บทที่132 ประหลาดใจหรือไม่ ถูกกระตุ้นหรือไม่
ด้านหน้าของทะเลสาบ
จูนหยูนเสี่วยได้ให้พวกพ้องสามสิบคนซ้อนตัวอยู่ในป่า เงยหน้าขึ้น สายตาที่มองข้ามป่าไปยังด้านหน้าของทะเลสาบ แสงจันทร์ที่สะท้อนเปร่งประกายสวยงามในท้องทะเลสาบมากเพียงใด แต่กับทำให้จูนหยูนเสี่วยกลับมองอะไรไม่ชัด
นางขมวดคิ้วและจ้องไปยังแม่นางสองคนด้วยสายตาที่ดุดันและเย็นชา “พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจูนจิ่วอยู่ที่นี่”
“แน่ใจเจ้าค่ะ”
“ศิษย์พี่หยูนเสี่วย พวกข้าเห็นกับตาว่าพวกนางมาผ่านมาทางนี้ มิหนำซ้ำยังได้พักผ่อนก่อกองไปอยู่ที่นั่นด้วย ในตอนนั้นก็พลบค่ำแล้วพวกนางคงไม่เสี่ยงที่จะเดินทางต่อในเวลาค่ำแน่”
หากท้องฟ้ามืดแล้วยังมีคนเดินทางผ่านเขาปู้หว่งอีกละก็ คนนั้นก็รนหาที่ตายอย่างไม่น่าสงสัย จูนหยูนเสี่วยจึงเชื่อคำพูดของนางทั้งสอง
แต่ทว่าแม้ดวงไฟสักดวงนางยังไม่เห็นเลย นี่เป็นเรื่องปกติดีหรือ
มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดว่า “ศิษย์น้องจูนหยูน อย่ากังวลไปเลย พวกนางไม่จุดไฟ ก็เพราะไม่อยากให้เป็นสังเกต แสดงว่านางอาจจะกำลังวางแผนอะไรบางอย่างที่ไม่อาจให้ใครรู้ก็เป็นได้”
“แน่หรือ ข้าก็หวังว่านางกำลังคิดจะทำแผนชั่ว แล้วใช้โอกาสนี้ กำจัดนางออกไปจากสำนักเทียนโจ้ง
แน่นอนว่า ต่อให้จูนจิ่วจะถูกกำจัดหรือไม่ถูกกำจัด วันนี้จูนหยูนเสี่วยก็คิดที่ฆ่านางอยู่ดี
ในกลางดึกนั้น สายลมได้พัดพาความหนาวเย็นมาเยือน ทำให้ทุกสั่นไปทั้งตัว
มีคนพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ที่นี่ช่างหนาวยิ่งนัก ก่อไฟก็ไม่ได้ แล้วจะผ่านค่ำคืนนี้ไปได้อย่างไร”
“เจ้าเงียบไปเลย เจ้ากำลังยั่วให้ศิษย์พี่หยูนเสี่วยโมโหหรือไง”
แล้วเสียงนั้นจึงเงียบจูนหยูนเสี่วยคิดว่าที่พวกนั้นเงียบเพราะเกรงกลัวในอำนาจของนาง แต่กลับเป็นเพราะพวกมันถูกใครบางคนรัดคอและลากเข้าไปในความมืด ในขณะนั้นเองพวกจูนจิ่วก็ค่อยค่อยเข้ามาใกล้จูนหยูนเสี่วยขึ้นทุกที โดยไม่ให้เห็นแม้แต่เงา
นางเงยหน้าขึ้นมองจากที่มืด และใช้พลังทิพย์ของนางมองพวกจูนหยูนเสี่วยที่ล้อมรอบอยู่ทุกทิศ และนางพร้อมแล้ว
ลงมือ!
จูนจิ่วควบมาน้ำหน้าออกมาก่อน ในเวลานี้เงาในที่มืดเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด จูนจิ่วสังหารคนของจูนหยูนเสี่วยอย่างโหดเหี้ยม พวกหยูนเฉียวเองก็ได้โจมตีเข่นฆ่าพวกจูนหยูนเสี่วย ทำให้พวกจูนหยูนเสี่วยตกใจไม่น้อย
“ท่าไม่ดีแล้วพวกเราโดนซุ่มโจมตี โจมตี รีบโจมตีพวกมัน”
“ทุกคนรวมตัวกันไว้ อย่าแยกจากกันเป็นอันขาด”
“มันเป็นใคร ใครกล้ามาซุ่มโจมตีพวกเรา” จูนหยูนเสี่วยได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนมากมาย ทำให้นางโกรธเป็นอย่างมาก
ในสายตาของนางตอนนี้จูนจิ่วกำลังเดินเข้าไปหานาง จูนหยูนเสี่วยแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เป็นไม่ได้จะเป็นจูนจิ่วไปได้อย่างไร จากนั้นนางจึงได้ยินน้ำเสียงเย็นยะเยือกที่สามารถทิ่มแทงเข้าไปในส่วนลึกของกระดูกได้ว่า “ข้าเอง”
“เมี้ยว” เจ้าเสี่ยวอู่เชิดหน้าชูตายืนอยู่บนยอดไม้อย่างสง่าผ่าเผย จูนหยูนเสี่วยประหลาดใจหรือไม่ นี่คงทำให้หวาดเกรงได้หรือไม่
ความกล้าของจูนหยูนเสี่วยในเวลานี้ได้ถูกทลายลงไปหมดแล้ว
ไม่ว่านางจะคิดเท่าไรนางก็คิดไม่ออก ว่านางเป็นคนสะกดรอยตามแต่ทำไมจูนจิ่วถึงรู้ตัวได้ ยิ่งไปกว่ายังกลับมาซุ่มโจมตีพวกนางได้อีก
จูนหยูนเสี่วยเมื่อได้เห็นใบหน้าของจูนจิ่วแล้ว นางรับรู้ถึงความเจ็บปวดทั่วร่างกายและใบหน้าในทันที เพราะบาดแผลที่จูนจิ่วได้ฝากไว้กับนางนั้นมันช่างลึกเหลือเกิน
นางลงมืออย่างโหดเหี้ยม ดังถูกจอมมารเข้าสิง มีเพียงแค่จูนจิ่วตายเท่านั้น นางถึงจะวางใจได้
จูนหยูนเสี่วยมองจูนจิ่วด้วยความคับแค้นใจพรางตะโกนขึ้น “ทุกคนโจมตีนางแล้วฆ่านางซะ”
แต่กลับไม่มีผู้ใดตอบรับคำของนาง
ทำให้จูนหยูนเสี่วยหันกลับไปดู ถึงได้รู้ว่าช่วงเพียงเสี้ยววินาทีพวกของนางถูกสังหารทิ้งทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้าย และในตอนที่นางร้องตะโกนออกหนึ่งในสองคนที่เหลือถูกสังหารไปหนึ่งคน
ส่วนที่เหลืออยู่อีกหนึ่งคน ถูกหยูนเฉียวแตะเข้าไปก้มตัวอยู่ใกล้กับนาง และคนคนนี้คือชายที่ปลอบนางก่อนหน้า เขาลุกขึ้นมาด้วยความทุลักทุเลและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวลและหวาดกลัวว่า “ศิษย์น้องหยูนเสี่วย เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง รีบหนีไป!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...