”
ในที่สุดหนานกงหั่วก็มั่นใจแล้ว ใบหน้าปรากฏความมืดทะมึน นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกหลินสวินเตะจนก้นลายในสำนักศึกษามฤคมรกตตอนที่ไปเยือนโลกชั้นล่าง ความอับอายที่ถูกปิดผนึกไว้ในหัวใจมาเนิ่นนานพลุ่งพล่านขึ้นทันที
“ไม่ผิด เขานั่นแหละ” กู้อวิ๋นถิงพยักหน้า สีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง ผ่านไปหลายปี เขาคิดไม่ถึงว่ากลับมาเจออีกฝ่ายที่นี่
“พวกเจ้ารู้จักคนผู้นี้กันหมดเลยหรือ” ฉู่เป่ยไห่ตระหนักได้รางๆ ว่า สถานการณ์ดูผิดปกติไม่น้อย
“กลายเป็นเถ้าข้าก็จำได้!” หนานกงหั่วขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลันอธิบายฐานะของหลินสวินรอบหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันกู้อวิ๋นถิงก็เล่าถึงหลายเรื่องที่หลินสวินทำตอนอยู่ในนครต้องห้ามของโลกชั้นล่าง
“นี่ก็หมายความว่าเด็กนี่ใจกล้าคับฟ้าจริงๆ ในโลกชั้นล่างยังอวดดีขนาดนี้ หลังจากมาถึงดินแดนรกร้างโบราณ ไม่เพียงไม่เก็บตัวสำรวมตน กลับยังกล้าปลอมตัวเป็นผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ เรียกได้ว่ากำเริบเสิบสานนัก” ฉู่เป่ยไห่ฟังจบแล้ววิจารณ์ออกมา
“หลินสวินหรือ”
ไม่นานก็มีคนร้องด้วยความตกใจขึ้นมาอีก “ศิษย์พี่ฉู่ คนผู้นี้สมควรฆ่า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์