สรุปเนื้อหา บทที่ 166 ข้ายังมีโม่อู๋เยว่ – บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว
บท บทที่ 166 ข้ายังมีโม่อู๋เยว่ ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 166 ข้ายังมีโม่อู๋เยว่
จูนหยูนเสวี่ยมารึ?
“เหมียว จูนหยูนเสวี่ยมาได้อย่างไร? นางถูกขับไล่ออกไปแล้ว ถ้าจะเข้ามาก็ต้องเข้ามาไม่ได้สิ” เสี่ยวอู่เดินอยู่ข้างกายจูนจิ่ว ทำเสียงเหมียวๆแสดงความสงสัย
จูนจิ่วหรี่ตาด้วยความเย็นเฉียบ นางเอียงหัวถามหรูมั่น “จูนหยูนเสวี่ยเข้ามาได้อย่างไร”
“คนของทูตอู๋อจงพานางเข้ามา ไม่รู้ว่าจูนหยูนเสวี่ยใช้วิธีการอันใดถึงได้เชื่อมสัมพันธ์กับคนของอู๋อจงได้ ใบหน้านางแฝงไปด้วยความโกหกหลอกลวง หากไม่ใช่เป็นเพราะนางที่เปิดเผยธาตุแท้เอง พวกข้าก็คงเชิดชูนางอยู่แน่” หรูมั่นตอบ
ตอนนี้แค่นางนึกถึงเรื่องแต่ก่อนที่เคยเชิดชูและเคารพนางก็จะรู้สึกสะอิดสะเอียนมาก ดูใบหน้าผิวเผินที่บริสุทธิ์สดใสเหมือนดั่งเทพีดอกบัวขาว แต่ในความเป็นจริงช่างน่ากลัวชวนขนหัวลุก
หรูมั่นพูดต่ออีกว่า “ไม่รู้ว่าครั้งนี้จูนหยูนเสวี่ยคิดจะทำการอะไรอีก ฮื้ม พวกเขาไม่ยอมให้นางได้สมดั่งใจหรอกท่านหมอเทวดาเชิญทางนี้ ห้องนี้อยู่ห่างจากห้องรับรองแขกเพียงแค่กำแพงกั้นนี้เท่านั้น ”
หรูมั่นเดินอยู่ข้างหน้า ผลักประตูเข้าไป ในปากนางที่พูดถึงกำแพงกั้นเป็นหน้าต่างโปร่งที่แกะสลักด้วยลายดอกไม้หนึ่งแถว นอกจากนี้ยังมีฉากกั้นสูงใหญ่วางอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง เพื่อปิดกั้นมุมมองจากห้องข้างๆไว้ เมื่อ จูนจิ่วเห็นดังนั้นรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นห้องที่เหมาะสำหรับการดักฟังมาก
“ท่านปู่ และไท่ซ่างฮ่องจะต้อนรับคณะทูตอู๋อจงอยู่ที่ห้องด้านข้าง” พอหรูมั่นพูดจบ ส่งรอยยิ้มและปิดประตูลงพร้อมเดินจากไป
เสี่ยวอู่ไม่เข้าใจ “นายท่าน นี่มันหมายความว่าไง?”
“จูนหยูนเสวี่ยถูกนำเข้ามาโดยคนของอู๋อจง ปู่ให้ข้ามาที่นี่ ก็เพื่อต้องการให้ข้าฟังดูว่าทูตอู๋อจงต้องการสื่อความหมายอะไร ซึ่งจะต้องให้คำตอบอยู่แล้ว” จูนจิ่วเข้าใจความหมายของเฟิ่งเซียวดี แทนที่จะบอกต่อให้นางสู้ให้นางมาฟังเองจะดีกว่า
เมื่อพูดจบ จูนจิ่วได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างแม่นยำ นางส่งสัญญาณมือให้เสี่ยวอู่ บอกให้เสี่ยวอู่เงียบๆ จากนั้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ส่วนห้องด้านข้าง โล่ชิวเห้อ เฟิ่งเซียวกำลังต้อนรับทูตอู๋อจงในห้องรับรองแขก
ตอนเริ่มแรกก็เป็นบทสนทนาคำกล่าวโดยทั่วไป ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ไม่ได้พูดถึงเรื่องการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นเลย พอผ่านไปซักครู่มีคนเดินเข้ามาจากข้างนอก เดินมากระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูอู๋ซาน จากนั้นอู๋ซานพยักหน้า “ให้นางเข้ามาได้”
อู๋ซานเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปทางโล่ชิวเห้อและเฟิ่งเซียว เอ่ยปากพูดว่า “ผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้ง ครั้งนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขอรบกวนสำนักเทียนโจ้งของพวกเจ้า”
“เรื่องอันใด ท่านทูตเชิญพูดได้ตามสบาย”
อู๋ซานพูด “ในครั้งนี้มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งในอู๋อจงฝั่งข้าได้หมายตัวนักจิตคนหนึ่งในแคว้นเทียนโจ้งของพวกเจ้า รู้สึกว่ามีพรสวรรค์ที่ไม่เลว และตั้งใจจะเก็บนางเอาไว้ แต่ว่านางไม่ใช่ศิษย์สำนักเทียนโจ้ง ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะให้นางเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นของสำนักเทียนโจ้งด้วย”
“ศิษย์พี่อู๋ซานหมายความว่าคนคนนี้ระบุชัดแล้วว่าจะต้องได้ไปที่อู๋อจงแน่นอน เพียงแค่มาเดินขั้นตอนที่สำนักเทียนโจ้งเท่านั้น ” ศิษย์สำนักเจี้ยนจงชิวหยุนหยุนพูดจาไม่เกรงใจใคร เสยคางขึ้นด้วยความหยิ่งยโส
โล่ชิวเห้อและเฟิ่งเซียวส่งสายตาหากันอย่างเงียบๆ ในเวลานั้นเองจูนหยูนเสวี่ยเดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นพวกเขาแล้ว จูนหยูนเสวี่ยไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไรเลย ไม่หวาดกลัวและยิ่งไม่มีความรู้สึกผิดหรืออับอายเลย แต่กลับเชิดหน้าชูคอ ทำเหมือนไม่รู้จักพวกเขาจริงๆ
เมื่อเห็นนาง โล่ชิวเห้อและเฟิ่งเซียวสีหน้าบึ้งตึงมืดครึ้ม
อู๋ซานสังเกตเห็น เขาเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไม?ผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้งและรองผู้อำนวยการพวกท่านรู้จักนางรึ?”
