เวินหนี่หยุดฝีเท้า ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกันฉันคู่สามีภรรยา แต่คือความสัมพันธ์ที่ห่างเกินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า “ประธานเย่ มีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่าคะ?”
เย่หนานโจวหันหน้าไปจ้องใบหน้าที่ดูห่างเหินของเวินหนี่ และพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “นั่งลง”
จู่ ๆ เวินหนี่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะทำอะไร
เย่หนานโจวเดินเข้ามาหาเธอ
เวินหนี่เฝ้าดูเขาเดินใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ มีบางอย่างดูแตกต่างออกไป ทำให้เธอรู้สึกว่าอากาศเบาบางลง
ทั้งตื่นเต้นและรู้สึกแปลกเล็กน้อย
เธอยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่เย่หนานโจวเอื้อมมือมาจับมือของเธอเอง
เมื่อฝ่ามืออันอุ่นร้อนของเขาสัมผัสเธอ เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งเผาไหม้และต้องการดึงมันออก แต่เย่หนานโจวกลับจับมันไว้แน่น และไม่เปิดโอกาสให้เธอดึงมันกลับเลย เขาดึงเธอไปด้านข้างพลางขมวดคิ้วถาม “มือของเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ตัวเลยหรือไง?”
ความเป็นห่วงของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกประหลาดใจ “ฉัน... ไม่เป็นไรค่ะ”
“มือเป็นแผลพุพองแบบนี้” เย่หนานโจวถามต่อ “ทำไมถึงไม่บอกฉัน”
เธอมองลงไปที่มือใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังตรวจสอบบาดแผลของเธอ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธออยากจะจับมือของเขาหลายครั้ง เธอต้องการความอบอุ่น และต้องการการนำทางไปในทิศทางหนึ่ง
แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย
แต่พอเธอคิดอยากจะยอมแพ้ เขากลับมอบความอบอุ่นให้เธออีกครั้ง
“มันแค่เรื่องเล็ก ฉันคิดว่าอีกสองวันก็คงหาย” เวินหนี่ตอบ
“ฉันจะให้คนเอายาทาแผลมาให้”
เวินหนี่รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ในที่สุดความพยายามหลายปีก็ดูเหมือนจะได้รับผลตอบรับบ้างแล้ว
แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอ
เย่หนานโจวหยิบยามาทาที่บาดแผลให้เธอ เธอมองดูเขาที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าและทำแผลให้เธออย่างระมัดระวัง สิ่งนี้ทำให้เธอเผลอคิดไปว่า บางทีเธออาจสามารถกลายเป็นผู้หญิงคนที่เขารักได้
ดูเหมือนว่าบาดแผลเล็กน้อยจะทำให้เขามองมาที่เธอนานขึ้นบ้าง
และเธอก็มีความคิดไร้สาระผุดขึ้นมาว่า ที่เธออยู่กับเขามาเจ็ดปีและดูแลเขาอย่างขยันขันแข็งทุกวันยังสู้มีบาดแผลเล็กน้อยเรียกร้องความสนใจจากเขาไม่ได้เลย
แผลเล็กน้อยแค่นี้คุ้มค่าแล้ว
น้ำตาของเธอไหลลงมา และบังเอิญหยดลงไปบนหลังมือของเย่หนานโจว
เย่หนานโจวเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาที่รื้นชื้นของเวินหนี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอแสดงอารมณ์ต่อหน้าเขา
“ร้องไห้ทำไม ฉันทำเธอเจ็บเหรอ?”
เวินหนี่รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองผันผวนเกินไป ไม่เหมือนตัวเธอเลย “ไม่เจ็บเลยสักนิด ฉันแค่รู้สึกไม่สบายตา คุณเย่ ครั้งต่อไปฉันจะไม่เป็นแบบนี้อีก”
เย่หนานโจวเบื่อหน่ายกับการฟังคำพูดที่สุภาพของเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขาขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “นี่คือที่บ้าน ไม่ใช่บริษัท เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวทางการต่อหน้าฉันทุกวันก็ได้ ที่บ้านเธอเรียกชื่อฉันก็ได้”
แต่ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา เวินหนี่ก็ปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด
ในบริษัทเธอเป็นเลขานุการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
ที่บ้านถึงจะมีตำแหน่งเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลเย่ แต่เธอก็ทำเฉพาะสิ่งที่เลขาควรทำเท่านั้น
เวินหนี่มองดูใบหน้าของเขาที่ตนหลงรักมาหลายปี ความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนองในที่สุดก็จะรู้สึกเหนื่อย เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “เย่หนานโจว เมื่อไหร่เราจะหย่า…”
เย่หนานโจวกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเวินหนี่แข็งทื่อ ศีรษะของเธอวางอยู่บนไหล่ของเขา และพูดอะไรไม่ออก
เย่หนานโจวขมวดคิ้วและพูดว่า “วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
เวินหนี่ไม่มีทางเลือกนอกจากเลิกพูดถึงเรื่องนี้
เวินหนี่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกว่าเขาดูแตกต่างออกไป ร่างกายของเขาอยู่ใกล้เธอมากจนรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนของเขา
มือของร่างสูงโอบเอวเธอ ห่อหุ้มเธอไว้ด้วยกลิ่นหอมราวกับต้นสนไซเปรส ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
ฝ่ามือใหญ่ของเขากดลงบนท้องของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอหดตัวเล็กน้อย และลมหายใจอันอบอุ่นของเขาก็รินรดอยู่ข้างหู “เธอบ้าจี้หรือเปล่า?”
เวินหนี่ลดสายตาลงแล้วตอบไปว่า “ฉันไม่ค่อยชิน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็เริ่มกระตือรือร้นมากขึ้น เขาเอามือโอบเธอแล้วกอดเธอไว้แน่น “งั้นก็ค่อย ๆ ปรับตัวกับมัน สักวันหนึ่งเธอก็จะชินเอง”
เวินหนี่แนบตัวไปในอ้อมแขนของเขา และลมหายใจอันร้อนแรงก็ปะทะใบหน้าของเธอ ทำให้แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน