บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 132

สรุปบท บทที่132 ประหลาดใจหรือไม่ หวาดเกรงหรือไม่: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

สรุปตอน บทที่132 ประหลาดใจหรือไม่ หวาดเกรงหรือไม่ – จากเรื่อง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

ตอน บทที่132 ประหลาดใจหรือไม่ หวาดเกรงหรือไม่ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดยนักเขียน ต้าวเมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่132 ประหลาดใจหรือไม่ ถูกกระตุ้นหรือไม่

ด้านหน้าของทะเลสาบ

จูนหยูนเสี่วยได้ให้พวกพ้องสามสิบคนซ้อนตัวอยู่ในป่า เงยหน้าขึ้น สายตาที่มองข้ามป่าไปยังด้านหน้าของทะเลสาบ แสงจันทร์ที่สะท้อนเปร่งประกายสวยงามในท้องทะเลสาบมากเพียงใด แต่กับทำให้จูนหยูนเสี่วยกลับมองอะไรไม่ชัด

นางขมวดคิ้วและจ้องไปยังแม่นางสองคนด้วยสายตาที่ดุดันและเย็นชา “พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจูนจิ่วอยู่ที่นี่”

“แน่ใจเจ้าค่ะ”

“ศิษย์พี่หยูนเสี่วย พวกข้าเห็นกับตาว่าพวกนางมาผ่านมาทางนี้ มิหนำซ้ำยังได้พักผ่อนก่อกองไปอยู่ที่นั่นด้วย ในตอนนั้นก็พลบค่ำแล้วพวกนางคงไม่เสี่ยงที่จะเดินทางต่อในเวลาค่ำแน่”

หากท้องฟ้ามืดแล้วยังมีคนเดินทางผ่านเขาปู้หว่งอีกละก็ คนนั้นก็รนหาที่ตายอย่างไม่น่าสงสัย จูนหยูนเสี่วยจึงเชื่อคำพูดของนางทั้งสอง

แต่ทว่าแม้ดวงไฟสักดวงนางยังไม่เห็นเลย นี่เป็นเรื่องปกติดีหรือ

มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดว่า “ศิษย์น้องจูนหยูน อย่ากังวลไปเลย พวกนางไม่จุดไฟ ก็เพราะไม่อยากให้เป็นสังเกต แสดงว่านางอาจจะกำลังวางแผนอะไรบางอย่างที่ไม่อาจให้ใครรู้ก็เป็นได้”

“แน่หรือ ข้าก็หวังว่านางกำลังคิดจะทำแผนชั่ว แล้วใช้โอกาสนี้ กำจัดนางออกไปจากสำนักเทียนโจ้ง

แน่นอนว่า ต่อให้จูนจิ่วจะถูกกำจัดหรือไม่ถูกกำจัด วันนี้จูนหยูนเสี่วยก็คิดที่ฆ่านางอยู่ดี

ในกลางดึกนั้น สายลมได้พัดพาความหนาวเย็นมาเยือน ทำให้ทุกสั่นไปทั้งตัว

มีคนพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ที่นี่ช่างหนาวยิ่งนัก ก่อไฟก็ไม่ได้ แล้วจะผ่านค่ำคืนนี้ไปได้อย่างไร”

“เจ้าเงียบไปเลย เจ้ากำลังยั่วให้ศิษย์พี่หยูนเสี่วยโมโหหรือไง”

แล้วเสียงนั้นจึงเงียบจูนหยูนเสี่วยคิดว่าที่พวกนั้นเงียบเพราะเกรงกลัวในอำนาจของนาง แต่กลับเป็นเพราะพวกมันถูกใครบางคนรัดคอและลากเข้าไปในความมืด ในขณะนั้นเองพวกจูนจิ่วก็ค่อยค่อยเข้ามาใกล้จูนหยูนเสี่วยขึ้นทุกที โดยไม่ให้เห็นแม้แต่เงา

นางเงยหน้าขึ้นมองจากที่มืด และใช้พลังทิพย์ของนางมองพวกจูนหยูนเสี่วยที่ล้อมรอบอยู่ทุกทิศ และนางพร้อมแล้ว

ลงมือ!

จูนจิ่วควบมาน้ำหน้าออกมาก่อน ในเวลานี้เงาในที่มืดเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด จูนจิ่วสังหารคนของจูนหยูนเสี่วยอย่างโหดเหี้ยม พวกหยูนเฉียวเองก็ได้โจมตีเข่นฆ่าพวกจูนหยูนเสี่วย ทำให้พวกจูนหยูนเสี่วยตกใจไม่น้อย

“ท่าไม่ดีแล้วพวกเราโดนซุ่มโจมตี โจมตี รีบโจมตีพวกมัน”

“ทุกคนรวมตัวกันไว้ อย่าแยกจากกันเป็นอันขาด”

“มันเป็นใคร ใครกล้ามาซุ่มโจมตีพวกเรา” จูนหยูนเสี่วยได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนมากมาย ทำให้นางโกรธเป็นอย่างมาก