“รู้จัก” คนที่เปิดปากพูดก่อนเป็นจูนหยูนเสวี่ย นางยิ้มหยันแล้วพูดว่า “ข้ากับสำนักเทียนโจ้งมีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ทว่าตอนนี้ไม่ถือสาอะไรแล้ว ได้โปรดรบกวน ผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้งอนุญาตให้ข้าเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นด้วย หลังจากที่ข้าไปอู๋อจงแล้ว จะขอบคุณท่านทั้งสองเป็นอย่างสูง”
“ท่านเหอคนไหน?” ชิวหยุนหยุนพลันถามออกไปโดยไม่ได้คิด เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงผิดแปลกของอู๋ซาน ชิวหยุนหยุนลืมตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ซูเหินก็ตกตะลึงเช่นกัน ท่าทางไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาสบตากัน จึงหยุดการเค้นถามจูนหยูนเสวี่ยลง
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาทุกคน
จูนหยูนเสวี่ยดีอกดีใจ ในใจรู้ได้ทันทีว่าสถานะของเหอซ่านไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นจะทำให้ศิษย์เจี้ยนจงและศิษย์ตันจงแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวได้อย่างไร ส่วนโล่ชิวเห้อและเฟิ่งเซียวกลับขมวดคิ้วแน่นสีหน้ามืดครึ้ม จูนหยูนเสวี่ยเหมือนจะหาที่พึ่งที่เก่งกาจได้แล้ว ถ้าหากนางจะถือโอกาสนี้แก้แค้นจูนจิ่วล่ะ จะทำอย่างไร?
ความหมายของอู๋ซาน ไม่ได้ให้อำนาจในการปฏิเสธแก่สำนักเทียนโจ้งเลย จึงทำได้เพียงเห็นด้วยกับการให้จูนหยูนเสวี่ยเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ดีเด่น หลังจากที่พูดสนทนาทั่วไปอีกครั้งแล้วส่งพวกเขากลับที่พัก โล่ชิวเห้อกับเฟิ่งเซียวรีบกลับมาดูจูนจิ่ว
พอเดินเข้ามาที่ห้อง เฟิ่งเซียวถาม “เสี่ยวจิ่ว เจ้าคิดว่าไง?”
“คิดว่าไงรึ? จูนหยูนเสวี่ยมีที่พึ่งใหม่และสามารถทำให้นางเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นได้ อีกทั้งสิทธิอันนี้ต้องให้นางเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีอะไรอีกหรือ? ” สีหน้าจูนจิ่วเย็นชา ถือแก้วชาชิมชาไปด้วยพูดไปด้วย
“เสี่ยวจิ่วทำไมเจ้ายังใจเย็นอยู่ได้ ไม่รู้ว่าจูนหยูนเสวี่ยไปติดต่อกับคนของอู๋อจงได้อย่างไร ครั้งนี้นางมีที่พึ่งใหม่ นางจะปล่อยเจ้าไปหรือ? ปู่ไม่กลัวว่านางจะแก้แค้นหรอกนะ แต่ปู่กังวลว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ ”
“มีที่พึ่งแล้วไง ข้ายังมีโม่อู๋เยว่” จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก โม่อู๋เยว่สอดรู้สอดเห็นเรื่องของนาง ติดตามนางตลอดทั้งวัน ซึ่งจะต้องทำงานชดใช้หนี้นะ นางไม่ใช่สิ่งของจัดแสดงชมฟรี
เฟิ่งเซียวโล่งใจทันที เขาคิดว่าโม่อู๋เยว่เป็นอาจารย์ของจูนจิ่วและเป็นคนที่สุดหยั่งลึก ดูเหมือนจะเก่งกาจกว่าที่พึ่งใหม่ของจูนหยูนเสวี่ยคนนั้นเสียอีก
มีเพียงโล่ชิวเห้อที่แสดงสีหน้ามึนงง “โม่อู๋เยว่ คือใครกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...