บทที่133 นี่คือหยกทิพย์
ในชั่วพริบตาที่ระเบิด จูนจิ่วกำลังจะโต้ตอบแต่กลับถูกโม่อู่เยว่ดึงตัวไว้ ขณะเดียวกันก็ถูกปล่อยตัว ทุกคนที่โดนแรงระเบิดจนบาดเจ็บก็ได้แยกออกมาไว้ข้างนอก ได้ยินเพียงทุ้มต่ำที่ก้องกังวานของโม่อู่เยว่
เขาเอาจับปลายจมูก แล้วพูด: “ถ้าข้าไม่มาด้วย แล้วเจ้าจะทำอย่างไร”
จูนจิ่ว: “......”
คำพูดที่โอ้อวดและจำใจต้องตามมาด้วยของโม่อู่เยว่ รู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง
หลังจากเก็บกวาดเศษสากระเบิดเรียบร้อยแล้ว โม่อู่เยว่ถึงค่อยวางก้ามลง จูนจิ่วได้ยินพวกหยูนเฉียวหาตัวนาง นางจึงรีบตอบไปว่า “วางใจได้ ข้าไม่เป็นไร”
ก็โม่อู่เยว่จึงถามขึ้นอีก ยังจะอยากฆ่าจูนหยูนเสี่ยวอยู่อีกหรือไม่ ในตอนที่มีการระเบิด นางใช้ความเจ้าเล่ห์แล้วนี่ไป ป่านนี้คงหนีไปไหนต่อไหนแล้ว พวกหยูนเฉียวเองก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากแรงระเบิด
นัยน์ตาของจูนจิ่วเต็มไปด้วยไอแห่งการสังหาร “จะหานางเจอได้ไหม”
“ได้”
“ถ้าอย่างนั้น...”
บู้ม!
เสียงที่ดังออกสั่นสะท้านไปทุกที่ เสียงดังมาจากที่ใกล้ๆ พวกจูนจิ่วรีบหันไปดูอย่างเร็ว คลื่นในทะเลสาบค่อยค่อยระเบิดออกมาทีละชั้นทีละชั้น กลางทะเลสาบพรางปรากฏหยกใสเปล่งประกายไปทั่วฟ้า ลำแสงที่บริสุทธิ์และทรงพลังได้ดึงดูดทุกสายตา
เสี่ยวอู่ได้เผยกรงเล็บออกม “เจ้านายนั้นมันหยกทิพย์”
เมื่อหยกทิพย์ปรากฏ พรางก็เกิดแสงสว่างไปทั่วฟ้า ไม่ว่าจะอยู่ทิศไหนในเขาปู้หว่งก็มองเห็น
แคว้นไป๋หลี ชาวบ้านต่างก็มองไปยังแสงที่ปรากฏขึ้น พวกชาวบ้านธรรมดาไม่รู้ว่านี้เป็นปรากฏการณ์อะไร แต่ตาทุกคนกลับลุกวาว
“นั้นมัน สมบัติ” (สมบัติในที่นี่ หมายถึงของหายากและล้ำค่า)
“มันมาจากทางไหน”
“ใช้บนเขาปู้หว่งหรือไม่ รีบไปเร็ว อย่าให้ใครแย่งเอาไปได้”
ในขณะเดียวกกันแคว้นซ่างอี้ ก็เกิดปรากฏการณ์เดียวกัน นักจิตมากมาย ขอเพียงแค่อยู่ใกล้เขาปู้หว่งก็รีบโจมเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่อยู่ในเขาปู้หว่งบางก็วิ่งบางก็เหาะเข้า และยังมีผู้มีวิชาทั้งหลายต่างก็เร็วอย่างสายฟ้าโจมเข้ามา
ในสำนักเทียนโจ้ง เฟิ่งเซียวก็รับรู้ถึงเหตุการณ์การนี้ รีบเร่งฝีเท้าเขาในสำนัก แล้วตะโกนสุดเสียงว่า “สมบัติ ปรากฏแล้ว”
อีกทั้งมันยังปรากฏขึ้นที่เขาปู้หว่ง เมื่อรู้ว่าเช่นนั้น เฟิ่งเซียวร้อนใจจนเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ
“ของเพียงเป็นสมบัติและถ้าเป็นแบบนั้นก็มีเซียนมากมายแย่งชินเพื่อได้มันมา เสี่ยวจิ่วอยู่ที่นั่นจะปลอดภัยหรือไม่ ไม่ได้การละข้าจะต้องไปช่วยนาง”
เฟิ่งมีความประหลาดใจต่อสมบัติเป็นอย่าง นางนำกองกำลังทหารมาทั้งชีวิต ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็มาก นางไม่ได้ขาดสิ่งใดเลย สมบัติอะไรนั้น ยังมีความสำคัญไม่มากเท่าเสี่ยวจิ่ว นางเดินออกมาได้สองก้าวก็หันตัวกลับเข้าไปในห้อง
โล่ชิวเห้อได้แต่นอนเป็นผักอยู่บนเตียง สมบัติ ได้ปรากฏขึ้นที่เขาปู้หว่ง ข้าเป็นห่วงเสี่ยวจิ่วยิ่งนัก จักต้องไปให้เห็นด้วยตาของข้า โล่ชิวเห้อเพียงขยับตา เฟิ่งเซียวรู้ดีว่ามันจะถามอะไร
นางจึงตอบกลับ “สมบัติ ปรากฏขึ้นที่เขาปู้หว่งข้าเป็นห่วงเสี่ยวจิ่วยิ่ง จะต้องไปให้เห็นกับตาข้าเอง ในสถานการณ์ตอนนี้
ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าให้ระวังเหอจงให้ดี” นักกลั่นยาที่เหอจงพามา บอกว่าโล่ชิวเห้อโดนวางยา แล้วยังมีหน้ามาถามว่าโล่ชิวเห้อยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ช่างไม่รู้อะไรบางเลย เพราะโล่ชิวเห้อได้กินยาแก้พิษของเสี่ยวจิ่วเข้าไป ถ้าไม่อย่างนั้นคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ปรุงยาไม่ได้เรื่องมิหนำซ้ำยังเอายาที่เสี่ยวจิ่วปรุงให้เขาไปเพื่อต่ออายุของโล่ชิวเห้อ
เฟิ่งเซียวแสดงอาการไม่พอใจ “เจ้านอนที่นี่แหละ ยาของเสี่ยวจิ่วอย่างน้อยก็ยังให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ ถ้าจะถอนพิษออก ต้องรอให้เสี่ยวจิ่วกลับมาก่อน จ้าจะถามให้ว่านางจะยอมถอนพิษออกให้เจ้าหรือไม่”
พอเจอข้าแล้วนางก็จากไป โล้ชิวเห้อรีบขยับตาปริบปริบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...