“ฉินเทียน !”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ สถานการณ์ก็วุ่นวายขึ้น
“คนแซ่ฉิน แกยังกล้ามาอีกเรอะ !”
“มารนหาที่ตายรึไง ?” ซูเหวินปินโพล่งขึ้นด้วยตาแดงก่ำ
คนหนุ่มสาวรุ่นเดียวกันต่างกัดฟันถลึงตามอง ราวกับกำลังต่อสู้กัน
ฝ่ายฉินเทียนกลับไม่ได้สนใจ
เขาชำเลืองมองผ่านฝูงชนไปยังซูเป่ยซานที่นั่งอยู่ตรงกลาง ยิ้มเย็นพร้อมเอ่ย: “ขอโทษนะครับที่พวกเรามาช้า”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าซูเป่ยซานกระตุก
เมื่อเห็นสายตาของฉินเทียน ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงไม่กล้าสบตา
“พวกเราได้รับแจ้งว่าให้มางานเลี้ยงอาหารค่ำ”
“ถ้าหากไม่ต้อนรับ พวกเราก็จะออกไป”หยางยู่หลันกล่าวเสียงเย็นชา
แม้ว่าเธอในตอนนี้จะสูญเสียอำนาจไปหมดแล้ว แต่สถานะของเธอในตระกูลซูนั้นก็ยังพอมีความสำคัญอยู่บ้าง
ซูเหวินปินรวมทั้งคนรุ่นน้องหลายคนที่รีบวิ่งเข้ามา ก็ยังไม่กล้าเสียมารยาท พวกเขาหันไปมองทางซูเป่ยซานด้วยสายตาขอความเห็น
ซูเป่ยซานนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น: “ไม่ว่าอย่างไร ยู่หลันกับซูซูต่างก็เป็นคนตระกูลซูของพวกเรา”
“มาร่วมงานเลี้ยงครอบครัว ก็สมควรแล้ว”
“พวกเธอไปนั่งได้ ส่วนคนอื่นก็พอได้แล้วล่ะ”
“เหอะ ถ้าไม่ใช่คนไร้ค่าอะไรก็มีคุณสมบัติพอที่จะร่วมงานเลี้ยงตระกูลซูของพวกเราได้ทั้งนั้นแหละ !”
เห็นได้ชัดว่า คนไร้ค่าที่ว่านั้นหมายถึงฉินเทียน
ซูเป่ยซานไม่ยอมรับว่าฉินเทียนเป็นคนตระกูลซู และก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงครอบครัว
เมื่อชายชราเอ่ยปากแสดงทัศนคติของเขาด้วยตนเอง คนอื่นๆ ในตระกูลจึงมองไปที่ฉินเทียนอย่างเย้ยหยัน
บางคนถึงกับหัวเราะออกมา
“คนแซ่ฉิน เป็นคางคกแต่อยากจะกินเนื้อหงส์ แกยังไม่รู้ตัวอีกเรอะว่าแกเป็นคนยังไง !”
“แกคู่ควรเหรอ ?”
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก !”
เสียงก่นด่าดังขึ้นทั้งสี่ทิศ
“พี่สะใภ้ ไม่มีที่ว่างแล้วล่ะ เธอพาซูซูไปเบียดๆ ตรงโต๊ะฝั่งนั้นเถอะ”
“ปูปีนี้อร่อยนะ พวกเธอคงซื้อไม่ได้ล่ะสิ ? วันนี้ก็กินให้มากหน่อยนะ”
ผู้หญิงที่พูดก่อนหน้านั้นกล่าวเสียงแหลม
โต๊ะฝั่งนั้นที่เธอพูดถึงก็คือตำแหน่งคนใช้ที่อยู่มุมห้อง
หยางยู่หลันหน้าแดง
พื้นเพเธอมาจากครอบครัวนักวิชาการของเจียงหนาน เป็นคนที่รักษาหน้าอย่างยิ่ง ในตอนนี้ถูกพูดจาถากถาง มันทำให้เห็นคนหน้าซื่อใจคดบนโลกใบนี้ได้จริงๆ
“ไม่เป็นไร”
เธอมองซูเป่ยซาน เอ่ยเสียงต่ำ: “คุณเป็นปู่ของซูซู และเป็นพ่อสามีของฉันด้วยเช่นกัน”
“ในฐานะลูกสะใภ้อย่างฉัน วันนี้มาเพื่อชี้แจงให้คุณได้เข้าใจกระจ่าง”
“หลังจากพูดเสร็จแล้ว พวกเราก็จะไป”
“เธอต้องการจะพูดอะไร ?”เมื่อเผชิญหน้ากับหยางยู่หลันที่กำลังโกรธเคือง ท่าทางซูเป่ยซานก็คลุมเครือ
เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้มีความละอายใจ
เดิมทีหยางยู่หลันอยากพูดถึงเรื่องสิทธิบัตรที่อยู่ในมือเธอ ว่ามันเป็นเลือดเนื้อจากการทำงานหนักของซูซู ไม่อาจมอบให้ตระกูลซูได้ ขอให้พวกเขาปล่อยวาง
ส่วนเรื่องบริษัท เธอนั้นรับรู้แล้ว หวังว่าจะไม่ถูกก่อกวนอีกในอนาคต
ซูยู่คุนเดาออกว่าเธอต้องการจะพูดอะไร จึงขยิบตาให้กับภรรยาที่อยู่ข้างๆ
หวางเหม่ยรีบยิ้มพร้อมเอ่ย: “พี่สะใภ้ วันนี้วันเฉลิมฉลอง ถ้ามีเรื่องอะไรก็เอาไว้คุยกันหลังจบงานเถอะ”
“พวกเธอยังไม่รีบพาพี่สะใภ้ไปนั่งอีก”
“แล้วก็ซูซูอีก ดูแลพวกเขาสองแม่ลูกด้วย”
พวกเขาไม่ต้องให้หยางยู่หลันพูดมันออกมา เพราะถึงแม้ลูกชายของพวกเขาจะเป็นคนยึดครองบริษัทของหยางยู่หลันจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้ดี
แต่ต่อหน้าคนมากมายแล้ว มันไม่ค่อยมีเกียรติสักเท่าไหร่
หญิงสาวหลายคนรีบเข้า ทำหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับดึงหยางยู่หลันไปนั่งอย่างกระตือรือร้น
หยางยู่หลันที่ไม่ได้ใส่ใจ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉินเทียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...