บทที่ 215 สำนักเทียนอู่จงนั้นไม่ธรรมดา
ได้เดินทางด้วยนกกระเรียนมงกุฎแดงเช่นนี้ มันช่างสดชื่นและสบายใจเสียนี่กระไร นกกระเรียนมงกุฎแดงของที่นี่ไม่เหมือนกับสัตว์หวงแหนแห่งหัวเซี่ย กระดูกมันคนละเบอร์กัน อานหลังของมันสามารถบรรทุกคนสามคนได้อย่างสบายๆ เหมือนยาวเป็นสามเมตร
จูนจิ่วไม่สนใจมือที่ยื่นมาของชิงหยู่ นางลอยตัวขึ้นไปนั่งด้วยตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ ชิงหยู่จึงค่อยๆลดมือลงพลางแตะจมูกของตนเอง และกล่าวว่า: “ขึ้นมากันครบแล้ว! พวกเราไปกันเถอะ!”
“เจ้าค่ะ” นอกจากเหอซ่านแล้ว ก็ยังมีสาวกอีกแปดคนที่มายังสำนักหวู่จงพวกเขาต่างเป็นผู้ชายอกสามศอก มีรูปร่างกำยำแข็งแกร่ง พวกเขามองมาทางจูนจิ่วด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเป็นมิตร แต่สำหรับเหอซ่านนั้น เกรงว่าพวกเขาจักมาหาจูนจิ่วเพื่อฝึกทักษะจากการประลองไปเสีย
ถูกแล้ว การฝึกทักษะจากการประลอง
เหอซ่านเคยกำชับจูนจิ่วว่า สำนักเทียนอู่จงนั้นมีแต่คนบ้าคลั่งร้อนวิชา แทบจะไม่ได้ใช้สมอง ฝึกมาแต่ร่างกายล้วนๆ พวกเขาต่างก็ได้เห็นพลานุภาพของจูนจิ่วที่เขาวงกตนั่นแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องคันไม้คันมืออยากจะประลองกับนางสักรอบ
ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของจูนจิ่ว อีกทั้งนางยังเป็นศิษย์น้องของชิงหยู่ นอกเหนือจากผู้อาวุโสและชิงอยู่แห่งสำนักเทียนอู่จงแล้ว หาได้มีผู้ใดเทียบเคียงนางได้ไม่
นกกระเรียนมงกุฎแดงโบยบินฝ่าสายลมจนภูเขา แม่น้ำ และปุยเมฆอยู่ใต้ฝ่าเท้า เมื่อมองลงไปเห็นสรรพสิ่งที่กว้างใหญ่ไพศาล ทำให้รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่เฉกเช่นการเป็นวีรบุรุษ ความเลือดร้อนเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ละทิ้งความสบายใจท่ามกลางแม่น้ำภูเขาและปุยเมฆเหล่านี้ นี่คือพลังของผู้ที่มีความแข็งแกร่ง
จูนจิ่วเผยรอยยิ้มอันร้ายกาจอันแข่งแกร่ง นางจักกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจและพละกำลัง แล้ววันหนึ่ง สรรพสิ่งอันไพศาลนี้ก็จะอยู่แทบเท้าของนาง
“โอ่วโอ่ว!” เมื่อได้รู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของจูนจิ่ว เสี่ยวอู่ที่อยากจะเป็นวีรบุรุษด้วยก็ยืดอกผายไหล่ผึ่ง พลางส่งเสียงร้องอย่างนุ่มนวล ซึ่งฟังดูไม่ค่อยน่าเกรงขามสักเท่าไหร่ จึงไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เสี่ยวอู่ส่งเสียงร้องนั้น ทำให้การกระพือปีกของนกกระเรียนมงกุฎแดงสั่นสะท้าน
การรับรู้ถึงพละกำลังของเสือขาวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนดั่งภาพลวงตาที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เช่นนั้นนกกระเรียนจึงฟื้นตัวด้วยความรวดเร็ว โดยไม่มีผู้ใดทันสังเกตได้เช่นกัน
สำนักเทียนอู่จงตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแผ่นดินใหญ่ อย่ามองไปยังคุณธรรมที่เลอะๆเลือนๆของชิงหยู่ ในการเป็นมัคคุเทศก์ผู้นำเที่ยว ชิงหยู่นั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมในตำแหน่งนี้ ต่ำแหน่งที่มิอาจมีผู้ใดช่วงชิงไปได้ การพูดการจาด้วยไหวพริบ ที่แม้แต่ภูเขาธรรมดาก็ยังสามารถเอามาพรรณาแก่จูนจิ่วได้
จูนจิ่วกำลังตั้งใจฟังเรื่องราว ในขณะที่กำลังเดินทางเรื่อยๆไปยังสำนักเทียนอู่จง
ตลอดทางที่ได้เห็นและได้ยิน อารยธรรมของชนทางเหนือนั้นเปิดกว้างและจริงใจ แต่เมื่อได้เห็นเขาเป่ยโล่ที่ตั้งตระหง่านนั้น ทิวทัศน์ที่เคยได้พบได้เห็นก็จางหายไป มันมิอาจเทียบกันได้เลย ท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆ ภูเขาสูงตระการตาตรงหน้า ภูเขาน้อยใหญ่ของเขาเป่ยโล่ครอบคลุมอยู่ในระยะสายตา
ภูเขาสูงตระง่านสลับเป็นลูกคลื่น บรรยากาศที่สวยงามน่าประทับใจ
สำนักเทียนอู่จงตั้งอยู่บนเขาเป่ยโล่ วัสดุในการสร้างพระราชวัง และอาคารบ้านเรือนต่างเป็นหินไอโอไลท์สีน้ำเงินชิ้นใหญ่ โดยมีกำแพงด้านบนเป็นสีแดงเข้มที่ถูกปูทับด้วยกระเบื้องสีเขียว โครงสร้างอาคารแบบโบราณ ให้บรรยากาศอันเก่าแก่ที่แสนล้ำค่าแก่ผู้ประสบพบเจอ
นกกระเรียนมงกุฎแดงบินเข้าสู่อาณาเขตสำนักเทียนอู่จง เสียงคลื่นลมที่โต้กับการกะพือดังขึ้นอย่างรุนแรง ชิงหยู่หัวเราะออกมา และอธิบายว่า: “นี่คือสาวกทั้งหลายในสำนักกำลังฝึกวิทยายุทธขั้นพื้นฐาน”
“อืม” จูนจิ่วผงกหัวเบาๆ นางมองลงไปยังสิ่งปลูกสร้างที่ใต้ฝ่าเท้า มีผู้คนมากมายเดินไปมากันขวักไขว่
นกกระเรียนมงกุฎแดงบินต่ำลง ลดระยะห่างอย่างกะทันหัน จัตุรัสหลักก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า สาวกของสำนักเทียนอู่จงจัดระเบียบแถวกันอย่างเรียบร้อยกำลังฝึกเตะแข้งเตะขา โดยมีเสียงตะโกนอย่างกึกก้องดังขึ้นมาจากที่แห่งนี้
เมื่อพวกเขาได้เห็นนกกระเรียนมงกุฎแดง ก็มีเสียงตื่นเต้นตกใจดังมาจากด้านล่างทันที: “เจ้าสำนักกลับมาแล้ว!”
“รีบมาเร็วเข้า เจ้าสำนักกลับมาแล้ว ไม่ต้องฝึกวิทยายุทธแล้ว พวกเราไปรวมตัว ณ ตำหนักเป่าถัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...