บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 246

บทที่ 246 ยาพิษขั้นรุนแรงนี้ไม่ธรรมดา

สายตาของจูนจิ่วสะท้อนความประหลาดใจ นางเหลือบมองกระดิ่งเงินตรงข้อมือ เกราะป้องกันโปร่งใสอันนี้ โม่อู๋เยว่เป็นคนทำหรือ? ข้างหูได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงแหลมที่น่ากลัวนัก จูนจิ่วแหงนหน้ามองไป เห็นยู่ซินถูกผงสีน้ำเงินสาดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง

เห็นได้ด้วยตาเปล่า บนผิวหน้าของยู่ซินถูกกัดเซาะจนเป็นแผลเน่าเปื่อย ไม่เพียงแต่มีแผลเน่าเปื่อยเท่านั้น ยังมีอาการคันด้วย ยู่ซินทนไม่ไหวจนเผลอเอามือไปเกาตรงแผลเปื่อย ที่อยู่ตามเรือนร่างและใบหน้า จนเกิดเป็นรอยแผลเลือดเป็นแถบๆ จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่น นี่มันยาสลายศพที่คุณภาพต่ำไม่ใช่หรือ? ทว่าผงเซาะกระดูกอะไรนั่นของยู่ซิน ผลลัพธ์ด้อยกว่ายาสลายศพเยอะเลย มันจะไม่งอกเกิดใหม่ มีแต่จะเน่าจนเสียโฉมไปโดยสิ้นเชิง

“ยาถอนพิษ ข้าจะเอายาถอนพิษ ยู่ซินรีบเอายาถอนพิษออกมากินอย่างหวาดผวา สามารถหยุดการเน่าเปื่อยได้ แต่กลับไม่สามารถรักษาแผลที่เกิดขึ้นแล้ว แบบนี้เขาเรียกว่าให้โทษแก่ท่านโทษนั้นถึงตัว บาดแผลบนร่างกายของยู่ซินช่างน่ากลัวยิ่ง ศิษย์ตันจงและเจี้ยนจงที่อยู่บริเวณนั้นล้วนแสดงสีหน้าตื่นตระหนกและตีตัวออกห่างจากนาง

กลับไม่รู้ว่าการทำแบบนี้ทำให้จูนจิ่วสังเกตเห็นข้อบกพร่อง

จูนจิ่วถือป๋ายเย่ไว้ ขานเรียกเสียงดุดัน “เสี่ยวอู่”

“เหมียวๆ” เสี่ยวอู่หายวับไปจากข้างกายจูนจิ่ว มันยกกรงเล็บขึ้นมา กรงเล็บเล็กๆตบเข้าที่ลำตัวของลูกศิษย์เจี้ยนจง ทำให้คนตัวปลิวออกไปไกลกว่าสิบเมตร ค่ายกลดาบสังหารฟ้าดินเกิดช่องโหว่ทันที แรงสังหารอ่อนกำลังลงทันที

มือซ้ายของจูนจิ่วถือป๋ายเย่ไว้ และฟาดเหวี่ยงจากบนลงล่าง เกิดเป็นพลังแรงดาบมหาศาล

ตรงที่มีแสงดาบกวาดผ่าน เห็นเพียงภาพถูกเชือดคอขาด จูนจิ่วพุ่งตัวไปตามแสงดาบจากทางด้านหลัง แล้วเขย่งเท้าตีลังกาหลังกลางอากาศออกจากการล้อมรอบได้ ด้านหลังมีเสียงตะโกนดังของจูนหยูนเสวี่ย “กีดขวางนางไว้”

จูนจิ่วรีบหมุนตัวอย่างฉับไว ยกแขนขึ้นมาแล้วฟาดเหวี่ยงดาบไปในแนวนอน

บูม ป๋ายเย่ปล่อยพลังเสียงดัง พลังจากดาบที่ฟาดฟันลงไปเหมือนการระเบิดไม้ไผ่ ทำให้ศิษย์เจี้ยนจงและตันจงวงแตกกระจัดกระจาย เมื่อพวกเขาลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยเสียงร้องเจ็บปวด ทั้งคนและแมวหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว

