“นี่มันนกอะไร ?”
เมื่อมองไปยังภาพวาดก็เห็นเนินเขาหลายลูก ตีนภูเขามีต้นแอปริคอทที่มีนกตัวหนึ่งยืนอยู่บนยอดไม้
ซูเหวินปินอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
ในความคิดแล้ว ภาพวาดผืนนี้มันดูดำมืด ไม่ได้มีความรู้สึกสวยงามอะไรเลยสักนิด
ชาวนาเจ้าของแผงลอยเอ่ยอย่างอดทน: “นกอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น คุณต้องดูว่าใครเป็นคนวาดต่างหาก ดูข้างล่างสิ ดูที่ลายเซ็น”
ซูเหวินปินมองไปข้างล่างตามที่แนะนำ ขมวดคิ้วเอ่ย: “คัง……หวง……”
“คังหวงคือใคร ? ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อจิตรกรคนนี้มาก่อนเลย !”
“ฮึ่ม !”ชาวนาเจ้าของแผงลอยระงับความปวดใจ
ผู้คนรอบข้างต่างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ท่าทางผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นคนโง่เง่าสินะ
“ขอโทษนะ คุณไปดูของอย่างอื่นเถอะ”ชาวนาเอ่ยพร้อมกับเก็บภาพวาดกลับไป
เขาหันไปมองฉินเทียนพร้อมเอ่ย: “น้องชายคนนั้นน่ะ คุณจะดูสักหน่อยไหม ?”
ฉินเทียนพยักหน้า รับม้วนภาพมาและจ้องมองไปที่มัน
ซูเหวินปินหัวเราะเยาะเย้ย: “เจ้าคนแซ่ฉิน นายก็เป็นแค่คนส่งอาหารง่อยๆ จะไปเข้าใจภาพวาดพู่กันของคนมีชื่อเสียงอะไรล่ะ !”
“นายรู้เหรอว่าคังหวงคือใคร ?”
ฉินเทียนยิ้มเย็น: “ฉันไม่รู้จักคังหวง แต่รู้จักถังหยินก็แล้วกัน”
“ถูกต้อง นี่เป็นผลงานจริงๆ ของถังโป๋หู่ คุณเสนอราคามาเถอะ”
“ที่แท้น้องฉินก็เป็นผู้เชี่ยวชาญนี่เอง !” ชาวนาเจ้าของแผงลอยดีใจมาก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหนึ่งนิ้วขึ้นพร้อมเอ่ย: “หนึ่งล้าน”
ฉินเทียนส่ายหัวและเอ่ยว่า: “หนึ่งแสน ไม่มากไปกว่านี้”
“น้อยเกินไปแล้ว เพิ่มอีกหน่อยเถอะนะ !”เห็นได้ชัดว่าเจ้าของแผงลอยตื่นเต้น แต่ก็ยังอยากได้เงินเพิ่มอีกนิด
ฉินเทียนกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ซูเหวินปินที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น: “ฉันให้สองแสน !”
เจ้าของภาพส่งสายตามาทางฉินเทียน โดยที่หวังว่าเขาจะเพิ่มราคา
ซูเหวินปินก็เอ่ยอย่างได้ใจ: “เจ้าของร้านไม่ต้องไปมองเขาหรอก มันก็แค่ยาจกผู้ยากไร้”
“ห้าปีก่อนเขาเป็นลูกเขยตระกูลซูของเรา แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แม้แต่จะผายลม !”
“คนแซ่ฉิน นายกล้าเสนอราคาแข่งกับฉันไหม ?”
“ไม่ต้องพูดถึงสองแสนเลย แม้แต่แสนเดียวนายก็คงไม่มีล่ะสิท่า !”
“เร็วสิ บอกว่าสองแสนไง ฉันจะเอามัน !”
ภายใต้สายตาของเจ้าของภาพที่จ้องมองมาอย่างคาดหวัง ในที่สุดฉินเทียนก็ส่ายหัวเอ่ยซ “ให้เขาไปเถอะ”
ซูเหวินปินรู้สึกภูมิใจมาก เขากลัวว่าเจ้าของแผงลอยจะเปลี่ยนใจ จึงขอรูดบัตรทันที
สำหรับเขาแล้ว แม้ว่าเงินสองแสนมันจะไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แต่ตราบใดที่เขาสามารถได้รับความโปรดปรานจากซูเป่ยซานได้ล่ะก็ ตำแหน่งของเขาในตระกูลซูก็จะเพิ่มขึ้น ผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับนั้นเกินว่าเงินสองแสนเสียอีก
“ฉินเทียน ตกลงแล้วนะว่านายจะไปคิดบัญชีกับตระกูลซูของพวกเรา”
“งั้นเจอกันที่งานเลี้ยงอาหารค่ำก็แล้วกัน !”
ซูเหวินปินเก็บม้วนภาพวาดแล้วเดินจากไป
เจ้าของแผงลอยที่ทำธุรกรรมเสร็จก็รีบจากไปทันทีเช่นกัน
ในขณะนั้น ก็มีเสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดดังลอยมาจากที่ไกลๆ
“ถู่โหจื่อ ในที่ก็หาแกเจอจนได้ !”
“ตอนอยู่เหอเป่ยแกก็หลอกข้าคนนี้ นี่ยังมาหลอกลวงคนที่นี่อีกเรอะ !”
“เอาภาพวาดปลอมๆ ของแกคืนไป แล้วเอาเงินข้าคืนมาซะ !”
ชายชาวเหนือตัวใหญ่วิ่งเข้ามาด้วยความโกรธ พร้อมทั้งเอาม้วนภาพวาดทุบไปยังหน้าของชาวนาเจ้าของแผงลอยคนนั้น
ชาวนาเจ้าของแผงลอยจะวิ่งหนีไป แต่กลับถูกรั้งคอไว้
เขายิ้มแหยๆ ออกมา: “นี่ไม่ใช่เถ้าแก่จ้าวหรอกเหรอ ? คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรรึเปล่า ?”
เถ้าแก่จ้าวเอ่ยด้วยโมโห: “แกไอ้ลูกเต่า เอาภาพปลอมมาหลอกขายข้าห้าแสน !”
“ข้าจะมาคิดบัญชีกับแก !”
ชาวนาเยาะเย้ย: “ซื้อขายของโบราณก็เหมือนการทดสอบสายตา ของที่ขายไปแล้วไม่รับคืน”
“นายไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้รึไง ?”
ซูเหวินปินเอ่ยยิ้มๆ : “พูดถูกต้อง เถ้าแก่จ้าวจากแดนไกล นายถูกตาตัวเองหลอก ก็คิดซะว่าเป็นบทเรียน ไม่ต้องไปตำหนิคนอื่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...