บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 162

บทที่ 162 เก็บกวาดและโค่นล้มตระกูลจูน

เก็บกวาดและโค่นล้มตระกูลจูน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ถูกเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว ตระกูลหยูนลงมือ พลังอำนาจกองทัพล้อมรอบตระกูลจูนไว้ทันที สงครามนองเลือดตระกูลใหญ่ได้บังเกิดขึ้นแล้ว ฮ่องเต้ที่ได้รับข่าวคราวจากไท่ซ่างฮ่อง ออกคำสั่งให้กองทัพยู่หลินไปคุมกันบริเวณถนนใหญ่ โดยที่ไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครางตระกูลใหญ่ ทำหน้าที่เพียงปกป้องดูแลประชาชนผู้บริสุทธิ์

ไม่เพียงแต่ในตัวเมืองหลวง ในขณะเดียวกัน กองกำลังนอกสถานที่ที่นับไม่ถ้วนของตระกูลจูนล้วนถูกดึงเข้าสู่สนามรบทั้งหมด จากนั้นถูกรวบอำนาจและเข่นฆ่า ไม่มีแม้แต่กำลังในการต่อต้านเลย ตระกูลจูนกำลังจะดับสูญ ซึ่งมันรวดเร็วเกินไปอย่างไม่น่าเชื่อ

เหมือนดั่งคำอุปมาที่ว่ากำแพงล้มคนร่วมผลัก ตระกูลหยูนแข็งแกร่ง ตระกูลจูนอ่อนกำลัง ท่ามกลางสงครามตระกูลใหญ่ในครั้งนี้ยังมีกองกำลังไม่น้อยที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เพื่อผลักตระกูลจูนให้ล้มลง

จูนจิ่วและโม่อู๋เยว่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูตระกูลจูน ตระกูลจูนที่เคยรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ในอดีต ตอนนี้กลับต้องพังพินาศท่ามกลางบึงไฟ

ถ้าหากเป็นแต่ก่อนมีใครเคยพูดว่าตระกูลจูนจะสิ้นเผ่าพันธุ์ คงไม่มีผู้ใดเชื่อ หนึ่งในสองตระกูลใหญ่ที่อยู่คู่แคว้นเทียนโจ้งมาหลายร้อยปีจะสิ้นเผ่าพันธุ์ไปได้อย่างไร? แม้แต่ราชวงศ์ก็ไม่มีสิทธิ์อำนาจนี้ ใครเล่าจะทำได้? ทว่าตอนนี้จูนจิ่วทำได้แล้ว

นอกจากการจูนสงเทียนที่นางลงมือฆ่าด้วยตัวเองแล้ว เรื่องอื่นๆนางเพียงแค่คิดแผนการเล็กน้อย แล้วออกคำสั่งทุกอย่างก็จะสำเร็จตามนั้น ไม่มีการต่อต้านใดๆสักนิดเดียว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวว่าจูนจิ่วผู้เล่ห์เหลี่ยมไร้ผู้ใดเทียบเทียม

ยิ่งรู้สึกน่าทึ่งให้กับความเก่งกาจและแข็งแกร่งของจูนจิ่ว แม้แต่ตระกูลหยูนและพระราชวงศ์ล้วนอยู่ข้างนาง ความจริงก็แค่คนๆเดียว แต่กลับโค่นล้มทั้งตระกูลจูน ชาวโลกอาจพูดว่านางโหดร้าย? เยือกเย็น? ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น? เพชฌฆาต? ไม่เป็นไร จูนจิ่วไม่เคยสนใจความคิดเห็นของผู้คนอยู่แล้ว

แค่นางซะใจ ก็พอแล้ว

นางลูบหางของเสี่ยวอู่ จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก “จัดการเสี้ยนหนามไปแล้วหนึ่งราย”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ยังจัดการไม่หมด” เมื่อได้ยินโม่อู๋เยว่เอ่ยปากพูด จูนจิ่วเลิกคิ้วสงสัยมองไปทางเขา จากนั้นมองผ่านโม่อู๋เยว่ไป จูนจิ่วมองเห็นหยูนเฉียวที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

หยูนเฉียวหายใจเหนื่อยหอบ เขารีบเอ่ยปากพูด “แม่นางจูนไม่ได้การแล้ว จูนหวั่นเอ๋อร์บอกว่าซั่งกวนอี่หรงหนีไปแล้ว นางหนีผ่านช่องทางลับและออกจากตัวเมืองไปแล้ว”

“ซั่งกวนอี่หรง?” สายตาจูนจิ่วฉายแววอาฆาตไร้ขอบเขต “ตามไป”

ซั่งกวนอี่หรงจะต้องตาย

จูนจิ่วคว้าม้ามาหนึ่งตัวรีบตามไปทันที โม่อู๋เยว่ไม่ได้ตามไป เขากวาดสายตามองหยูนเฉียวด้วยความเย็นชาและเย่อหยิ่ง “คนอื่นล่ะฆ่าหมดหรือยัง?”

หยูนเฉียวพูด “เมื่อครู่ไปที่จวนอ๋องฉี่มา จูนหยูนเสวี่ยกลับไปที่สำนักเทียนโจ้งแล้ว ส่วนคนอื่นๆน่าจะตายหมดแล้ว”

“น่าจะ?” รอยยิ้มที่โหดร้ายไร้ความปราณีปรากฏขึ้นตรงมุมปากของโม่อู๋เยว่ “เหลิ่งยวนเจ้าไปจัดการสิ นอกจากจูนหยูนเสวี่ยแล้ว ฆ่าล้างโคตรตระกูลจูนอย่าให้มีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว”

“รับทราบ” เหลิ่งหยวนรับบัญชาแล้วจากไป

หยูนเฉียวมองอย่างตกตะลึง ถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมไม่ฆ่าจูนหยูนเสวี่ยล่ะ?”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เก็บนางไว้ยังมีประโยชน์”

“อ้อ” หยูนเฉียวพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นในหลายๆอย่าง มิน่าล่ะจูนจิ่วถึงพูดว่าชอบโม่อู๋เยว่ ถึงแม้เขาจะดูเผด็จการ ทว่ากลับไม่ใช่เอาความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่อย่างเดียว แต่มันคือการเข้าใจจูนจิ่ว คนที่ควรฆ่าก็ฆ่า คนที่จะเก็บไว้ก็เก็บมันไว้รอจูนจิ่วมาจัดการ

หยูนเฉียวรู้สึกทันทีว่าในจุดนี้ตัวเองเทียบโม่อู๋เยว่ไม่ติดเลย หากเขาอยากจะจีบจูนจิ่ว ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ เสียงหนาวสั่น ทำไมจู่ๆก็หนาวขนาดนี้ แผ่นหลังเย็นเฉียบ?

……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