จูนหยูนเสวี่ยโกรธจนรีบสาวเท้าเดินเข้ามา กำหมัดแน่นเสียงดังกรอด โกรธจนกระทืบเท้า “กรี๊ด”

“ศิษย์น้องหยูนเสวี่ยอย่าเพิ่งโกรธเลย จูนจิ่วโดนมีดสั้นของศิษย์น้องทำร้าย นั่นมันเป็นถึงยาพิษขั้นรุนแรงที่ศิษย์น้องซื้อมาด้วยราคาสูงลิบลิ่วเชียวนะ ต่อให้จูนจิ่วจะเป็นนักกลั่นยา ทว่าอยู่ในเขตลับเทียนอู่ไม่มีอะไรสักอย่าง งานนี้นางตายแน่” ชิวหยุนหยุนเดินมาถึงข้างกายจูนหยูนเสวี่ย พูดจาประจบสอพลอ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จูนหยูนเสวี่ยยอมสงบลงพร้อมหรี่ตาฉีกยิ้มอย่างร้ายกาจ “เจ้าพูดถูก กว่าจะยาพิษนั่นข้าเสียแรงไปมาก นอกจากนักวางยาพิษแล้ว ยังไม่มีนักกลั่นยาผู้ใดสามารถถอนยาพิษนั่นได้ ต่อให้เป็นผู้อาวุโสตันจงก็แก้ไม่ได้”

แล้วจูนจิ่วจะถอนพิษได้อย่างไร? หรือต่อให้นางมีความสามารถจริง แต่อยู่ในเขตลับเทียนอู่ไม่มียาถอนพิษอยู่ หรือต่อให้นางหาสมุมไพรเจอ แล้วรอให้นางผสมยาถอนพิษเสร็จ นางคงตายไปตั้งนานแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ รอยยิ้มตรงมุมปากของจูนหยูนเสวี่ยยิ่งดูโหดเหี้ยมมากขึ้น นางแหงนหน้ามองไปยังพวกลูกศิษย์ จากนั้นสายตาตกไปที่เรือนร่างของยู่ซินที่เจ็บจนสลบไปแล้ว สายตาฉายแววความอำมหิต

จูนหยูนเสวี่ยเปิดปากพูด “ยู่ซินได้รับบาดเจ็บ พวกเจ้าศิษย์ตันจงพละกำลังอ่อนแอมาติดตามเจี้ยนจงกันเถอะ พวกเราจะไปที่ใจกลางเขตลับเทียนอู่ ทว่าเจี้ยนจงยอมปกป้องพวกเจ้า พวกเจ้าก็ต้องออกแรงเช่นกัน ระหว่างทางไปหาจูนจิ่วให้เจอ ตายต้องเจอศพอยู่ต้องเจอคน”

นางจะต้องเห็นศพของจูนจิ่วกับตาตัวเอง ถึงจะสบายใจได้

……

เสียงซาๆ จูนจิ่วเหยียบเท้าลงบนใบหญ้าที่แห้งกรอบ เขย่งเท้าย่อตัวกระโดดขึ้นไป จูนจิ่วกระโดดขึ้นไปบนยอดต้นไม้สาวเท้าฉับไว เพียงแค่พริบตาเดียวก็หายเข้าไปในป่าทึบ

ภายในหัวมีเสียงของเสี่ยวอู่ดังขึ้น “นายท่านข้าหาน้ำเจอแล้ว”

จูนจิ่วรีบหมุนตัวทันที และถึงที่หมายตามเส้นทางที่เสี่ยวอู่บอกอย่างรวดเร็ว ที่นั่นคือแม่น้ำแห่งหนึ่ง บริเวณรอบๆยังมีรอยเท้าของสัตว์ทิพย์ที่เดินมาดื่มน้ำ ตอนที่จูนจิ่วเดินเข้าไป นางยกแขนขึ้นและวางกับดักอาวุธลับ เช่น พวกลูกธนู หน้าไม้ ไว้บริเวณรอบๆด้วย

“เหมียวๆๆ นายท่านรีบจัดการบาดแผลเถอะ ข้าเฝ้าระวังตัวให้” เสี่ยวอู่มองที่แขนข้างขวาของจูนจิ่วด้วยความร้อนใจและเป็นห่วง ตรงข้อมือมีสีดำสนิทยาพิษแพร่กระจายตัวแล้ว

จูนจิ่วเสียบป๋ายเย่ไว้ที่พื้น นั่งลงตรงริมแม่น้ำแล้วยกแขนขึ้นมา ฉีกแขนเสื้อขาดไปครึ่งท่อน จูนจิ่วมองดูบาดแผลด้วยสายตาดุดัน กำลังพิจารณาบาดแผลตรงข้อมือที่มีเพียงรอยมีดบาดบางๆ แต่ยาพิษกลับแพร่กระจายเร็วมาก ไม่เพียงแต่ที่ข้อมือเท่านั้น เส้นเลือดตรงแขนก็นูนออกมาด้วย และมีสีดำช้ำประหลาด

ยาพิษนี้ไม่ธรรมดา

เวลาผ่านไปนานหนึ่งคืน พอเช้าวันใหม่จนเวลาเลยมาถึงเที่ยงวัน ณ ลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุน ทุกคนถึงจะเห็นเงาร่างของจูนจิ่วจากภาพเหตุการณ์ในบุปผากระจกจันทราวารีอีกครั้ง เห็นแค่ว่าจู่ๆจูนจิ่วก็หายไปพอปรากฏตัวอีกครั้ง ตรงข้อมือกลับมีสีดำช้ำ ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางโดนยาพิษขั้นรุนแรง

หมอเทวดาจูนจิ่วโดนวางยาพิษ ใครกันที่ทำร้ายนาง? ทุกคนซุบซิบนินทาด้วยความประหลาดใจ บนที่นั่งแขกคนสำคัญ ทุกคนต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป

ผู้อาวุโสเจี้ยนจงมองไปทางชิงหยู่พวกเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย พร้อมพูดจาเหน็บแหนมว่า “หมอเทวดาจูนจิ่วแท้ๆ กลับโดนวางยาพิษเสียเอง ชื่อเสียงเรียงนามเกรงว่าคงไม่จริงกระมัง อีกอย่างดูแล้วเหมือนโดนยาพิษขั้นรุนแรงเสียด้วย จิ๊จิ๊ เกรงว่าคงมีอันตรายแล้วล่ะ”

“โดนยาพิษในเขตลับเทียนอู่ โดยที่ไม่มียาถอนพิษ ไม่เพียงแต่อันตรายเท่านั้น หนักหนาหน่อยยังสามารถถึงชีวิตได้” ท่านชิงจากชางไห่จงเปิดปากพูด

“อาเจ็กเสี่ยวช่วย” ศิษย์สำนักเทียนอู่เกิดความจงวิตกกังวลจนหัวใจบีบแน่น แล้วดูสีหน้าของพวกผู้อาวุโสโจวเตี๋ยก็ไม่สู้ดีนัก รอยยิ้มบนใบหน้าของชิงหยู่มลายหายไป เขาเอ่ยปากพูดอย่างหนักแน่น “ศิษย์น้องเล็กเป็นถึงนักกลั่นยา หมอเทวดาจูนจิ่ว พิษแค่นี้นางสามารถจัดการได้อยู่แล้ว”

