บทที่ 237 สำนักเทียนอู่จงกลับกลายเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“จูนจิ่วกับผู้อาวุโสโม่แห่งสำนักเทียนอู่จง” ประโยคนี้ทำเอาบ่าหนักอึ้ง ไม่เพียงแต่เอาชนะยู่ซินได้ แต่มันเหมือนทำให้นางจะจมน้ำตาย!
แววตาที่จ้องมองไปยังจูนจิ่วสั่นระรัว ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีหยกอมฟ้าอ่อนที่นางใส่อยู่นั้น ช่างเหมาะสมลงตัวกันเหลือเกิน รูปลักษณ์ที่สง่าผ่าเผย ใบหน้าแสนงดงามดึงดูดใจ เป็นความสูงส่งที่บ้าบอสิ้นดี ดวงตาแสนเย็นชาที่ไร้ความปรานีคู่หนึ่งกวาดสายตามองมา เมื่อยู่ซินได้ปะทะสายตากับนาง ความรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดเข้าใส่ จึงรีบก้มหัวต่ำลงเพื่อหลีกเลี่ยงในทันใด
นางถูกขนานนามว่าเป็นหญิงงามที่สวยที่สุดแห่งตันจง แต่ดูเหมือนว่าแสงดาวมันจะเทียบแสงจันทร์ไม่ได้ นางหาได้มีสิ่งใดเทียบเคียงได้ไม่
ความริษยา ความตกตะลึงที่ไม่ได้อยากจะเป็น ยู่ซินกัดฟันกรอก “นางคือหมอเทวดาจูนจิ่ว!”
“ฟื้ด!” เสียงฮือฮาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้ต้องสูดหายใจเข้าลึก ทุกๆคนต่างจ้องมองกันไปที่จูนจิ่วและโม่อู๋เยว่อย่างหลงใหล สำนักเทียนอู่จงช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก เหตุใดถึงมีคนชั่วทั้งสองคนที่งดงามปานนี้กัน? การที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ถึงกับกดความรุ่งโรจน์ของผู้อื่นในลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนไปเสียหมด
หาใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ที่น่าหลงใหลนั่นไม่ ยังมีรัศมีอันทรงพลังที่แสนเย็นชาอย่างที่มิอาจมีผู้ใดมองข้ามได้อีกด้วย
แปะแปะแปะ!
ความเงียบงันถูกทำลายด้วยเสียงปรบมือ ชิงหยู่ลุกขึ้นก้าวไปหยุดข้างหน้าจูนจิ่ว ชิงหยู่กวาดสายตามองพลางพยักหน้าเบาๆอย่างพอใจ “ศิษย์น้องแต่งตัวเช่นนี้ช่างงดงามเสียเหลือเกิน!”
กล่าวจบ ชิงหยู่หันซ้ายหันขวามองไปทั้งสนาม และก็หันมาขยิบตาแก่จูนจิ่ว พร้อมลดเสียงลงพลางกล่าวติดตลกว่า: “ศิษย์น้อง เจ้าดูเถิด พวกเขามองดูเจ้าและผู้อาวุโสโม่กันอย่างตกตะลึง เพราะเจ้าทั้งคู่แท้ๆเลย สำนักเทียนอู่จงของข้าถึงได้ไร้คู่แข่งไปโดยปริยาย!”
“ศิษย์พี่ก็” จูนจิ่วยิ้มกรุ้มกริ่ม
ชิงหยู่รอคอยวันนี้มากว่าครึ่งปี หลังจากนี้ จะยังมีผู้ใดหน้าไหนกล้าบอกว่าสำนักเทียนอู่จงของเขามีแต่พวกคนพาลบ้าคลั่งอีกรึไม่? มีหญิงอย่างศิษย์น้อง มีชายอย่างผู้อาวุโสโม่ ยังมีผู้ใดกล้าสู้อีกรึ?
รอยยิ้มเสเพลเผยขึ้นอีกครั้ง ชิงหยู่ขยับตัว “เอาล่ะ! ศิษย์น้อง ผู้อาวุโสโม่ เชิญนั่ง เชิญนั่ง”
จูนจิ่วและโม่อู๋เยว่หันมามองหน้ากันพลางนั่งลงตามคำของชิงหยู่ ที่นั่งของพวกเขานั้นอยู่ตรงกลางของแท่นรับชม โดยอยู่ถัดจากชิงหยู่ สามารถกวาดสายตามองทั้งสนามได้อย่างสบายๆ รอจนจูนจิ่วและโม่อู่เยว่นั่งลงเป็นที่เรียบร้อย แต่ฝูงชนทั้งสนามยังคงจ้องมองพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ
แววตาที่เย็นชาของโม่อู๋เยว่ ทำให้ฝูงชนต่างพากันกลัวหัวหดด้วยความกดดัน ไม่กล้าเงยหน้ามารุกรานด้วยการจ้องมองเขาและจูนจิ่วอีกต่อไป
ผู้อาวุโสคนอื่นๆของทั้งสี่สำนักต่างพากันประหม่า ผู้อาวุโสถูฉีเอ่ยขึ้น: “ทรงอำนาจยิ่งนัก!”
“หากเทียบกับผู้อาวุโสถูฉีจักเป็นเช่นไร?” กู่ซงได้ยินเข้าจึงเอ่ยปากถาม
สัมผัสเคราไปมา ผู้อาวุโสถูฉีส่ายหน้าพลางกล่าวเสียงทุ้ม: “ข้าหาใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมไม่ สำนักเทียนอู่จงรับผู้อาวุโสโม่มาจากแห่งหนใดกัน?” ไม่เพียงแต่ชั่วร้ายเท่านั้น เรียกว่าเหตุแห่งหายนะเสียดีกว่า ความสามารถสูงส่งที่ทรงอำนาจไปในทางที่ผิด!
ตอนแรกก็มีจูนจิ่ว ตอนหลังก็มามีโม่อู่เยว่ สำนักเทียนอู่จงช่างน่าริษยาเสียเหลือเกิน!
เดิมทีมีผู้เปล่งประกายนับร้อยในการแข่งขันทั้งห้าสำนัก แต่ในเพลานี้ กลับเป็นสำนักเทียนอู่จงที่ได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวงไปแล้ว! ใครหน้าไหนก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลึกๆในใจนั้นแน่นไปด้วยคำสองคำ อิจฉา!
“ฮ่าๆๆๆๆ!” ชิงหยู่หัวเราะสำราญใจจนท้องแข็งอยู่บนเก้าอี้ หาได้สนใจภาพพจน์ใดๆไม่ เขาหันมาขยิบตาให้จูนจิ่ว “ศิษย์น้อง เห็นสีหน้าพวกมันม่ะ? เจ้านี่เป็นดั่งวีรบุรุษจริงๆเลย! อยากได้อะไรก็บอกพี่ ศิษยพี่ให้ได้ทุกอย่าง เดี๋ยวศิษย์พี่จะพาไปเที่ยวนะ~~”
“เจ้าสำนัก ท่านอย่าทำให้จูนจิ่วหลงผิด นางต้องการสิ่งใด พวกข้าซึ่งเป็นผู้อาวุโสจักหามาให้ก็พอแล้ว” โจวเตี๋ยมองไปที่ชิงหยู่อย่างข้องใจ อย่ามาทำให้ดาวเจ้าสำนักของเราแปดเปื้อน
พวกผู้อาวุโสชั่งกวน ต่างมองไปที่ชิงหยู่ พลางเอ่ยขึ้น: “ใช่แล้ว เจ้าสำนัก ท่านยังห่างไกลจากจูนจิ่วมากนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...