บทที่ 280 ต้องการจุมพิตของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์
สายตาของจูนจิ่วโปรยตกบนตัวเหลิ่งยวนไม่ไหวติง บัดนั้นเหลิ่งยวนเข้าใจตัวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้สำเร็จแล้ว! หารู้ไม่ว่าจูนจิ่วไม่ได้มองเขา แต่มองผู้ชายที่เพิ่งปรากฏตัวกายอากาศข้างหลังเขาต่างหาก ไม่รู้ว่าได้ยินถ้อยคำเมื่อสักครู่ของเหลิ่งยวนหรือไม่
นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์ลับผ่านไป จูนจิ่วกระตุกยิ้มชั่วร้าย นางมองเหลิ่งยวนพลางเอ่ยว่า “เจ้าไม่ใช่เขา จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเทิดทูนข้าทั้งดวงใจ” นางจงใจเน้นย้ำคำว่าเทิดทูนทั้งดวงใจอย่างเจ้าเล่ห์
หากไม่สามารถตอบคำถามได้ และพยายามโยนความผิดให้ผู้อื่น อันที่จริงกำลังขุดหลุมฝังตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหลิ่งยวนได้สติ แต่การได้สติของเขาสายไปหน่อย มองจูนจิ่วจ้องเขาด้วยอารามยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิง จะต้องให้เขาอธิบายออกมาเป็นแน่ ในใจเหลิ่งยวนเย็นวูบ ลอบให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ เจ้านายไม่อยู่ที่นี่ ไม่ได้ยินก็คงไม่เป็นไรกระมัง?
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหลิ่งยวนปริปาก “ข้าติดตามเจ้านายมาเนิ่นนาน ย่อมรู้อยู่แล้ว! ก่อนหน้าแม่นางจูน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนสามารถเข้าใกล้เจ้านายในระยะสิบลี้ได้เลย”
“โรคกลัวผู้หญิง?” จูนจิ่วเลิกคิ้วพลางกอดเสี่ยวอู่
เหลิ่งยวนอึ้งค้างไป เขาไม่รู้ว่าอะไรคือโรคกลัวผู้หญิง แต่ฟังดูแล้วเหมือนโม่อู๋เยว่กำลังป่วยไม่มีผิด แน่นอนว่าไม่อาจทำให้จูนจิ่วเข้าใจผิดได้! เหลิ่งยวนรีบอธิบายโดยพลัน “แม่นางจูนท่านอย่าเข้าใจผิด! เจ้านายรู้สึกว่าเนื้อตัวผู้หญิงพวกนั้นเหม็นเกินไป จิตใจสกปรกเกินไป จุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์ มิใช่โรคกลัวผู้หญิงอะไรเลย ไม่เพียงผู้หญิง ผู้ชายก็มีไม่กี่คนที่เข้าใกล้เจ้านายได้! ฐานะของเจ้านายสูงศักดิ์เทียมฟ้า คนธรรมดาทั่วไปจะเข้าใกล้เจ้านายได้อย่างไรกัน”
หมดกัน!
เหลิ่งยวนรู้สึกว่าตัวเองยิ่งสาธยายก็ยิ่งมืดมนลงทุกที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขามีฉายาว่าลิ้นทองแท้ๆ พูดจามีวาทศิลป์ เพราะอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าจูนจิ่ว ทั้งๆ ที่สรรเสริญเจ้านาย ท้ายที่สุดกลับรู้สึกว่าเป็นการใส่ร้ายและดูแคลนไปเสียได้
ภายใต้ความสิ้นหวัง เหลิ่งยวนดิ้นรนปางตาย เขากล่าวต่อไปว่า “สรุปแล้ว แม่นางจูนเจ้านายปฏิบัติต่อท่านแตกต่างออกไป แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเห็นเจ้านายปฏิบัติต่อใครอย่างจริงใจเช่นนี้ อีกอย่างแหวนที่มอบให้แม่นางจูนนั้น เป็นสัญลักษณ์ตัวตนของเจ้านาย แล้วไหนจะกระดิ่งเงิน นั่นก็เป็นของที่เจ้านายใช้...”
จู่ๆ ข้างหลังพลันมีอาการหนาววูบลอยขึ้นมา เหลิ่งยวนเอ่ยได้เพียงครึ่งก็หยุดลงกะทันหัน
ชายบางคนที่โผล่ออกมาจากห้วงอากาศ ไม่ได้ปกปิดการมีตัวตนของตนอีกต่อไป ดังนั้นเหลิ่งยวนจึงขนลุกขนพองทั่วสรรพางค์กาย เขายืนนิ่งอยู่กับที่แผ่นหลังเหียดตรง เหลิ่งยวนเบิกตากว้างพลางสูดลมหายใจเย็นเยียบ เจ้านายกลับมาแล้ว?
จูนจิ่วเม้มมุมปากที่โม่อู๋เยว่ขัดจังหวะ
นางกวาดมองโม่อู๋เยว่ และมองเหลิ่งยวนต่อไป “เขาใช้อะไรของเขาเอง พูดต่อสิ”
“แม่นางจูน QAQ” เหลิ่งยวนแทบร้องไห้ไร้น้ำตา ทำไมไม่บอกกันก่อนว่าเจ้านายของเขากลับมาแล้ว? ช่วยด้วย เขาจะต้องถูกถลกเนื้อะถือหนังโยนเข้าไปในคุกอันหนาวเหน็บเป็นแน่ ซ้ำยังต้องถูกยินหันหัวเราะเยาะ แค่คิดก็น่าเวทนามากแล้ว
น้ำเสียงชั่วร้ายมีอำนาจดึงดูดของโม่อู๋เยว่ลอยมา “เหลิ่งยวน ยินหันจะมาแทนที่เจ้า”
ประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำ ไม่ด้อยไปกว่าการจับเหลิ่งยวนยัดเข้านรกขุมที่สิบแปดเลย เหลิ่งยวนคุกเข่าเสียงดังปึง บัดนั้นสีหน้าซีดขาวราวกระดาษ เขาไม่กล้าโต้แย้ง จึงเอ่ยปากรับคำ “ขอรับ”
“รอเดี๋ยว” จูนจิ่วมองไปทางโม่อู๋เยว่ ร้องเรียกเหลิ่งยวนเอาไว้ นางเอ่ย “เปบี่ยนคนมาแทนเหลิ่งยวนมันน่าสนใจขนาดนี้หรือ หรือว่าสิ่งที่เขาพูดมาเหล่านั้น ข้าฟังไม่ได้เลย”
เฮือก!
เหลิ่งยวนสูดลมหายใจเย็นวูบ จูนจิ่วถึงขั้นขัดขวางคำสั่งเจ้านาย คนที่เคยทำเช่นนี้มาก่อนไม่รู้ว่าหลุมฝังศพสูงแค่ไหนแล้ว! ไม่เพียงขัดขวาง จูนจิ่วยังยั่วยุอีกด้วย เหลิ่งยวนตกใจจนลมหายใจติดอยู่ในลำคอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขระที่เขากำลังตัวสั่นงันงกนั่นเอง ก็ได้ยินประโยคถัดมาที่ทำให้เขากลายเป็นหินในชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...