บทที่103ทำไมต้องจับมือ
“มาจากสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานเหรอ?สี่สัตว์แห่งเทพในตำนานแบ่งเป็นนกฟีนิกส์แดงเสือขาวมังกรเขียวเต่าดำเสวียนอใช่ไหม?”
ใช่แล้ว”ดวงตาสีทองมองไปทางจูนจิ่วเขายิ้มตรงมุมปากด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์เขาหันกลับไปพูดต่อ“อักษรคำสัตว์โบราณพวกนี้เล่าเรื่องของเมื่อสืบทอดวิชาต่อจากนางก็จะสามาถออกจากห้องนี้ได้
“เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”จูนจิ่วจ้องมองโม่อู๋เยว่ด้วยความสงสัยนางรู้สึกว่าโม่อู๋เยว่จะใช้โอกาศที่นางอ่านอักษรนี้ไม่ออกแล้วคิดที่จะหลอกนาง!
จูนจิ่วไม่ได้สงสัยเรื่องที่โม่อู่เยว่จะสามารถอ่านคำสัตว์โบราณออกรึเปล่าความต่างระหว่างนางกับโม่อู๋เยว่ก็คือเขาคือคนในดินแดนนี้แถมยังมีฝีมือที่ไม่สามารถประเมินได้มีเบื้องหลังที่ไม่ชัดเจนการที่จะรู้จักคำสัตว์โบราณมันก็เป็นเรื่องธรรมดา
จูนจิ่วมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วนางรีบหันไปมองภาพวาดตรงฝาผนัง“ในเมื่อเป็นคำสัตว์โบราณงั้นผู้หญิงที่อยู่ในภาพวาดก็คงไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์เทพต่อให้ข้าสืบทอดวิชาต่อจากนางก็คงไม่สามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้”
“ไม่เจ้าสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้วิชาของนางคือวิชาควบคุมสัตว์เป็นหนึ่งในชาวนกฟีนิกส์แดงที่อยู่ในสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานมันมีผลในการควบคุมสัตว์ปีกถ้าเกิดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เรียนรู้อย่างน้อยสุดก็สามารถเข้าใจภาษาของเหล่าสัตว์ปีกอีกอย่างวิชานี้ยังมีผลดีกับแมวของเจ้าด้วย”
แม้จะเป็นวิชาที่สืบทอดมาจากนกฟีนิกส์แดงแต่เสือขาวก็เป็นสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานเหมือนกันถ้าเกิดจูนจิ่วได้เรียนวิชานี้ก็จะสามารถกระตุ้นเลือดของเสือขาวงี่เง่านั่นได้ถ้าเกิดได้รับเลือดของเสือขาวเสี่ยวอู่ถึงจะมีสิทธิ์เป็นสัตว์เทพของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์
พอได้ยินว่ามีผลดีกับเสี่ยวอู่จูนจิ่วก็เกิดสนใจขึ้นมา
แต่ว่านางก็หันไปจ้องมองโม่อู๋เยว่อีกครั้งแล้วรูดคางตัวเองด้วยความสงสัย“ในเมื่อเป็นวิชาของนกฟีนิกส์แดงที่เป็นสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานของดีขนาดนี้ทำไมเจ้าไม่เอาไปใช่เองล่ะ?”
“มันเป็นของไร้ประโยชน์สำหรับข้า”โม่อู๋เยว่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์แต่จูนจิ่วที่มองผ่านแสงอันน้อยนิดก็เห็นใบหน้าของเขาที่แสดงความรังเกียจออกมาเหมือนว่าวิชาของนกฟีนิกส์แดงที่เป็นสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานสำหรับเขามันก็เป็นเพียงแค่เศษกระดาษที่อยู่ข้างทางที่เดินเหยียบผ่านไปด้วยไม่คิดที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ
พอเหล่มองไปสักพักจูนจิ่วคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วพอมองรอบๆห้องลับแห่งนี้เมื่อกี้นางเพิ่งสำรวจไปหนึ่งรอบห้องลับแห่งนี้ไม่มีช่องว่างแม้แต่นิดเดียวไม่มีลมพัดไม่มีอากาศนางสามารถใช้กูยซีกงสามารถอยู่ที่นี่ได้เจ็ดถึงวันโดยที่ไม่มีปัญหาอะไรถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่
ส่วนโม่อู๋เยว่ยิ่งไม่ต้องกังวลอะไร
จูนจิ่วพูด“ในเมื่อต้องสืบทอดวิชานี้ถึงจะออกไปจากที่นี่ได้แล้ววิชาอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“อยู่ตรงภาพวาดฝาผนัง”
“ภาพวาดฝาผนัง?”จูนจิ่วมองดูภาพวาดอีกรอบทุกครั้งที่นางดูก็ตรวจดูอย่างละเอียดแต่ก็ไม่เห็นอะไรที่บ่งบอกว่ามีตำราวิชาที่ซ่อนอยู่ในนั้น
ในเวลาเดียวกันโม่อู๋เยว่ยกมือขึ้นปลายนิ้วของเขามีแสงสีเงินส่องไปทางภาพวาดฝาผนังทันใดนั้นภาพวาดตรงฝาผนังทั้งห้าก็มีชีวิตขึ้นมาบนภาพวาดเหมือนกำลังขยับเวลาเดียวกันก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นตรงหน้าของจูนจิ่ว
นี้ก็คือวิชาของนกฟีนิกส์แดง!
แต่ว่า......จูนจิ่วยืนเงียบนางอ่านอักษรคำสัตว์โบราณนี้ไม่ออกเอียงคอไปมองโม่อู๋เยว่จ้องตาอันมีเสน่ห์ที่แฝงความชั่วร้ายของเขาเข้าพอดีจูนจิ่วเอามือกอดอก“เจ้ามีสองทางเลือกนั้นคือเจ้าเรียนวิชานี้เองแล้วออกไปรึไม่ก็สอนข้าอ่านคำสัตว์โบราณนี้แล้วเราออกไปพร้อมกัน”
เปิดปากพูดก่อนไม่มีโอกาสให้โม่อู๋เยว่เสนอข้อต่อรองที่มากจนเกินไป!
พอโม่อู๋เยว่ได้ยินดวงตาสีทองคู่นั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาเขาเอามือไปจับจูนจิ่ว“มานี่ข้าจะสอนเจ้า”
“สอนก็สอนดีๆสิจะจูงมือทำไม?”
โม่อู่เยว่ยิ้มมากกว่าเดิมแล้วพูดออกมา“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เจ้าจะมาไหม~~”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...