บัญชามังกรเดือด นิยาย บท 17

สรุปบท บทที่ 17 บุคคลสำคัญจะมาหลงเจียง: บัญชามังกรเดือด

ตอน บทที่ 17 บุคคลสำคัญจะมาหลงเจียง จาก บัญชามังกรเดือด – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 17 บุคคลสำคัญจะมาหลงเจียง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี บัญชามังกรเดือด ที่เขียนโดย สวรรค์ไร้เทียมทาน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตระกูลเถีย

ลานกว้างอันโอ่อ่า

ทุกพื้นที่ป้องกันอย่างแน่นหนา

ขบวนรถหยุดจอดที่หน้าประตู เถียหนิงซวงลงจากรถมาก่อน มองไปยังฉินเทียนที่นั่งนิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว เธอกัดฟันแน่น แล้วพูดว่า

“ทางที่ดีคุณควรรักษาอาการป่วยของคุณปู่ฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันสาบาน ว่าจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่ !”

คนที่เย่อหยิ่งอย่างเธอ เป็นครั้งที่สองติดต่อกันของวัน ที่ถูกให้ต้องยอมรับกับความพ่ายแพ้ต่อหน้าฉินเทียนชายแปลกหน้าคนนี้

และยังถูกบังคับให้ต้องก้มตัวเพื่อเสิร์ฟน้ำชา ในใจก็จึงมีความกรุ่นโกรธอยู่ภายใน

เมื่อเทียบกันแล้วบูซานดูจะสงบนิ่งกว่า

เพราะได้รับการฝึกฝนมาจากทหาร แม้สีหน้าของฉินเทียนจะดูสงบนิ่ง แต่ก็รู้สึกได้ถึงความทรงพลังอำนาจ และความน่าเกรงขามจากร่างกายของฉินเทียน

“คุณฉิน ภรรยาและแม่ยายของคุณ ฉันได้ให้คนส่งกลับไปที่บ้านอย่างปลอดภัยแล้ว”

“คุณวางใจได้ ขอแค่คุณสามารถรักษานายท่านให้หายได้ ฉันรับปากแทนตระกูลเถีย ในหลงเจียง จะไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเธอแม้แต่ปลายเล็บ ”

ฉินเทียนยิ้มเยาะ“แค่หลงเจียง มีอะไรให้ต้องเอ่ยพูดถึง”

“ในโลกนี้ ใครกล้าที่จะแตะต้องคนของฉินเทียน ล้วนสมควรตาย!”

หลังจากที่ลงจากรถ ก็ไม่แม้แต่จะมองการคุ้มกันที่เข้มงวดบริเวณโดยรอบเลยสักนิด เดินเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ

เถียหนิงซวงระงับความโกรธ วิ่งนำหน้าเพื่อนำทาง

พ่อบ้านรีบเข้ามารายงานอย่างร้อนรน “คุณหนู นายท่านไม่ได้อยู่ที่ห้องนอน ไปที่หอสมรภูมิแล้วครับ”

“คุณปู่เพิ่งหายจากอาการป่วย แล้วไปที่หอสมรภูมิทำไม ?”

“ผมก็ไม่ทราบครับ ท่านสั่งเอาไว้ ให้คุณหนูพาคุณฉินไป ท่านจะรออยู่ที่นั่น”

เมื่อได้ยินดังนั้น เถียหนิงซวงอดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังฉินเทียนด้วยความประหลาดใจ

หอสมรภูมิ เป็นเพียงห้องที่ไม่ได้น่าสนใจอะไร บนพื้นที่ในลานกว้าง เป็นห้องที่ถูกดัดแปลงมาจากห้องพระ

แม้จะไม่ได้น่าสนใจ แต่หากเป็นคนในตระกูลเถีย ต่างก็รู้ว่าหอสมรภูมินั้นมีความหมายยังไง นั่นคือความเชื่อและศรัทธาของนายท่านเถีย!

โดยปรกติแล้วก็แทบจะเป็นเหมือนสถานที่ต้องห้าม

แม้แต่เถียหนิงซวงผู้ซึ่งเป็นถึงหลานรักของนายท่าน หากไม่ได้รับอนุญาต ก็เข้าไปไม่ได้โดยเด็ดขาด

นายท่านกลับรอฉินเทียนอยู่ที่หอสมรภูมิ? ไม่แปลกที่เถียหนิงซวงจะรู้สึกประหลาดใจ

บูซานที่อยู่ใกล้ๆมีท่าทีตกใจ พูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยว่า“คุณฉิน เชิญตามผมมาทางนี้ครับ !”

เขาเชิดหน้ายืดอกตรง เดินนำอยู่ด้านหน้า หอสมรภูมิ ไม่เพียงเป็นความเลื่อมใสศรัทธาของเถียสง แต่ยังเป็นความเลื่อมใสศรัทธาของเขาด้วย

เพราะเขาเป็นเหมือนกับเถียสง ต่างเป็นคนที่มีความดีความชอบในสนามรบ

เลือดที่ไหลเวียนอยู่เป็นของวีรบุรุษนักรบที่อยู่ท่ามกลางศึกสงคราม มีความศรัทธาที่อยากจะปกป้องประเทศอย่างที่สุด

ใบหน้าฉินเทียนมีรอยยิ้ม ตามบูซานกับเถียหนิงซวง มาถึงที่ลานด้านหลัง

“คุณฉิน คนแก่หงำเหงือกรอนานมากแล้ว ”

หน้าประตูห้องที่ดูไม่ได้น่าสนใจอะไร มีเถียสงยืนอยู่

สุขภาพร่างกายของเขายังดูดีใช้ได้

“คุณปู่ ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบทหารตัวเก่าล่ะคะ ? ”เถียหนิงซวงวิ่งเข้าไปหาด้วยความประหลาดใจ

เห็นเพียงเถียสง แม้จะมีผมสีขาวแกมเทา และยังมีอาการป่วยอยู่ แต่ในตอนนี้ที่ใส่ชุดนักรบพยัคฆ์อยู่บนร่างกาย เหยียดตัวหลังตรง โดยไม่รู้ตัว ก็มีความฮึกเหิมอหังการขึ้นมา

ดาบที่เก่าแต่ยังคมกริบ ยังสามารถที่จะบั่นคอของศัตรูได้!

“สวัสดีครับท่านแม่ทัพ!”บูซานน้ำตาเอ่อคลอ ทำท่าแสดงความเคารพในแบบปฏิบัติที่ถูกต้อง

สายตาของเถียสงมองไปยังใบหน้าของฉินเทียน พูดเสียงเข้ม“หนิงซวง บูซาน เฝ้าอยู่ที่นี่ ไม่ได้รับอนุญาต ใครก็ห้ามเข้าไปด้านในเด็ดขาด ”

“คุณฉิน เชิญ ”

เบี่ยงตัว หลบออกจากประตูทางเข้า

ฉินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เดินเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ

กับเถียสงที่แม้จะเกษียณอายุไปแล้ว แต่ยังไม่ลืมจิตวิญญาณที่เคยมี ช่างน่าชื่นชมอยู่ไม่น้อย

เขามองออกได้ในแวบเดียว ว่าชุดนักรบพยัคฆ์ของเถียสงนี้ เป็นตราสัญลักษณ์ของแดนเหนือ

ในหอสมรภูมิ

สถานที่เดิมที่ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูป มีรูปปั้นที่หน้าตาดุร้ายวางเรียงรายกันอยู่

ฉินเทียนกวาดตามอง พูดอย่างขอไปทีว่า“เทพสงครามไป๋ฉี่ ผู้ซื่อสัตย์หยุนฉาง หานซิ่นตรวจแถวทหาร ปาอ๋องเซี่ยงอวี่……”

สายตาหยุดลงที่รูปปั้นตัวสุดท้าย อดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มปรากฏ

แม่ทัพเก่าอย่างเขา ปรกติก็สักการะเพียงป้ายเทพเพื่อแสดงความเคารพนับถือ

แม้แต่หน้าก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้เจอะเจอ จะไปรู้เบอร์ของเซียวโผหู่ได้ยังไง ?

นอกจากนี้ เบอร์ของปรมาจารย์เซียว คิดจะโทรก็โทรได้เลยหรือไงกัน ?

“ตกลงนี่คุณเป็นใครกันแน่?”หันมองฉินเทียน ดวงตาของเถียสง แสดงอาการตื่นตระหนกอย่างชัดเจน

ในตอนนี้เอง ข้างนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

จากนั้น เสียงเคาะประตูที่ร้อนรนก็ดังขึ้นตาม

เถียสงพูดอย่างโกรธเคือง“ ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ใครก็ห้ามรบกวน!”

ด้านนอกประตู มีเสียงทุ้มดังขึ้นมา “ พ่อครับ ผมเอง”

“มีข่าวสำคัญที่ต้องรายงาน เร่งด่วนมากครับ !”

เถียสงเหลือบมองไปยังฉินเทียนแวบหนึ่ง พูดเสียงเย็นชา“คุณฉิน ขอเวลาสักครู่”

รีบเปิดประตูออกในทันที แล้วเดินออกมา มองดูชายวัยกลางคนตรงหน้า พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“ เรื่องอะไรถึงได้รีบร้อนขนาดนี้?”

“เถียหลินเฟิง อายุป่านนี้แล้ว ยังเป็นถึงเจ้าสมาคมของสมาคม สำรวมกว่านี้หน่อยได้ไหม!”

ชายวัยกลางคน เถียหลินเฟิง ลูกชายคนรองของเถียสง และเป็นพ่อของเถียหนิงซวง

แม้จะเป็นคนถ่อมตน แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้มีอำนาจในสมาคมของหลงเจียง เป็นบุคคลสำคัญที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมากนัก

ก่อนหน้านั้นที่ตระกูลซู ซูยู่คุนที่คอยประจบเถียหนิงซวงอยู่ ก็เคยพูดเอาไว้ ว่ามีโอกาสได้ร่วมรับประทานอาหารกับเจ้าสมาคมเถียครั้งหนึ่ง

อันที่จริงแล้วในครั้งนั้น เขาแค่มากินข้าวด้วย แล้วเถียหลินเฟิงก็แค่เดินผ่าน แล้วดื่มไปกับเขาแก้วหนึ่ง

แม้แต่ซูยู่คุนเป็นใคร เถียหลินเฟิงก็แทบจะจำไม่ได้เลย

บุคคลที่มีอิทธิพลแห่งยุคสมัยแบบนี้ ต่อหน้าเถียสง กลับถูกตำหนิราวกับเด็กสามขวบ

ทั้งเถียหนิงซวงกับบูซานต่างหลบออกไปไกล ไม่กล้าที่จะแอบฟัง

เถียหลินเฟิงปาดเหงื่อที่หน้าผาก กล่าวด้วยความเคารพอย่างที่สุดว่า“เพราะเรื่องมันใหญ่หลวงมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นลูกก็คงไม่กล้าที่จะรบกวนพ่อแบบนี้ ”

เถียสงขมวดคิ้วและพูดว่า “ มีเรื่องอะไร พูดมาเถอะ”

เถียหลินเฟิงถอนหายใจยาว พูดเสียงเบา“ ได้ข่าวมาเมื่อครู่ มีบุคคลสำคัญจะมาที่หลงเจียง ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด