บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 223

บทที่ 223 ข้าเลื่อมใสอาจารย์อา

เพียงพริบตานางก็เข้าสำนักเทียนอู่จงมาได้แปดวันแล้ว ทุกวันก็ได้ค้นพบความสุขใหม่ๆ คนของสำนักเทียนอู่จงช่างสนุกจริงๆ คว้าแมวขึ้นมา จูนจิ่วเขี่ยคางเสี่ยวอู่ ฟังเสียงที่รู้สึกสบายของเขา จูนจิ่วกล่าวว่า “เสี่ยวอู่ชอบสำนักเทียนอู่จงหรือไม่”

“เหมียว”ชอบสิ

บรรยากาศของสำนักเทียนอู่จงนั้นตรงไปตรงมาอย่างเป็นธรรมชาติ อบอวลไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทุกคนนอกจากฝึกฝนแล้วก็ศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ยังไม่เคยเห็นใครก่อเรื่อง เมื่อคิดถึงจดหมายของหยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยที่เขียนมา ล้วนกลายเป็นสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้นางกำลังหวนรำลึกถึงกิริยาตอนที่ชิงหยู่พูดคำนั้น มุมปากปิดรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ แน่นอนว่านางตอบตกลงกับชิงหยู่แล้ว ศิษย์พี่ของนางจึงจากไปหลังจากหยุดพักผ่อนอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจนัก ถูกไล่ให้กลับไปทำงานแล้ว

จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองโม่อู๋เยว่ “โม่อู๋เยว่ เจ้าคิดว่าสำนักเทียนอู่จงเป็นอย่างไร”

“ใช้ได้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์วันนี้ก็จะไปที่น้ำตกหินหรือ”โม่อู๋เยว่ถาม

เขานั่งอยู่บนตั่งสาวงามท่าทางเกียจคร้านเต็มที หลังพิงขอบหน้าต่าง แสงตะวันส่องมาบนร่างเขาเป็นสาย แต่ไม่เหมือนผู้อื่นที่ดูอบอุ่นดึงดูดสายตา กลับกันยิ่งเสริมให้ดูโดดเด่นขึ้น ไม่ช้าประกายตาสีทองในแววตาของโม่อู๋เยว่ก็ทำให้ตาพร่ามัว

จูนจิ่วพยักหน้ารับ “ข้าอยากไปทดสอบแกนกลางของน้ำตกหิน วิชาฝึกร่างกายชั้นที่สองข้าฝึกฝนจนชำนาญแล้ว เมื่อรวมกับการฝึกร่างกายกับน้ำตกหิน ตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่บรรลุนักจิตชั้นสาม แต่กำลังกลับก้าวหน้าขึ้นมาก หากไปมาได้อย่างอิสระในน้ำตกหิน ก็คงจะบรรลุนักจิตชั้นสามระดับสูงได้อย่างราบรื่น ”

“ข้าจะไปกับเจ้า”

“เจ้าจะไปด้วย”จูนจิ่วเลิกคิ้วไปทางโม่อู๋เยว่

มาสำนักเทียนอู่จงไม่กี่วัน นอกจากจะได้พบโม่อู๋เยว่หลังกลับเข้ามาในสวน เวลาอื่นโม่อู๋เยว่ก็ไม่ได้อยู่ข้างกาย มีเพียงเหลิ่งยวนเท่านั้นที่คอยอารักขาปกป้องอยู่ตลอดเวลา แม้จูนจิ่วจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่เคยเอ่ยถามถึงว่าโม่อู่เยว่อยู่ที่ใด

หลังคำพูดออกจากปาก จูนจิ่วยักไหล่และลุกขึ้น “ดีล่ะ เสี่ยวอู่ไป ”

“เหมียว ”เสี่ยวอู่เดินตามจูนจิ่วต้อยๆ เมื่อเดินถึงหน้าประตูก็ไม่ลืมที่จะหันหัวกลับไปฉีกยิ้มให้กับโม่อู๋เยว่ โม่อู๋เยว่ทำได้เพียงมองอยู่ในที่มืด เขาสามารถยืนอยู่เคียงข้างเจ้านายได้อย่างสง่าผ่าเผย จะกอดจะหอม ก็ให้โม่อู๋เยว่อิจฉาไปสิ แต่เสี่ยวอู่หารู้ไม่ สวัสดิการดีๆในตอนนี้กำลังจะติดปีกบินหนีไปแล้ว

ก่อนจะถึงน้ำตกหินต้องผ่านลานฝึกการต่อสู้ จูนจิ่วผ่านมาก็จะได้รับการเคารพด้วยสายตาจากเหล่าลูกศิษย์ทุกวัน คุ้นเคยจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว แต่ว่าวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ชายที่มีรูปร่างกำลังวังชาแข็งแกร่งยืนอยู่ตรงหน้าจูนจิ่ว แต่หน้ากลับแดงก่ำเหมือนภรรยาสาวตัวน้อย กำหมัดไว้แน่น ลำตัวแข็งเกร็ง มองจูนจิ่วตาปริบๆอึกๆอักๆพูดไม่ออก

จูนจิ่วยิ้มบางๆ “ศิษย์หลานมีเรื่องอันใด”

“อ่า คือว่า อะแฮ่ม อาจารย์อาสามารถศึกษาแลกเปลี่ยนกับท่านได้หรือไม่ ข้าชื่อหวังฉี่อ๋าง และเป็นนักจิตชั้นสาม อาจารย์อาท่านวางใจไว้ ข้าไม่คิดจะเอาเปรียบท่านสักนิด ข้าจะไม่ใช้พลังทิพย์ ใช้เพียงวิชาฝึกร่างกายเท่านั้น”

“เอาเปรียบข้า”จูนจิ่วเลิกคิ้วมองไปยังหวางฉี่อ๋าง ยิ่งถูกมองเขายิ่งหน้าแดง คนแทบจะหดกลายเป็นนกกระทาไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างขี้อาย แต่ก็อดไม่ได้ที่อยากศึกษาแลกเปลี่ยนจริงๆ ที่จริงแล้วไม่เพียงมีแต่เขาเท่านั้น ในสำนักเทียนอู่จงบุรุษหยาบกร้านทั้งบนล่างต่างก็อยากศึกษาแลกเปลี่ยนกับจูนจิ่ว มีแต่พวกบ้าการต่อสู้ เป้าหมายในชีวิตคือประลองจนไร้คู่แข่งในโลกหล้า

ยิ่งเป็นระดับเจ็ดสีม่วงในตำนานที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว พรสวรรค์ยอดเยี่ยม ยากจะอดใจได้ แต่ละคนจิตใจรุ่มร้อนจนผมจะร่วงหล่นเป็นกำแล้ว

หวางฉี่อ๋างแบกสายตาแห่งความหวังของเหล่าลูกศิษย์ในลานฝึกการต่อสู้ที่อยู่ด้านหลัง กัดฟันและพูดว่า “อาจารย์อา ท่านก็ศึกษาแลกเปลี่ยนกับข้าสามกระบวนท่าเถอะ สามกระบวนท่าก็พอ ข้าเลื่อมใสในตัวอาจารย์อาจริงๆ ขอท่านอาจารย์อาชี้แนะด้วย”

“ฟู่——”จูนจิ่วพ่นลมหายใจ

เสี่ยวอู่ร้องเหมียวขู่ฟ่อ แยกเขี้ยวไปทางหวางฉี่อ๋าง หากไม่รู้มาก่อนว่าสำนักเทียนอู่จงล้วนคลั่งไคล้การต่อสู้ แต่ละคนซื่อตรง ก็คงเข้าใจความหมายของหวางฉี่อ๋างผิดไปเป็นแน่ ใครจะคาดคิดว่าคำว่าเลื่อมใสก็เอ่ยออกมาแล้ว

จูนจิ่วยิ้มบางๆ กล่าว “ดี ถ้าเช่นนั้นก็ศึกษาแลกเปลี่ยนกันสามกระบวนท่า”

“อ่า อาจารย์อาท่านตกลงแล้ว”หวางฉี่อ๋างยืนอึ้งอยู่สามวิ ครู่เดียวก็ดีใจจนเหมือนจะเป็นบ้า สายตาของเหล่าลูกศิษย์ในลานฝึกการต่อสู้เปลี่ยนเป็นทั้งอิจฉาทั้งริษยาในทันที ทุกคนต่างล้อมรอบเข้ามาโดยพร้อมเพรียงกัน จะห้อมล้อมดูการต่อสู้ของพวกเขา

จูนจิ่วยังได้ยินพวกเขาเตือนหวางฉี่อ๋าง อย่าทำให้นางบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นหากจูนจิ่วไปแล้ว พวกเขาทั้งหมดจะรุมเขา ฟังแล้วมุมปากของจูนจิ่วก็ยิ่งโค้งขึ้นไปอีก ในตาฉายแววขบขัน แต่พอเงยหน้าขึ้นมองหวางฉี่อ๋าง กลับแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที

ลานฝึกการต่อสู้ถูกล้อมเป็นหนึ่งวง จูนจิ่วและหวางฉี่อ๋างยืนซ้ายขวาประจันหน้ากัน

หวางฉี่อ๋างมองจูนจิ่วอย่างตื่นเต้นดีใจ ยกมือขึ้นคารวะ “อาจารย์อาเชิญท่านก่อน”

“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าลงมือก่อน”จูนจิ่วเลิกคิ้ว ในตามีรอยยิ้มแฝงความร้ายกาจแวบผ่านไป

ข้างๆลานฝึกการต่อสู้ เหลิ่งยวนถูจมูกไปมาพลางเอ่ยว่า “หากแม่นางจูนต้องลงมือก่อน คงไม่ต้องใช้ถึงสามกระบวนท่าแน่นอนกระมัง”

เหลิ่งยวนพยักหน้า จูนจิ่วเดิมทีก็โหดร้าย ยิ่งเพิ่มการ่ฝึกฝนวิชาฝึกร่างกายแล้ว สามารถมองออกได้ว่าฝีเท้าจูนจิ่วยิ่งเบาหวิวขึ้น ร่างกายก็ยิ่งแข็งแรงพลิ้วไหวมากขึ้น พละกำลังภายในร่างกาย เกรงว่าจะมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่านัก

ลูกศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งห้าสำนักพร้อมกับจูนจิ่วต่างหัวเราะว่านางบ้าไปแล้ว ไปสำนักเทียนอู่จง คงไม่รู้ว่าวิชาฝึกร่างกายของสำนักเทียนอู่จงนั้น ค่อยๆทะยานขึ้น ความผิดปกติของจูนจิ่วนั้น เป็นพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ดูยังไงก็ช่างผิดปกติยิ่งนัก

ระหว่างพูด การศึกษาแลกเปลี่ยนก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

เมื่อหวางฉี่อ๋างยืนยันหนักแน่นให้จูนจิ่วลงมือก่อน จูนจิ่วก็ย่อมไม่ขัดศรัทธา นางจิกปลายเท้าเบาๆ โจมตีในพริบตา เกิดเป็นลมเย็นพัดวูบ ความเร็วของจูนจิ่วเหมือนสายฟ้าเพียงแวบเดียวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าหวางฉี่อ๋าง

หวางฉี่อ๋างยังไม่ทันได้สติ เห็นเพียงเงาดำเคลื่อนไหวตรงหน้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงลมเยือกเย็นข้างหู ความสั่นกลัวที่เย็นยะเยือกส่งผ่านจากปลายเท้าไปยังศีรษะ ขนลุกชันทั้งร่างกาย

ลมเย็นหยุดลงแล้ว หวางฉี่อ๋างมองจูนจิ่วอย่างตะลึงงัน

ฟู่

ลานฝึกการต่อสู้แว่วเสียงสูดลมหายใจ หวางฉี่อ๋างก็เพิ่งได้สติ หันศีรษะช้าๆด้วยอาการคอแข็ง เห็นเท้าของจูนจิ่วกำลังออกจากศีรษะของเขา ระยะใกล้จนอีกแค่หนึ่งนิ้วเท่านั้นก็สามารถเตะหัวสมองเขาได้แล้ว

ศีรษะเป็นตำแหน่งถึงแก่ชีวิต ถ้าหากเมื่อสักครู่ไม่ใช่การศึกษาแลกเปลี่ยนกัน จูนจิ่วไม่ปรานี พลังของการเตะนี้ เตะเข้าศีรษะโดยตรง หวางฉี่อ๋างคิดแล้วร่างกายก็สั่นสะท้าน

จูนจิ่วเก็บเท้ายืนมั่น เอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าแพ้แล้ว”

“ข้า ……เมื่อสักครู่ข้า อาจารย์อาขออีกสักครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าลงมือก่อน ได้หรือไม่ ”หวางฉี่อ๋างตะลึงไปสักครู่ เมื่อได้สติก็รีบขอร้องอย่างเสียดาย

บ้าจริง

ทำไมเขาถึงยืนมึนงงอยู่นะ อ่าอ่าอ่าแปลกจริงๆ อาจารย์อาเก่งกาจขนาดนี้ หวังเหลือเกินว่าจะได้ศึกษาแลกเปลี่ยนกันอีกครั้ง ครั้งนี้เขาลงมือก่อน ต้องได้สู้กับอาจารย์อาสมหวังแน่นอน

จูนจิ่วจัดแขนเสื้อ ริมฝีปากยิ้มเย็น “ก็ได้ ตกลงกับเจ้าไว้สามกระบวนท่า เจ้ายังเหลือโอกาสอีกสองกระบวนท่า”

“ดี อาจารย์อาข้ามาแล้ว”เสียงทุ้มดังสะท้าน หวางฉี่อ๋างกำหมัดอย่างดีใจ เหยียบพื้นอย่างแรงหนึ่งก้าวแล้วพุ่งตัวออกไป ท่าทางแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ เหมือนฟ้าคำรามพุ่งไปทางจูนจิ่ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