บทที่139งูเจียวมอบตันจู
จะให้จูนเสี่ยเหล่ยที่เป็นผู้หญิงมาจัดการกับศพเหล่านี้มันไร้มนุษย์ธรรมเกินไป ดังนั้นหยูนเฉียวกับกู่ซงจึงไปจัดการศพเหล่านั้นสองคน พวกเขาทั้งสองพยายามทำให้ร่องรอยการต่อสู้เป็นของพวกสัตว์ทิพย์ที่เป็นพวกเข่นฆ่าผู้คนเหล่านี้
แม้ว่าหยูนฉียวจัดการไม่ว่องไว้และชำนาญเท่ากับกู่ซง แต่ไม่นานก็จัดการจนเรียบร้อย
หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็กลับเข้าไปในถ้ำ จูนจิ่วจึงได้ตรวจจับชีพจรของทุกคน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
จูนจิ่วพูดขึ้น “หยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ยได้ไปถึงระดับสองแล้ว รู้สึกได้อย่างชัดเจน”
“แล้วข้าละ” กู่ซงยิ้มยิ้มแล้วถาม
จูนจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง พรางขมวดคิ้วพูดขึ้น “เดิมทีเจ้าก็เป็นนักจิตระดับห้าอยู่แล้ว ดังนั้นการดื่มน้ำหยกทิพย์ไม่ได้มีผลที่เห็นได้ชัดมากนัก แต่ผ่านการฝึกฝนนั่งสมาธิ ทำให้พลังของเจ้ามีมากขึ้นเป็นสองเท่า”
“ใช่ จูนจิ่วเจ้าเก่งจริงๆ เพียงแค่จับชีพจรดูก็รู้ผลแล้ว ข้าเคยพบนักกลั่นยามาก็มาก แต่ไม่เห็นมีใครเก่งเท่าเจ้ามาก่อน ใช้แล้วจูนจิ่ว หากเจ้าจะไปอู่จง เจ้าจะไปจงไหน ตันจงใช่ไหม”
อู่จง นอกจากจะโดดเด่นในด้านของตันจงและเจี้ยนจง (สำนักที่ฝึกกระบี่) และก็ยังมีวิชาแขนงอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็น เทียนอู่จง กุยหยวนจงและชางไห่จง
ในบรรดาวิชาทั้งหมดการเลือกศิษย์เข้ามาของตันจงกับเจี้ยนจงเข้มงวดที่สุด ตันจงจะรับเพียงแค่นักกลั่นยา ส่วนเจี้ยนจงก็จะรับเพียงผู้มีพรสวรรค์ในการใช้ดาบ หรือไม่ก็พวกที่มาเป็นนักตีดาบเท่านั้น เมื่อถึงวาระการรับเลือกศิษย์จากหลายๆ แคว้นผ่านไป ต่อให้บวกเข้าลูกศิษย์จากตันจงและเจี้ยนจงก็มีไม่ถึงห้าคน เพราะเนื่องจากเงื่อนไขที่เข้มงวด
ไม่รอให้จูนจิ่วตอบกลับ กู่ซงก็พูดต่อ “ด้วยฝีมือการรักษาของจูนจิ่ว ไปตันจงก็ไม่เร็ว”
“แล้วถ้าจูนจิ่วไปตันจง แล้วพวกเราจะไปที่ไหน”
“พวกเจ้าหรือ” กู่ซงยักคิ้วแล้วยิ้ม “ตันจงรับเฉพาะนักกลั่นยา ส่วนพวกเจ้าช่างเหอะ แต่หากมีการเลือกให้เข้าโดยไม่มีการทดสอบ ข้าแน่ะนำให้จูนเสี่ยวเหล่ยไปชางไห่จง หยูนเฉียวไปกุยหยวนจง”
หยูนเฉียวขมวดคิ้วเล็ก พร้อมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “เพราะอะไร”
กู่ซง “เพราะชางไห่จงรับเฉพาะผู้หญิง ถ้าจูนเสี่ยวเหล่ยได้เข้าไปอยู่ที่นั้น ต้องได้รับการดูแลอย่างดีแน่ ส่วนกุยหยวนจงเป็นการฝึกฝนฝีมือในการใช้มือ จำเป็นต้องจัดการปราณายามะภายในให้ดี ทั้งยังเชี่ยวชาญด้านการใช้พู่กันเขียนและวาดรูปมันเหมาะหยูนเฉียวที่เหมือนคุณชายผู้สง่างาม คงหลอกล่อสาวสาวได้บ้าง”
ได้ยินกู่ซงหยอกล้อเล่นน้อย ทั้งเหมือนมีอาการหมั่นไส้เล็กน้อย หยูนเฉียวจึงเหลือบมองไปทางจูนจิ่ว นางโมโหแล้ว
“กู่ซงเจ้าอย่ามาพูดอะไรมั่วๆ หยูนเฉียวบริสุทธิ์ทั้งร่างกายละจิตใจ จะไปหลอกผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไรเล่า ทั้งข้าก็มีแขนงวิชาที่อยากจะเข้าไว้แล้ว ไม่มีทางเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงคนอื่นแน่นอ”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว “กู่ซงยิ่งยิ้มร่า ด้านหยูนเฉียวก็อยากจะปล่อยหมัดสักหมัดใส่เขา แต่จูนจิ่วกลับพูดขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้แลกหมัดกัน นางหันไปตวัดใส่เสี่ยวอู่ “ทำไมไม่แนะนำเทียนอู่จง”
“เทียนอู่จงไม่เหมาะกับพวกเจ้า ในเทียนอู่จงมีแต่พวกอันธพาล ไม่สุภาพอ่อนน้อมไม่พอ ยังป่าเถื่อนดุร้าย พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้ฝึกฝีมือการใช้มือ แต่กลับแค่หมัดเดียวก็ทำร้ายนักจิตได้แล้ว ยังได้รับขนาดนามว่าเป็นอาวุธในร่างคน” กู่ซงได้แต่ส่ายหัวด้วยความไม่ชอบใจ
แล้วจึงพูดต่อ “ไม่มีผู้หญิงคนใดชอบชายที่เทียนอู่จง ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งหลายที่อยู่ที่นั่นก็มีแต่พวกป่าเถื่อน
พูดเสียงโวยวาย ไม่รู้จักสำรวมกิริยามารยาท ถ้าหากพวกเจ้าได้ไปอยู่ที่นั้น ใครจะรับได้”
หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยต่างก็ส่ายหัวอย่างพร้อมเพรียง ได้ยินแบบนี้แล้ว ใครจะยังกล้าไปเทียนอู่จงอีก
แต่ละแขนงวิชาในอู่จงก็มีจุดเด่นของแขนงนั้นๆ แค่เพียงวิชาที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้น เมื่อได้เข้าไปแล้วก็ทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
จูนจิ่วมองไปยังกู่ซง พรางยิ้มไม่ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น กู่ซงทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องอู่จงทะลุปรุโปร่งเช่นนี้”
“คือ...ข้า ข้าก็ได้ยินคำบอกเล่ามาอีกที แต่ทั้งหมดที่ข้าพูดเป็นความจริง เชื่อข้าเถอะข้าไม่ได้โกหก” พูดพร้อมก็ทำกระพริบตาปริบปริบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...