บทที่ 163 เจ้าห้ามดื่มเหล้า
จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้นสูง สถานะของทั้งสองคน นางทายถูกแล้ว
ส่วนซั่งกวนอี่หรงเบิกตากว้าง จ้องมองไปที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวด้วยสายตาเหลือเชื่อ ต่อให้นางต้องตายก็คิดไม่ตกว่า คนสองคนที่นางร้องขอให้ช่วยเหลือฆ่านางได้อย่างไร? ทำไมต้องฆ่ามันด้วย?
ชายหนุ่มดึงดาบกลับเข้าที่ สะบัดคราบเลือดที่ติดอยู่บนดาบออกไปอย่างรังเกียจ เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา “ที่แท้ก็เป็นคนของตระกูลจูน สมควรตาย”
“มีผู้หญิงนางหนึ่งที่ชื่อว่าจูนหยูนเสวี่ยฆ่าหลัวหยางตาย แถมยังตามฆ่าศิษย์น้องอย่าเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับจู๋หมู่ตระกูลจูนคนนี้ ” หญิงสาวประเมินการณ์อยู่ครู่หนึ่ง ความเฉยเมยเย็นชาตรงปลายหางตาและคิ้วของนางไม่ได้มองซั่งกวนอี่หรงอย่างมนุษย์ ทำเหมือนว่าได้เหยียบมดตายไปหนึ่งตัว
พวกเขาคือหนึ่งในอู๋อจง ศิษย์จากสำนักเจี้ยนจง
หลังจากที่ได้รับจดหมายขอให้ช่วยจากอย่าเอ๋อร์ อาจารย์ของหลัวหยางและอย่าเอ๋อร์ไม่สามารถบุกมาที่ตระกูลจูนได้ จึงขอให้พวกเขาออกหน้าแทนและเดินทางมาที่สำนักเทียนโจ้ง เพื่อแก้แค้นแทนหลัวหยางและอย่าเอ๋อร์ และถือโอกาสออกตามหาอย่าเอ๋อร์ที่ถูกไล่ฆ่าจนถึงตอนนี้ยังไม่พบร่องรอย ทว่าพวกเขากลับไม่รู้ว่า อย่าเอ๋อร์คงตกเป็นอาหารของสัตว์ทิพย์ไปตั้งนานแล้ว
ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปทางจูนจิ่ว “แม่นาง ข้าชื่อซูเหินศิษย์จากสำนักเจี้ยนจง และนี่คือศิษย์น้องของข้าชื่อชิวหยุนหยุน เจ้าก็ตามฆ่าจู๋หมู่ตระกูลจูนเช่นกันหรือ? งั้นพวกเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วสิ ข้าเป็นศัตรูกับตระกูลจูน ชิงฆ่านางก่อนต้องขออภัยด้วย ”
“ศิษย์พี่ทำไมต้องไปอธิบายให้นางด้วย? เพื่อนรึ นางไม่มีสิทธิเป็นเพื่อนกับพวกเราศิษย์สำนักเจี้ยนโจ้ง” ชิวหยุนหยุนแสดงท่าทางหยิ่งยโสมาก
ทว่าจูนจิ่วกลับไม่สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นางขี่ม้าเข้าไปใกล้ ตอนที่ซูเหินและชิวหยุนหยุนยังตกใจว่าจูนจิ่วจะทำอะไร เห็นเพียงดาบป๋ายเย่ถูกชักออกมา เหวี่ยงฟาดไปที่ศีรษะของซั่งกวนอี่หรงจนขาดสะบั้น เลือดสดพุ่งสูงกระจาย สาดกระเด็นไปโดนลำตัวของทั้งสองคน
ยังไม่ทันได้ป้องกันตัวใดๆ พวกเขานึกไม่ถึงว่าจูนจิ่วจะทำแบบนี้ ฉะนั้นจึงไม่ได้หลบไป กลิ่นคาวเลือดที่แสบจมูกสาดกระเด็นไปทั้งตัว ชิวหยุนหยุนแสดงอาการโวยวายทันที
