บทที่ 200 ไต่สวนจูนหยูนเสวี่ย
นอกค่ายเขาวงกต เสี่ยวอู่พูดบ่นพึมพำ “นายท่านจะฆ่านางผู้หญิงชั่วคนนั้นหรือไม่?”
เสี่ยวอู่กับโม่อู๋เยว่อยู่นั่งอยู่บนต้นไม้สูงใหญ่นอกเขาวงกต กิ่งต้นไม้หนาและแข็งแกร่ง จนเสี่ยวอู่สามารถกลิ้งบนนั้นได้ตามอำเภอใจ มันหันหน้าไปทางโม่อู๋เยว่ เสี่ยวอู่ถามเขาว่า “เจ้าว่านายท่านจะฆ่าจูนหยูนเสวี่ยหรือไม่?”
“ไม่” โม่อู๋เยว่เห็นเงาร่างของเสี่ยวอู่ที่ดูจางไป ดีดแสงสีทองอันหนึ่งเข้าสู่ร่างกายของเสี่ยวอู่ ทันใดนั้นร่างกายดูเด่นชัดขึ้นมาค่อนข้างมาก
เดิมทีเสี่ยวอู่ควรจะเข้าไปในมิติสร้อยข้อมือ ทว่ามันไม่ยอม จะเดินตามโม่อู๋เยว่ เพราะว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ เสี่ยวอู่ไม่อยากเสียโอกาสที่จะบอกจูนจิ่วเป็นคนแรก ครั้งนี่มันจะต้องชิงอยู่ข้างหน้าของโม่อู๋เยว่
อีกอย่างมันพบว่าโม่อู๋เยว่สามารถช่วยให้ร่างกายของมันคงที่ได้ เสี่ยวอู่ยิ่งรู้สึกทะนงตนเกินตัว มันฟังที่โม่อู๋เยว่ตอบกลับมา และถามกลับไปว่า “ทำไมรึ?”
“เพราะว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ฉลาดกว่าพวกเจ้าไงล่ะ”
“เหมียว นายท่านต้องฉลาดที่สุดอยู่แล้ว” เสี่ยวอู่อกผายไหล่ผึ่ง มันรู้สึกภูมิใจแทนเจ้านายของตัวเอง ทว่าเสี่ยวอู่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมการที่เจ้านายฉลาดแล้วจะไม่ฆ่าจูนหยูนเสวี่ยให้ตาย?
ขณะที่กำลังคิดสงสัย เหลิ่งหยวนปรากฏกายทันที
เขานั่งกึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น แล้วพูดว่า “นายท่าน ข้าตรวจสอบหารายชื่อกองทัพเย่สิงได้แล้ว ข้อมูลทุกอย่างอยู่ข้างในนี้ ” เหลิ่งหยวนยกแขนทั้งคู่อยู่เหนือหัวพร้อมส่งมอบม้วนหนังสือหยกให้ เหลิ่งหยวนใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลของกองทัพเย่สิงทั้งหมด เป็นลูกน้องที่สุดยอดจริงๆ
โม่อู๋เยว่คว้าม้วนหนังสือหยกไว้ในมือโดยคว้าผ่านอากาศ กวาดสายตามองดูข้างในไปหนึ่งรอบ เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย “รอเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกมา ข้อสงสัยที่นางอยากรู้ทั้งหมด ล้วนสามารถตอบได้”
“เหมียวๆ” ให้ข้าดูบ้างสิ
โม่อู๋เยว่เหลือบมองเสี่ยวอู่ ใช้นิ้วกดให้มันลงไป “เงียบ”
ไม่มีกระจกน้ำแล้วจะทำไม โม่อู๋เยว่ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือหรือเครื่องมือใด เพราะจิตหนึ่งดวงอยู่ในกระดิ่งสีเงิน ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบกระไร ยังสามารถมองเห็นว่าตอนนี้จูนจิ่วกำลังทำกระไรอยู่
……
ในเวลานี้ ภายในค่ายเข้าวงกต
จูนจิ่วใช้ดาบตัดเส้นเอ็นมือและเท้าของจูนหยูนเสวี่ยออก เพื่อยับยั้งการดิ้นรนของนาง ตอนนี้นอนล้มอยู่ที่พื้นให้จูนจิ่วจัดการได้ตามใจชอบ ร่างกายที่ปวดร้าวของจูนหยูนเสวี่ยกำลังสั่นกระตุก นางพยายามลืมตากว้าง ทว่าใบหน้าที่บวมเหมือนหัวหมู ต่อให้จะพยายามลืมตากว้างมากเท่าไหร่ตาก็ยังเล็กเท่าถั่วเขียว
นางทำได้แค่ฟัง ฟังว่าจูนจิ่วจะทำกระไร?
นางได้ยินจูนจิ่วพูดว่า “จูนเสี่ยวเหล่ย เจ้าไปเฝ้าดูข้างนอก หากมีคนมาให้สกัดกั้นไว้ หากกั้นไม่อยู่ค่อยเรียกข้า”
“รับทราบ” จูนเสี่ยวเหล่ยไม่ได้ถามจูนจิ่วว่าจะทำกระไร ถึงแม้นางอายุยังน้อย แต่ว่าฉลาดเป็นกรด รู้ว่ากระไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ อย่างเช่นตอนนี้ นางแค่เชื่อฟังก็พอแล้ว
เมื่อเห็นว่าจูนเสี่ยวเหล่ยไปเฝ้าดูต้นทางแล้ว จูนจิ่วถึงจะหันหน้ามาทางจูนหยูนเสวี่ย นางกระตุกยิ้มมุมปาก “ในที่สุดตอนนี้ก็ไม่มีคนคอยเฝ้าดูแล้ว มีแต่ข้ากับเจ้า”
จูนจิ่วไม่รู้หรอกว่ากระไรคือกระจกน้ำ ทว่านางดวงจิตแข็งแกร่ง สามารถใช้แทนอาวุธได้เลย แต่ว่าจูนจิ่วไม่อยากเปิดเผยพลังวิเศษของตน ฉะนั้นเมื่อครู่นางจึงแกล้งใช้โย่วหยิ่งเป็นตัวนำ ความรู้สึกที่ถูกเฝ้ามองดูหายไปโดยสิ้นเชิง ในที่สุดจูนจิ่วก็ลงมือทำกระไรได้อย่างสบายใจสักที
จูนหยูนเสวี่ยพยายามลืมตากว้างเพ็งมองจูนจิ่ว น้ำเสียงนางเคียดแค้นน่ากลัว “เจ้าคิดจะทำกระไร จูนจิ่ว ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ หากเจ้าฆ่าข้า สำนักเจี้ยนจงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ข้าน่ะเป็นถึงว่าที่ลูกศิษย์ของเจ้าสำนักเจี้ยนจง”
“ใช่หรือ?” จูนจิ่วไม่ได้ใส่ใจกระไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...