ในสายตาของนางตอนนี้จูนจิ่วกำลังเดินเข้าไปหานาง จูนหยูนเสี่วยแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เป็นไม่ได้จะเป็นจูนจิ่วไปได้อย่างไร จากนั้นนางจึงได้ยินน้ำเสียงเย็นยะเยือกที่สามารถทิ่มแทงเข้าไปในส่วนลึกของกระดูกได้ว่า “ข้าเอง”

“เมี้ยว” เจ้าเสี่ยวอู่เชิดหน้าชูตายืนอยู่บนยอดไม้อย่างสง่าผ่าเผย จูนหยูนเสี่วยประหลาดใจหรือไม่ นี่คงทำให้หวาดเกรงได้หรือไม่

ความกล้าของจูนหยูนเสี่วยในเวลานี้ได้ถูกทลายลงไปหมดแล้ว

ไม่ว่านางจะคิดเท่าไรนางก็คิดไม่ออก ว่านางเป็นคนสะกดรอยตามแต่ทำไมจูนจิ่วถึงรู้ตัวได้ ยิ่งไปกว่ายังกลับมาซุ่มโจมตีพวกนางได้อีก

จูนหยูนเสี่วยเมื่อได้เห็นใบหน้าของจูนจิ่วแล้ว นางรับรู้ถึงความเจ็บปวดทั่วร่างกายและใบหน้าในทันที เพราะบาดแผลที่จูนจิ่วได้ฝากไว้กับนางนั้นมันช่างลึกเหลือเกิน

นางลงมืออย่างโหดเหี้ยม ดังถูกจอมมารเข้าสิง มีเพียงแค่จูนจิ่วตายเท่านั้น นางถึงจะวางใจได้

จูนหยูนเสี่วยมองจูนจิ่วด้วยความคับแค้นใจพรางตะโกนขึ้น “ทุกคนโจมตีนางแล้วฆ่านางซะ”

แต่กลับไม่มีผู้ใดตอบรับคำของนาง

ทำให้จูนหยูนเสี่วยหันกลับไปดู ถึงได้รู้ว่าช่วงเพียงเสี้ยววินาทีพวกของนางถูกสังหารทิ้งทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้าย และในตอนที่นางร้องตะโกนออกหนึ่งในสองคนที่เหลือถูกสังหารไปหนึ่งคน

ส่วนที่เหลืออยู่อีกหนึ่งคน ถูกหยูนเฉียวแตะเข้าไปก้มตัวอยู่ใกล้กับนาง และคนคนนี้คือชายที่ปลอบนางก่อนหน้า เขาลุกขึ้นมาด้วยความทุลักทุเลและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวลและหวาดกลัวว่า “ศิษย์น้องหยูนเสี่วย เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง รีบหนีไป!”

ด้วยทักษะการต้องสู้ที่รวดเร็วทำให้จูนนจิ่วไล่ขึ้นมาติดๆ จูนหยูนเสี่วยร้องด้วยความเจ็บปวด พลางเอาผ้าห่อหุ้มเข่าของนาง จุดที่กู่ซงโจมเจ็บปวดราวกระดูกหัก

นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในแคว้นเทียนโจ้ง กระทั้งชายทั้งเหมือนต่างหลงเสน่ห์ของนาง แต่กู่ซงกับหยูนเฉียวกลับไม่หลงเสน่ห์หญิงงามอย่างนั้น

เมื่อเห็นจูนจิ่วใกล้เข้ามา นางจึงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วกระโดดออกมาด้วยความกล้าหาญ “ไปตายซะ”

จูนหยูนเสี่วยมีลูกบอลก้อนดำอยู่ในมือหวังจะขว้างใส่พวกจูนจิ่ว เมื่อจูนจิ่วรับรู้ได้ถึงอันตรายจึงใช้เป๋ยเย่ขวาง

หยูนเฉียวเอาไว้ “ถอย!”

สิ้นเสียงพูดพรางก็เกิดเสียง ตู้ม!ขึ้น

หลังจากเสียงดังของระเบิดสงบลง ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังครั้งใหญ่ใกล้ ๆ กับที่พวกจูนจิ่วอยู่

ในขณะเดียวกันก็พรางมีเลือดกระเด็นไปทั่ว

กระเด็นล้มลงอยู่บนพื้น หยูนเฉียวพยายามพยุงตัวเองขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ พอยันตัวเองขึ้นได้ก็ล้มนอนอีก

เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมตะโกนออก “แม่นางจูน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“จูนจิ่วเจ้าเป็นอะไรไหม ทุกคนไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ข้าไม่เป็นอะไร แค่ก แค่ก ท่านพี่จิ่วเจ้าละ?”

เสี่ยวอู่นั้นได้ยืนอยู่บนต้นไม้ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อยู่บนต้นไม้อย่างสบายใจพรางมองลงมาข้างล่าง แต่กลับอุ้มโม่อู่เยว่เจ้านายตัวเองไว้ในมือ

น่าโมโหยิ่งนัก

ทั้งทั้งที่แมวควรช่วยชีวิตเจ้านายของตัวเองไว้ โม่อู่เยว่พูดออกมาด้วยต่ำพรางแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะฆ่า “ในเมื่อนางหนีไปแล้ว เสี่ยวจิ่วเออร์จะฆ่านางหรือไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