“ไอ้สารเลว เจ้ากล้าทำให้กระโปรงของข้าสกปรกรึ ข้าจะฆ่าเจ้า” ความเย่อหยิ่งทะนงตนของศิษย์สำนักเจี้ยนจงใช่ย่อยเลยทีเดียว พวกเขามักทำเหมือนว่าทุกคนที่อยู่นอกเหนือจากอู๋อจงเป็นเพียงมดตัวเล็กๆจะฆ่าทิ้งยังไงก็ได้ ซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
ซูเหินขมวดคิ้วแน่น “ศิษย์น้องหยุดนะ”
ถึงแม้เขาจะพูดเสียงดุ แต่กลับไม่สามารถห้ามชิวหยุนหยุนไว้ได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าต้องการสั่งสอนจูนจิ่วอยู่แล้ว ถึงแม้จะฆ่านางไป ซูเหินก็แค่รู้สึกเสียดายจูนจิ่วที่งดงาม ยังไม่ทันได้ลิ้มลองเชยชมก็ต้องตายเสียแล้ว
ชิวหยุนหยุนดึงดาบออกมาแล้วบุกเข้าไป จูนจิ่วที่นั่งอยู่บนหลังม้า ไม่ขยับเขยื้อนใดๆเลย ในสายตาของพวกชิวหยุนหยุนกลับคิดไปเองว่าเป็นเพราะจูนจิ่วตกตะลึงตาค้างไปแล้ว
ดาบอันคมกริบพุ่งเข้ามาตรงหน้า ลมอันหนาวเย็นหมุนก่อตัวขึ้นมา จูนจิ่วพลันเอียงตัวหลบดาบอันคมกริบเล็กน้อย นางยกขาเตะใส่ข้อมือของชิวหยุนหยุนเข้าอย่างจัง
โอ๊ย
ชิวหยุนหยุนเปล่งเสียงร้องเจ็บปวด พลันข้อมือสั่นกระตุกจึงปล่อยดาบยาวหลุดมือไป นางกุมข้อมือไว้พร้อมถอยห่างออกไป ใบหน้าขาวซีดและยังไม่ทันได้เงยหน้าแสดงความโกรธ ดาบยาวของนางถูกจูนจิ่วเตะย้อนกลับคืนมา ดาบอันคมกริบเฉี่ยวผ่านใบหน้าของชิวหยุนหยุน ปลิวปักเข้าที่พื้นดิน
ชิวหยุนหยุนตกตะลึงตาค้าง ร่างกายแข็งทื่อ
“ศิษย์น้อง ศิษย์น้องเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซูเหินตกใจมาก มือข้างหนึ่งรับตัวชิวหยุนหยุนไว้ด้วย และเงยหน้าจ้องไปที่จูนจิ่วด้วย ฝีไม้ลายมือออกตัวว่องไวมาก “เจ้าเป็นใคร?”
“แคว้นเทียนโจ้งไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าศิษย์สำนักเจี้ยนจงจะมาเหิ่มเกริมวางอำนาจได้ ไสหัวไปซะ” น้ำเสียงเย็นชาดุด่าของจูนจิ่ว ทำให้ซูเหินและชิวหยุนหยุนตกใจจนสั่นไปเอง ตอนที่ดึงสติกลับมา รู้สึกว่าเมื่อครู่ช่างน่าอับอายยิ่งนัก พอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโกรธ พบว่าจูนจิ่วได้ควบม้าจากไปแล้ว
สองแข้งขาของพวกเขา ไล่ตามไม่ทันแน่นอน
“โอ๊ย” จูนหยุนหยุนกุมใบหน้าไว้ ทั้งกลัวทั้งโกรธจัด “คนสถุลชั้นต่ำ นางช่างบังอาจนัก ถึงได้กล้าเสียมารยาทกับศิษย์สำนักเจี้ยนจง อย่าให้ข้ารู้ว่านางเป็นใคร มิเช่นนั้นข้าไม่ปล่อยนางไว้แน่ ข้าจะฆ่านางเสีย ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...