“จริงเหรอ? อย่างนั้นพวกข้าตั้งหน้าตั้งตารอก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสเจี้ยนจงหรี่ตาลงต่ำและยิ้มเจื่อนๆ เขาดูออกว่านั่นมันเป็นยาพิษขั้นรุนแรงของนักวางยาพิษ นอกจากนักวางยาพิษแล้วไม่มีผู้ใดมียาถอนพิษ สำนักเทียนอู่จงที่วันๆเอาแต่ทำตัวทะนงตัวเฮฮา ทีนี้คงได้สะดุดล้มไม่เป็นท่าแน่ เขาไม่เชื่อหรอกว่า จูนจิ่วแค่ตัวกะเปี๊ยกจะสามารถถอนยาพิษของนักวางยาพิษได้

จูนจิ่วไม่รู้ว่ามีการสังเกตการณ์จากที่ลับ แต่นางคาดเดาได้ว่าคงเหมือนกับตอนที่อยู่ในค่ายเขาวงกต ฉะนั้นตอนที่หยิบของออกจากสร้อยข้อมือมิติ จูนจิ่วล้วนทำทีล้วงมือเข้าไปหยิบของจากกระเป๋าเก็บของ

จูนจิ่วใช้มืออีกข้างมัดเชือกตรงแขนข้างขวาแน่นๆ นางถือโยวหยิ่งไว้ในมือแล้วทำการกรีดเปิดบาดแผล ทันใดนั้นเลือดสดสีดำและมีกลิ่นเหม็นไหลออกจากบาดแผลเต็มพื้น เลือดที่หยดใส่ใบหญ้าสีเขียวถูกกัดเซาะจนตาย

ยาพิษขั้นรุนแรงที่ร้ายกาจยิ่งนัก หากไม่ใช่เป็นเพราะว่านางมีการเข้าญาณทิพย์และน้ำหยกทิพย์ บวกกับการฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนักทำให้มีร่างกายที่เหนือคนทั่วไปล่ะก็ ยาพิษขั้นรุนแรงนี้คงได้ทำลายแขนของนางไปตั้งนานแล้ว

นางใช้ปลายนิ้วพลิกหมุนโยวหยิ่ง เนื้อเน่าเสียของจูนจิ่วถูกกำจัดทิ้งไปบางส่วน เนื้อเน่าเสียอยู่ลึกและเยอะมาก หากกำจัดหมดคงลึกจนเห็นกระดูก ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่นอกบุปผากระจกจันทราวารีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สันหลังเย็นวูบเป็นระลอกๆ แล้วมองไปที่จูนจิ่วที่มีสีหน้าเย็นชาตลอด แม้แต่รอยขมวดคิ้วยังไม่มีให้เห็นเลย ยอมรับนับถือจากใจจริงๆ

มีความอดทนและความมุ่งมั่นสูงมาก หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาคงทำไม่ได้แน่นอน

แล้วเห็นท่าทางของจูนจิ่วที่รวดเร็วกระฉับกระเฉง กรีดเนื้อร้ายและปล่อยเลือดออก มือข้างซ้ายทำท่ามือประสานกดทับลงบนเชือกที่มัดไว้ ปลายนิ้วมือมีพลังทิพย์ก่อตัวและซึมเข้าไปที่แขน ค่อยๆขับไล่เลือดที่มีพิษและสารพิษออกไปจนหมด วิธีการนี้ใช้เวลาไปทั้งหมดสองชั่วโมง

จากนั้นจูนจิ่วปลอดเชือกที่มัดออก ปล่อยเลือดสดอีกครั้งแล้วค่อยห้ามเลือดทายา นางหยิบยาออกมากินสองเม็ดนั่งพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเหลือบมองที่แขนขวาอีกครั้ง ถึงแม้บาดแผลยังคงดูน่ากลัว ทว่านิ้วมือสามารถขยับและถือดาบได้แล้ว

จูนจิ่วตบมือแปะๆอย่างพึงพอใจ จัดการได้แล้ว

ข้างนอกบุปผากระจกจันทราวารี ทุกคนถลึงตาจนดวงตาจะทะลักออกจากขอบตาอยู่แล้ว นี่จัดการได้แล้วหรือ? พิษถูกถอนแล้วเหรอ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